ซอฟท์ฟิลเลอร์ (Soft Filler) คือ สารเติมเต็มชนิดหนึ่งที่ใช้ในการเสริมความงามด้วยวิธีการฉีด ซึ่งประกอบด้วยไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) ที่เป็นสารที่พบได้ตามธรรมชาติในร่างกาย โดยปกติแล้วไฮยาลูโรนิก แอซิด จะทำหน้าที่ช่วยกักเก็บน้ำทำให้ผิวหนังชุ่มชื้น เปล่งปลั่งและมีความยืดหยุ่น ซอฟท์ฟิลเลอร์มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มวอลลุ่มและเติมเต็มร่องลึกบนใบหน้า ช่วยให้ผิวเรียบเนียนและเต่งตึงขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถใช้เติมเต็มบริเวณอื่นๆ บนใบหน้าเพื่อปรับรูปหน้าให้สมดุล เช่น จมูก คาง หรือโหนกแก้ม ประโยชน์ของการฉีดซอฟท์ฟิลเลอร์ ช่วยเติมเต็มร่องลึกและริ้วรอยต่างๆ บนใบหน้า เช่น ร่องแก้ม ร่องมุมปาก และร่องใต้ตา ช่วยเสริมให้ริมฝีปากอวบอิ่ม โดดเด่นมากยิ่งขึ้น ช่วยปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนลงตัวมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะบริเวณจมูก คางและโหนกแก้ม ช่วยยกกระชับใบหน้าให้เต่งตึงและดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น ช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง
Tag Archives: โบท็อกซ์กราม
รอยสิวคืออะไร สาเหตุของการเกิดรอยสิว รอยสิว คือ ร่องรอยที่เกิดขึ้นหลังจากสิวหายแล้ว โดยอาจมีสีแดง สีน้ำตาล หรือสีดำ ซึ่งเกิดจากการที่ร่างกายสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินมาซ่อมแซมและสร้างเซลล์ใหม่หลังจากที่สิวอักเสบหายไป แต่เซลล์ใหม่ที่สร้างขึ้นมามีสีที่เข้มกว่าเซลล์ผิวปกติ จึงทำให้เกิดรอยสิวขึ้นได้ สาเหตุของการเกิดรอยสิว การอักเสบของสิว: สิวที่อักเสบรุนแรงมากจะยิ่งทำให้เกิดรอยสิวได้ง่าย เนื่องจากการอักเสบจะทำให้เกิดความเสียหายต่อผิวหนังมากขึ้น การบีบหรือแกะสิว: การบีบหรือแกะสิวจะทำให้เกิดการอักเสบเพิ่มขึ้น และอาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้ด้วย ซึ่งจะยิ่งทำให้เกิดรอยสิวได้ง่าย การสัมผัสกับแสงแดด: การสัมผัสกับแสงแดดโดยตรงโดยไม่ป้องกันผิวด้วยครีมกันแดด จะทำให้เกิดการกระตุ้นให้เกิดการสร้างเมลานินมากขึ้น ซึ่งทำให้รอยสิวเข้มและเห็นได้ชัดยิ่งขึ้น การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่รุนแรง: การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่รุนแรงหรือมีส่วนผสมที่ระคายเคืองผิว จะทำให้เกิดการระคายเคืองและการอักเสบ ทำให้เกิดรอยสิวได้ง่าย การขาดการดูแลผิว: การไม่ดูแลผิวอย่างถูกต้อง เช่น การไม่ทำความสะอาดผิวหน้าเป็นประจำ ไม่ทาครีมกันแดด ไม่บำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ จะทำให้ผิวแห้งกร้านและเป็นขุย ซึ่งจะทำให้รอยสิวยิ่งเห็นได้ชัดขึ้น
เมโสฝ้า กระ เป็นหัตถการที่ใช้สารต่างๆ ฉีดเข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อลดเลือนจุดด่างดำและฝ้า ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้หลังทำจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพผิวของแต่ละคน สีและขนาดของจุดด่างดำหรือฝ้า ปริมาณสารที่ฉีด และเทคนิคการฉีดของแพทย์ โดยทั่วไปแล้วหลังทำเมโสฝ้า กระ จะเห็นผลได้ชัดเจนขึ้นในช่วงประมาณ 2-4 สัปดาห์ และจุดด่างดำหรือฝ้าจะค่อยๆ จางลงไปเรื่อยๆ สำหรับผลลัพธ์การรักษาจะอยู่ได้นานเพียงใดนั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ได้แก่ สภาพผิวของแต่ละคน พฤติกรรมการดูแลผิว การป้องกันแสงแดด และการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว หากดูแลผิวอย่างถูกต้องและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ผลลัพธ์หลังการรักษาด้วยเมโสฝ้า กระ ก็จะคงอยู่ได้นานยิ่งขึ้น โดยปกติแล้วควรเว้นระยะห่าง 1-3 เดือนจึงเข้ารับการรักษาซ้ำ อย่างไรก็ตาม เมโสฝ้า กระ ไม่ใช่หัตถการที่สามารถรักษาจุดด่างดำหรือฝ้าได้อย่างถาวร แต่เป็นการรักษาที่ช่วยลดเลือนจุดด่างดำและฝ้าให้จางลงเท่านั้น ดังนั้นหากต้องการรักษาจุดด่างดำหรือฝ้าในระยะยาว จึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เช่น ทาครีมกันแดดเป็นประจำ หลีกเลี่ยงแสงแดดจ้า และดูแลผิวอย่างถูกต้อง
ไหมมิ้นท์ (Mint Lift) ดีไหม ราคาเท่าไร ไหมมิ้นท์ (Mint Lift) คือ ไหมละลายชนิดพิเศษที่ทำจากวัสดุ PDO (Polydioxanone) โดยตัวไหมนั้นมีความบางและยืดหยุ่นสูง จึงสามารถสอดเข้าไปใต้ผิวหนังได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งหลังจากที่สอดไหมเข้าไปแล้ว ไหมจะเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังมีความกระชับ เต่งตึง และยกกระชับมากขึ้น ซึ่งไหมชนิดนี้สามารถนำมาใช้ได้ทั้งบริเวณ ใบหน้า ลำคอ หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา และบริเวณอื่นๆ ของร่างกายที่ต้องการยกกระชับ โดยข้อดีของไหมมิ้นท์ (Mint Lift) มีดังนี้ ไหมละลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ หรือระคายเคือง ใช้เวลาในการทำไม่นาน ประมาณ 30-60 นาที ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น เห็นผลได้เร็วภายใน 2-4 สัปดาห์ มีความปลอดภัยสูง ผ่านการรับรองจาก อย. ทั้งในไทยและต่างประเทศ ส่วนราคาของไหมมิ้นท์ (Mint Lift) จะแตกต่างกันไปในแต่ละคลินิก โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 10,000-30,000 บาท […]
ทรีทเม้นท์หน้าคืออะไร? ทรีทเม้นท์หน้า (Facial Treatment) คือ วิธีการดูแลผิวหน้าอย่างล้ำลึกเพื่อแก้ไขปัญหาผิวหน้าที่หลากหลาย โดยใช้เทคโนโลยีและสารบำรุงที่มีประสิทธิภาพสูง ทรีทเม้นท์หน้ามีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข เช่น ทรีทเม้นท์หน้าใส: ช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใส ลดเลือนรอยดำ รอยแดง และจุดด่างดำ ทรีทเมนท์ลดสิว: ช่วยลดการเกิดสิว ควบคุมความมันบนใบหน้า และลดรอยแผลเป็นจากสิว ทรีทเมนท์ริ้วรอย: ช่วยลดเลือนริ้วรอย กระชับผิวหน้า และเพิ่มคอลลาเจน ทรีทเมนท์หน้าเด้ง: ช่วยให้ผิวหน้าชุ่มชื้น อิ่มน้ำ เต่งตึง ทรีทเม้นท์หน้ามีแบบไหนบ้าง? ทรีทเม้นท์หน้ามีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีและสารบำรุงที่ใช้ ตัวอย่างทรีทเม้นท์หน้าที่นิยม ได้แก่ ทรีทเม้นท์ผลัดเซลล์ผิว: ช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่า กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวหน้าเรียบเนียน กระจ่างใส ทรีทเม้นท์เลเซอร์: ใช้พลังงานเลเซอร์ในการแก้ไขปัญหาผิวหน้า เช่น ริ้วรอย รอยแผลเป็น สิว ฝ้า กระ ทรีทเม้นท์วิตามิน: ผลักวิตามินเข้าสู่ผิวหน้าเพื่อบำรุงผิวอย่างล้ำลึก ทรีทเม้นท์มาส์กหน้า: ใช้มาส์กที่มีสารบำรุงเข้มข้นเพื่อแก้ไขปัญหาผิวหน้าเฉพาะจุด ทรีทเม้นท์หน้ามีขั้นตอนอย่างไร? ขั้นตอนการทรีทเม้นท์หน้าจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับประเภทของทรีทเม้นท์ แต่โดยทั่วไปแล้ว ขั้นตอนหลักๆ มีดังนี้ […]
วิตามินลดสิวกินแล้วดี สิวเป็นปัญหาผิวหนังที่พบบ่อย ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้คนทุกเพศทุกวัย สิวเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน เช่น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การผลิตน้ำมันส่วนเกินจากต่อมไขมันบนใบหน้า และการอุดตันของรูขุมขน วิตามินมีส่วนช่วยในการลดสิวได้ ซึ่งวิตามินที่มีส่วนช่วยในการรักษาสิวได้ดีคือ วิตามินเอ (Vitamin A) – ช่วยควบคุมการผลิตน้ำมันส่วนเกินจากต่อมไขมันบนใบหน้า วิตามินอี (Vitamin E) – ลดการอักเสบของสิว วิตามินซี (Vitamin C) – ช่วยลดการอักเสบของสิวและเสริมสร้างคอลลาเจนในผิว วิตามินซิงค์ (Zinc) – ช่วยควบคุมการผลิตน้ำมันส่วนเกินจากต่อมไขมันบนใบหน้า ลดการอักเสบของสิว วิตามินเสริมสามารถช่วยลดสิวได้ แต่ควรใช้ร่วมกับการดูแลผิวที่เหมาะสม เช่น การล้างหน้าเป็นประจำ และหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคืองผิว หากคุณมีสิวรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม
สิวไม่มีหัว คือ สิวอุดตันชนิดหนึ่ง เป็นสิวอุดตันที่ไม่ทำให้เกิดการอักเสบ เกิดจากความมันที่ถูกดันออกมาจากต่อมไขมันอุดตันอยู่ใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดตุ่มขึ้นมา โดยทั่วไปแล้ว สิวไม่มีหัวจะมีสีขาวหรือสีเหลือง อยู่ลึกใต้ผิวหนัง เป็นหัวสิวแข็งๆ แต่มักมองเห็นได้ไม่ชัด โดยสิวไม่มีหัวนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย มักพบได้ที่ใบหน้า อก และหลัง โดยมีสาเหตุสำคัญๆ ที่ทำให้เกิดสิวไม่มีหัว ดังนี้ ฮอร์โมนโดยเฉพาะช่วงวัยรุ่นไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ตอนต้น เนื่องจากร่างกายอยู่ในช่วงมีการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนในร่างกายซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากเกินไป จึงเป็นสาเหตุทำให้เกิดสิวได้ กรรมพันธุ์ที่มีผลต่อการเกิดสิว แม้ว่าจะไม่ได้เป็นสิวเหมือนกัน 100% แต่ถ้าได้รับกรรมพันธุ์มาว่าเป็นสิว เป็นไปได้ว่ามีโอกาสเป็นมากกว่าคนทั่วไปก็ได้ ยาบางชนิด โดยเฉพาะยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์, ลิเทียม รวมถึงยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว ก็สามารถทำให้เกิดสิวได้ ความเครียด ความเครียดสามารถกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลในร่างกาย พอฮอร์โมนตัวนี้หลั่งออกมาต่อมไขมันก็จะผลิตน้ำมันเพิ่มตามไปด้วย จึงเป็นการกระตุ้นให้เกิดสิวได้ การใช้เครื่องสำอางบางชนิด โดยเฉพาะเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของน้ำมันมากๆ หรือเครื่องสำอางที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว อาจทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน จึงทำให้เกิดสิวไม่มีหัวได้ สำหรับวิธีการดูแลรักษาสิวไม่มีหัว แนะนำให้ปฏิบัติดังนี้ ล้างหน้าให้สะอาดอยู่เสมอล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าหรือเจลล้างหน้าที่อ่อนโยน และหลีกเลี่ยงการใช้โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่ไม่ก่อให้เกิดสิว (non-comedogenic) เพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื่นและป้องกันการเกิดสิวใหม่ หลีกเลี่ยงการกดหรือบีบสิวโดยเด็ดขาด หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหรือเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของน้ำมันมากๆ ทาลงบนใบหน้าเพราะสบู่หรือเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของน้ำมันมากๆ จะทำให้รูขุมขนอุดตันมากยิ่งขึ้น เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ไม่ก่อให้เกิดสิว (non-comedogenic) หมั่นล้างแปรงแต่งหน้าและฟองน้ำอย่างสม่ำเสมอเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกและแบคทีเรียออก และเปลี่ยนปลอกหมอนและผ้าปูที่นอนบ่อยๆ […]
การรอให้ร้อยไหมเข้าที่นั้น แตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โดยทั่วไปก็ประมาณ 3 – 6 เดือน แต่เพื่อความปลอดภัยควรรอให้เข้าที่อย่างน้อย 1 ปี ผลลัพธ์ที่ได้อาจจะแตกต่างกันไปตั้งแต่ 1 – 2 ปีขึ้นอยู่กับชนิดของไหมละลายและเทคนิคการร้อยไหม ส่วนริ้วไหมจะมองแทบไม่เห็นได้เลยใน 3 – 4 วัน หลังทำสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ แต่ควรหลีกเลี่ยงการนวดหน้า การทำทรีทเมนต์หน้าเป็นเวลา 3 วัน ส่วนการออกกำลังกายที่ใช้แรงหนักนั้น ควรหลีกเลี่ยงประมาณ 1 เดือน ส่วนการร้อยไหมชนิดที่ไม่ละลาย ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานกว่าหลายปี ขณะที่ร้อยไหมชนิดละลาย จะใช้เวลานานกว่า 1 ปี หรือ 2 ปี โดยมีการค่อยๆ สลายตัว แต่ข้อดีของไหมชนิดละลายนี้คือ จะเริ่มลดการหย่อนคล้อยของผิวหนังตั้งแต่อาทิตย์แรกที่ทำ ส่วนริ้วไหมก็จะค่อยๆ จางหายไปตามธรรมชาติในที่สุด
ฟิลเลอร์ Hyabell เป็นฟิลเลอร์ชนิดไฮยาลูโรนิกที่มีคุณภาพสูงและปลอดภัยในการใช้เพื่อเติมเต็มริ้วรอยและปรับรูปหน้า ฟิลเลอร์ Hyabell ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) และได้รับการอนุมัติให้ใช้ในประเทศไทยแล้ว ฟิลเลอร์ Hyabell มีหลายรุ่น แต่ละรุ่นมีจุดประสงค์ในการใช้และบริเวณที่เหมาะสมในการฉีดที่แตกต่างกัน ดังนี้ Hyabell Shape Plus: เป็นฟิลเลอร์ที่มีความหนาแน่นสูง เหมาะสำหรับการฉีดเพื่อเสริมจมูก แก้ไขปัญหาจมูกบาน จมูกไม่โด่ง และปรับรูปหน้าให้ได้รูปทรงที่ต้องการ Hyabell Action Plus: เป็นฟิลเลอร์ที่มีความหนาน้อยกว่า Hyabell Shape Plus เหมาะสำหรับการฉีดเพื่อเติมเต็มร่องแก้ม ร่องใต้ตา และริ้วรอยลึกต่างๆ Hyabell Cute Plus: เป็นฟิลเลอร์ที่มีความหนาน้อยที่สุด เหมาะสำหรับการฉีดเพื่อเติมเต็มรอยแผลเป็น สิว หลุมสิว และปรับเปลี่ยนรูปปาก Hybrid Hyalfirm II: เป็นฟิลเลอร์ Hyaluronic Acid ฉีดสำหรับปรับรูปหน้า แก้ไขปัญหาริ้วรอยลึก มุมปากตก แก้ไขปัญหาจมูก รูปหน้า หรือ ฉีดเพื่อเติมเต็มเนื้อเยื่อบริเวณต่าง ๆ ของผิว ทั้งนี้ […]
ร่องใต้ตาเกิดจากอะไร ร่องใต้ตาเกิดจากหลายปัจจัย ทั้งปัจจัยทางพันธุกรรมและปัจจัยภายนอก เช่น ปัจจัยทางพันธุกรรม: ร่องใต้ตาบางคนมีสาเหตุมาจากพันธุกรรม โดยมักจะเกิดในคนที่มีกระดูกใต้ตาบางและมีไขมันใต้ตาน้อย การสูญเสียน้ำหนักอย่างรวดเร็ว: การสูญเสียน้ำหนักอย่างรวดเร็วอาจทำให้ไขมันใต้ตาหายไปได้ ซึ่งจะทำให้เกิดหรือทำให้ร่องใต้ตาดูลึกขึ้นได้ อายุที่เพิ่มขึ้น: เมื่ออายุมากขึ้น คอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนังจะลดลง ทำให้ผิวหนังสูญเสียความยืดหยุ่นและหย่อนคล้อยลง ซึ่งอาจทำให้เกิดริ้วรอยและร่องลึกใต้ตาได้ การดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม: การดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว การไม่ทาครีมกันแดดเมื่อออกแดด การนอนดึกบ่อยๆ อาจทำให้ผิวใต้ตาบางและสูญเสียความชุ่มชื้นได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดริ้วรอยและร่องลึกใต้ตาได้ ภาวะภูมิแพ้: ภาวะภูมิแพ้บางชนิด เช่น ภูมิแพ้ฝุ่น ภูมิแพ้หญ้า อาจทำให้เกิดอาการคันหรือระคายเคืองบริเวณใต้ตาได้ การขยี้หรือเกาบริเวณรอบดวงตาบ่อยๆ อาจทำให้เกิดรอยพับหรือริ้วรอยใต้ตาได้ วิธีแก้ไขร่องใต้ตา ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมาะสมกับสภาพผิว โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ช่วยคืนความชุ่มชื้นให้กับผิว เช่น กรดไฮยาลูโรนيك วิตามินซี วิตามินอี และเรตินอล ทาครีมกันแดดทุกวัน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ออกแดดจัดก็ตาม เนื่องจากรังสี UVA และ UVB สามารถทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนังได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดริ้วรอยและร่องลึกใต้ตาได้ นอนหลับให้เพียงพอ เพื่อให้ผิวหนังได้มีเวลาฟื้นฟูและซ่อมแซมตัวเอง ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อให้ผิวหนังมีความชุ่มชื้น หากผิวขาดความชุ่มชื้นจะยิ่งทำให้ร่องใต้ตาลึกขึ้นได้ เลี่ยงอาหารที่มีโซเดียมสูง เพราะโซเดียมสามารถกักเก็บน้ำในร่างกายได้ ทำให้เกิดอาการบวมน้ำบริเวณต่างๆ รวมถึงบริเวณใต้ตาด้วย […]