Category Archives: Skincare

ฟิลเลอร์ Juvederm มีกี่รุ่น ราคาเท่าไร แต่ละรุ่นฉีดบริเวณใด

ฟิลเลอร์ Juvederm มีกี่รุ่น ราคาเท่าไร แต่ละรุ่นฉีดบริเวณใด Juvederm Ultra 2 (2.5 CC) ราคาประมาณ 15,000 บาท ฉีดบริเวณ ร่องแก้ม ตีนกา ริมฝีปาก และรอยแผลเป็น Juvederm Ultra 3 (2.5 CC) ราคาประมาณ 16,000 บาท ฉีดบริเวณ แก้ม ขมับ ร่องแก้ม และรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ Juvederm Ultra 4 (2.5 CC )ราคาประมาณ 18,000 บาท ฉีดบริเวณ แก้ม จมูก คาง และปรับรูปหน้า Juvederm Voluma (2 CC) ราคาประมาณ 25,000 บาท ฉีดบริเวณโหนกแก้ม เพิ่มริ้วแก้ม และปรับรูปหน้า Juvederm […]

ไหมกุหลาบคืออะไร แตกต่างจากไหมก้างปลาอย่างไร

ไหมกุหลาบ (Mulberry silk) เป็นใยธรรมชาติที่ได้จากรังไหมของหนอนไหม ไหมกุหลาบเป็นผ้าที่ได้จากการถักทอด้วยเส้นใยของหนอนไหมที่กินใบหม่อน เป็นผ้าที่มีคุณภาพสูง มีความนุ่มสบาย ใส่แล้วรู้สึกเย็นสบาย ไม่ระคายเคืองผิว โดดเด่นด้วยความเงางามเป็นเอกลักษณ์ มีความยืดหยุ่นสูง ไม่ยับง่าย ดูแลรักษาง่าย ไหมกุหลาบมีราคาค่อนข้างสูง แต่ก็คุ้มค่ากับราคาเพราะมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ไหมก้างปลา (Tussah silk) ไหมก้างปลา เป็นผ้าไหมที่เกิดจากการเลี้ยงไหมที่อาศัยในรังที่สร้างขึ้นบนกิ่งก้านของต้นไม้ขนาดเล็ก มีลักษณะเป็นเส้นยาว บาง โดยลักษณะทั่วไปแล้วจะมีสีนวลขาว หรือ น้ำตาลอ่อน มีความแตกต่างจากไหมกุหลาบ (Mulberry silk) โดยไหมก้างปลาจะมีความหยาบกระด้างกว่าไหมก้างปลา เนื่องจากเส้นใยไม่ได้ผ่านกระบวนการแปรรูปที่ซับซ้อน ทำให้เส้นใยมีความยืดหยุ่นน้อยกว่าไหมกุหลาบ นอกจากนี้ ไหมก้างปลายังมีผิวมันน้อยกว่า ซึ่งทำให้เนื้อผ้าดูหยาบขึ้น จุดแตกต่างหลักระหว่างไหมกุหลาบและไหมก้างปลา ที่มาของเส้นใย: ไหมกุหลาบได้มาจากหนอนไหมที่กินใบหม่อน ส่วนไหมก้างปลาได้มาจากหนอนไหมที่กินใบไม้หลากหลายชนิด ลักษณะเส้นใย: เส้นใยไหมกุหลาบมีความยาวและละเอียดกว่าไหมก้างปลา ทำให้ไหมกุหลาบมีเนื้อผ้าที่นุ่ม เนียน และทนทานกว่า ความเงางาม: ไหมกุหลาบมีความเงางามมากกว่าไหมก้างปลา เนื่องจากเส้นใยไหมกุหลาบสามารถสะท้อนแสงได้ดีกว่า ความยืดหยุ่น: ไหมกุหลาบมีความยืดหยุ่นมากกว่าไหมก้างปลา ทำให้ไหมกุหลาบสามารถยืดได้มากขึ้นและคืนตัวได้ดีกว่า ราคา: ไหมกุหลาบมีราคาแพงกว่าไหมก้างปลา เนื่องจากกระบวนการผลิตที่ซับซ้อนกว่าและผลผลิตที่ได้น้อยกว่า

ร้อยไหมยกหางตา แก้ปัญหาตาตก คิ้วตก ดีไหม

การร้อยไหมยกหางตาเป็นวิธีแก้ปัญหาตาตก คิ้วตก โดยการสอดไหมละลายเข้าไปบริเวณหางตาและคิ้วเพื่อยกกระชับเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อที่หย่อนคล้อยให้กลับคืนตำแหน่งเดิม เป็นการปรับรูปตาให้ดูสวยงามและสดใสยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดริ้วรอยเหี่ยวย่นบริเวณหางตาและคิ้ว ทำให้ดวงตาดูโต สดใส และอ่อนเยาว์ลงได้ การร้อยไหมยกหางตาเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาตาตก คิ้วตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นช่วงที่ผิวหนังและกล้ามเนื้อเริ่มหย่อนคล้อย การร้อยไหมยกหางตาสามารถช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังเป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีผลข้างเคียงน้อยอีกด้วย ขั้นตอนการร้อยไหมยกหางตาแพทย์จะทำความสะอาดบริเวณที่จะทำการรักษา จากนั้นฉีดยาชาเฉพาะที่เพื่อลดความรู้สึกเจ็บปวด แพทย์จะทำการวัดและกำหนดจุดที่จะสอดไหม จากนั้นใช้เข็มพิเศษสอดไหมละลายเข้าไปบริเวณหางตาและคิ้ว หลังจากนั้นจะดึงไหมให้ตึงอย่างเหมาะสมเพื่อยกกระชับเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อที่หย่อนคล้อย การร้อยไหมยกหางตาใช้เวลาในการทำประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง หลังจากการทำอาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อยและมีอาการบวมช้ำบริเวณที่ทำการรักษา แต่จะค่อยๆ ยุบลงภายใน 1-2 สัปดาห์ ในช่วงแรกแพทย์อาจแนะนำให้หลีกเลี่ยงกิจกรรมหนักๆ หรือการก้มหน้าเป็นเวลานานๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ไหมหลุดหรือเคลื่อนที่ การร้อยไหมยกหางตาเป็นวิธีที่ช่วยแก้ปัญหาตาตก คิ้วตก ได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย โดยทั่วไปผลลัพธ์จะคงอยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปี หลังจากนั้นอาจจำเป็นต้องทำการรักษาซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์ต่อไป

ไหมล็อค คืออะไร แตกต่างจากไหมชนิดอื่นอย่างไร

ไหมล็อค เป็นไหมชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเฉพาะตัวที่โดดเด่น นั่นคือมีความทนทานและความยืดหยุ่นสูงมาก ไหมชนิดนี้มักถูกนำมาใช้ในงานที่มีความต้องการความแข็งแรงสูง เช่น การเย็บผ้าร่มกันฝน เสื้อผ้าสำหรับกีฬากลางแจ้ง หรือแม้แต่เสื้อเกราะสำหรับทหาร ไหมล็อคมีลักษณะที่แตกต่างจากไหมชนิดอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด โดยไหมชนิดนี้จะมีความเงางามเป็นพิเศษ และมีผิวสัมผัสที่เรียบลื่น นอกจากนี้ ไหมล็อคยังมีความแข็งแรงทนทานสูง ไม่ขาดง่าย แม้จะถูกดึงหรือกระชากอย่างแรงก็ตาม นอกจากนี้ ไหมล็อคยังมีความยืดหยุ่นสูง ทำให้สามารถทนทานต่อการยืดและหดตัวได้เป็นอย่างดี ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นเหล่านี้ ไหมล็อคจึงเป็นไหมชนิดที่ได้รับความนิยมอย่างมากในงานที่มีความต้องการความแข็งแรงสูงต่างๆ อาทิเช่น การเย็บผ้าร่มกันฝน เนื่องจากไหมล็อคมีความทนทาน สามารถทนต่อแรงลมและแรงฝนได้ดี จึงเหมาะมากสำหรับการใช้งานนี้ การเย็บเสื้อผ้าสำหรับกีฬากลางแจ้ง เช่น เสื้อผ้าสำหรับปีนเขา เสื้อผ้าสำหรับเดินป่า และเสื้อผ้าสำหรับวิ่ง เนื่องจากไหมล็อคมีความทนทานสูง ไม่ขาดง่าย แม้จะถูกดึงหรือกระชากอย่างแรงก็ตาม การเย็บเสื้อเกราะสำหรับทหาร เนื่องจากไหมล็อคมีความแข็งแรงทนทานสูง สามารถทนทานต่อการยิง กระแทก และการขีดข่วนได้ดี จึงเหมาะมากสำหรับการใช้งานนี้

คางบุ๋ม คางสั้น คางตัด แก้ไขอย่างไรได้บ้าง

คางบุ๋ม คางสั้น คางตัด แก้ไขอย่างไรได้บ้าง คางถือเป็นจุดสำคัญของใบหน้าที่ช่วยเสริมให้ใบหน้าดูมีมิติและสมดุล หากใครที่มีคางที่ไม่สวย ไม่ว่าจะเป็นคางบุ๋ม คางสั้น หรือคางตัด ก็สามารถแก้ไขได้หลากหลายวิธีทั้งแบบไม่ต้องผ่าตัดและแบบผ่าตัด วิธีแก้ไขคางบุ๋ม ปัจจุบันมีหลากหลายวิธีแก้ไขคางบุ๋ม ทั้งวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด และแบบผ่าตัด วิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด การฉีดฟิลเลอร์: วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายและไม่เจ็บตัว โดยแพทย์จะฉีดสารเติมเต็มเข้าไปที่บริเวณคางเพื่อเติมเต็มส่วนที่บุ๋มลงไปให้เต็มขึ้น ช่วยให้คางดูมีมิติมากขึ้น การฉีดฟิลเลอร์ใช้เวลาเพียง 30-60 นาที โดยทั่วไปจะอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน การฉีดไขมัน: วิธีนี้คล้ายกับการฉีดฟิลเลอร์ แต่เป็นการใช้ไขมันของตัวเองฉีดเข้าไปที่บริเวณคางแทนสารเติมเต็ม ข้อดีของวิธีนี้คือไม่มีสารแปลกปลอมเข้าไปในร่างกาย แต่ต้องใช้เวลาในการผ่าตัดนานกว่าการฉีดฟิลเลอร์ และอาจต้องฉีดไขมันซ้ำหลายครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ วิธีผ่าตัด การเสริมคาง: วิธีนี้เป็นวิธีที่ถาวร แพทย์จะทำการผ่าตัดโดยการใส่ซิลิโคนเข้าไปที่บริเวณคางเพื่อเพิ่มขนาดและรูปร่างของคางให้ดูสมส่วนกับใบหน้ามากขึ้น การเสริมคางใช้เวลาในการผ่าตัดประมาณ 1-2 ชั่วโมง และต้องพักฟื้นประมาณ 1-2 สัปดาห์ วิธีแก้ไขคางสั้น มีหลากหลายวิธีแก้ไขคางสั้น ทั้งแบบผ่าตัดและไม่ผ่าตัด วิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด การฉีดฟิลเลอร์: วิธีนี้คล้ายกับการแก้ไขคางบุ๋ม แพทย์จะฉีดฟิลเลอร์เข้าไปที่บริเวณคางเพื่อช่วยยืดให้ดูยาวขึ้น การฉีดฟิลเลอร์ครั้งหนึ่งจะอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน โดยทั่วไปผลลัพธ์จะเห็นได้ทันทีหลังการฉีดและไม่เจ็บตัว การร้อยไหม: การร้อยไหมเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยทำให้คางดูยาวขึ้นได้ แพทย์จะใช้เข็มร้อยไหมที่มีฟิลเลอร์ติดอยู่ […]

6 วิธีกำจัดขน ที่ได้ผลลัพธ์ที่ดี และเป็นที่นิยม

การแว็กซ์ขน (Waxing) การแว็กซ์ขนเป็นวิธีที่คนส่วนใหญ่นำมาใช้กำจัดขน การแว็กซ์ขนจะใช้แว็กซ์มาทาบนขน จากนั้นดึงขนออก การแว็กซ์ขนมีหลายวิธีทั้งแบบแว็กซ์เย็น แว็กซ์ร้อน และแบบใช้กระดาษ สำหรับแบบที่ดีที่สุดนั้นแล้วแต่ผู้ใช้ ซึ่งควรเข้าไปทำที่ร้านที่มีผู้เชี่ยวชาญจะปลอดภัยกว่า การเลเซอร์ขน (Laser Hair Removal) การเลเซอร์ขนเป็นวิธีที่ได้ผลถาวรที่สุด มีประสิทธิภาพ และอ่อนโยนต่อผิว โดยใช้หลักการยิงลำแสงเลเซอร์ไปยังรากขน ทำให้รากขนค่อยๆ อ่อนแอลงและหลุดร่วงไป การเลเซอร์ขนนิยมทำที่บริเวณใบหน้า แขน ขา ใต้วงแขน และจุดซ่อนเร้น เลเซอร์มีหลายชนิด ควรเลือกให้เหมาะกับสีผิวและสีขน สำหรับราคาทำเลเซอร์ขนนั้นแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับชนิดของเลเซอร์ บริเวณที่ทำ รวมถึงความเชี่ยวชาญของแพทย์ การโกนขน (Shaving) การโกนขนเป็นวิธีที่ง่ายและสะดวกที่สุด แต่เป็นวิธีที่ได้ผลระยะสั้นที่สุด ซึ่งหลังจากโกนขนแล้ว ขนจะกลับมาขึ้นใหม่ภายใน 2-3 วัน แต่ก็มีข้อดีที่คุณทำเองที่บ้านได้ และไม่เจ็บอีกด้วย การถอนขนด้วยแหนบ (Tweezing) การถอนขนด้วยแหนบเป็นวิธีที่ได้ผลถาวรเช่นกัน แต่ต้องใช้เวลาและความอดทน วิธีนี้เหมาะกับการกำจัดขนบนใบหน้า คิ้ว และขนที่ไม่ต้องการในบริเวณอื่นๆ โดยใช้แหนบหนีบขนออกทีละเส้น วิธีนี้สามารถทำเองที่บ้านได้ การใช้ครีมกำจัดขน (Depilatory Creams) การใช้ครีมกำจัดขนเป็นวิธีที่สะดวกและไม่เจ็บ แต่ก็ได้ผลลัพธ์แค่ระยะสั้นๆ […]

ร้อยไหมกี่วันเข้าที่ ริ้วไหมจะหายไปภายในกี่วัน

หลังจากทำการร้อยไหมจะใช้เวลาประมาณ 1-3 เดือน กว่าริ้วรอยจะจางหายไปจนมองไม่เห็น เนื่องจากเส้นไหมจะกระตุ้นให้เกิดการสมานแผลใต้ผิวหนัง และสร้างคอลลาเจนใหม่ขึ้นมาทดแทนเส้นไหมที่สลายไป ซึ่งระยะเวลาในการจางหายจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลรักษาหลังทำ โดยทั่วไปแล้วริ้วรอยจากการร้อยไหมจะเริ่มจางลงอย่างเห็นได้ชัดในช่วง 2-4 สัปดาห์ และจะจางหายไปจนมองไม่เห็นภายใน 3 เดือน ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกหลังทำการร้อยไหม ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ทำการร้อยไหมแรง ๆ ไม่ควรนวดหรือขยี้บริเวณดังกล่าว หากมีอาการบวมช้ำควรรับประทานยาแก้ปวดและประคบเย็นบริเวณที่ทำการร้อยไหม นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ๆ และการทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมากเกินไปในช่วง 2-4 สัปดาห์แรกหลังทำการร้อยไหม เพื่อป้องกันไม่ให้เส้นไหมเคลื่อนตัวหรือหลุดออกจากตำแหน่ง การดูแลรักษาผิวบริเวณที่ทำการร้อยไหมอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ริ้วรอยจางหายไปได้เร็วขึ้นและช่วยให้ผลลัพธ์จากการร้อยไหมคงอยู่ได้นานขึ้น

เมโสหน้าใส คืออะไร? ฉีดไปแล้วจะมีอันตรายและผลข้างเคียงไหม

เมโสหน้าใส (Mesotherapy) เป็นเทคนิคการฉีดสารต่างๆ เข้าใต้ผิวหนังบริเวณใบหน้า เพื่อช่วยปรับสภาพผิวให้กระจ่างใส เปล่งปลั่ง อิ่มน้ำ ช่วยลดเลือนริ้วรอยต่างๆ รวมถึงช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวเพื่อชะลอความชรา การฉีดเมโสหน้าใสประกอบด้วยสารต่างๆ ดังนี้ วิตามิน: ช่วยบำรุงผิวและปรับให้ผิวกระจ่างใส สารต้านอนุมูลอิสระ: ช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระซึ่งเป็นตัวการก่อให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยและปัญหาผิวต่างๆ กรดไฮยาลูโรนิก: ช่วยเก็บกักความชุ่มชื้นและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว สารสกัดจากพืชต่างๆ: เช่น สารสกัดจากว่านหางจระเข้ สารสกัดจากดอกคาโมมายล์ มีคุณสมบัติช่วยปลอบประโลมผิว ลดอาการระคายเคือง และช่วยฟื้นฟูสภาพผิว ผลของการฉีดเมโสหน้าใส ผิวกระจ่างใส เปล่งปลั่ง มีออร่า ลดริ้วรอยต่างๆ เช่น ริ้วรอยตื้น ริ้วรอยร่องลึก และริ้วรอยรอยเหี่ยวย่น ลดการเกิดสิว ช่วยกระชับรูขุมขนให้เล็กลง ผิวมีความเรียบเนียน ชุ่มชื้น และยืดหยุ่นขึ้น ลดเลือนรอยดำ รอยแดง และจุดด่างดำต่างๆ ผลข้างเคียงของการฉีดเมโสหน้าใส การฉีดเมโสหน้าใสถือเป็นหัตถการที่ค่อนข้างปลอดภัย โดยทั่วไปแล้วมักไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงร้ายแรง แต่ในบางรายอาจมีผลข้างเคียงที่พบบ่อย ได้แก่ บวมแดงบริเวณที่ฉีด ซึ่งมักจะหายไปภายใน 1-2 วัน อาการแสบร้อนหรือรู้สึกเจ็บเล็กน้อย อาจมีรอยเข็มบริเวณที่ฉีด ซึ่งมักจะหายไปได้เองภายในไม่กี่วัน ข้อควรระวังและข้อห้ามสำหรับการฉีดเมโสหน้าใส ผู้ที่แพ้ยาหรือสารใดๆ […]

วิธีป้องกันสิว เคล็ดลับไม่ให้สิวขึ้นมากวนใจ

วิธีป้องกันสิว เคล็ดลับไม่ให้สิวขึ้นมากวนใจ ล้างหน้าให้สะอาด 2 ครั้งต่อวัน โดยใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่เหมาะกับสภาพผิว โดยไม่มีส่วนผสมที่รุนแรงหรือทำให้ผิวแห้งตึง หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าบ่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อมือไม่สะอาด เพราะอาจนำพาแบคทีเรียและสิ่งสกปรกมาอุดตันรูขุมขนได้ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะกับสภาพผิว โดยผลิตภัณฑ์บำรุงผิวบางชนิดอาจทำให้เกิดสิวได้ จึงควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมันหรือส่วนผสมที่จะอุดตันรูขุมขน รักษาความสะอาดของอุปกรณ์แต่งหน้าและแปรง โดยล้างอุปกรณ์เหล่านี้อย่างสม่ำเสมอเพราะอาจเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรีย หลีกเลี่ยงการใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ หรือส่วนผสมอื่นๆ ที่อาจทำให้เกิดสิวบริเวณรอบปาก รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ได้แก่ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายเป็นประจำ เพราะสิ่งเหล่านี้อาจช่วยลดความเครียดและความมันบนใบหน้าได้ ปรึกษาแพทย์ผิวหนังหากมีสิวรุนแรง เพราะแพทย์อาจสั่งจ่ายยาหรือให้คำแนะนำที่เหมาะสมสำหรับการรักษาสิวโดยเฉพาะ

Soft Filler คืออะไร ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง

Soft Filler คืออะไร ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง Soft Filler หรือ ฟิลเลอร์ชนิดนิ่ม เป็นสารเติมเต็มชนิดหนึ่งที่ใช้ในการเสริมความงาม มีส่วนประกอบหลักเป็นไฮยาลูโรนิกแอซิด (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารที่พบได้ตามธรรมชาติในร่างกายของมนุษย์ มีลักษณะเป็นเจลใสและมีฤทธิ์ดูดซับน้ำได้ดี จึงสามารถช่วยให้ผิวหนังชุ่มชื่นและอิ่มฟูได้ โดย Soft Filler สามารถช่วยแก้ไขปัญหาความงามต่างๆ ได้หลากหลาย เช่น เติมเต็มริ้วรอยลึกและแผลเป็น ร้อยแก้มเพื่อยกกระชับใบหน้า ปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้นหรือเสริมคางให้ได้รูปโดย notfound: good เพิ่มความโด่งของสันจมูก เติมเต็มริมฝีปากให้ดูอวบอิ่ม แก้ไขร่องลึกใต้ตา Soft Filler มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากเป็นสารที่สลายไปได้เองตามธรรมชาติภายในระยะเวลาประมาณ 6-12 เดือนขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีด และไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง ยกเว้นในบางรายอาจมีอาการบวมแดงหรือช้ำเล็กน้อยบริเวณจุดที่ฉีด ซึ่งจะค่อยๆ หายไปเองภายในเวลาไม่กี่วัน ทั้งนี้ การฉีด Soft Filler ควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและเป็นที่น่าพอใจ