คุณค่าทางโภชนาการของถั่วขาว: ถั่วขาวเป็นพืชที่เต็มไปด้วยสารอาหารที่สำคัญต่างๆ มากมาย ถั่ว 3.8 ออนซ์ (100 กรัม) มีค่าทางโภชนาการของธัญพืชที่สำคัญต่างๆ ดังต่อไปนี้: แคลอรี่: 588 โปรตีน: 24.3 กรัม ไขมัน: 1.2 กรัม คาร์โบไฮเดรต: 106.6 กรัม ไฟเบอร์: 36.3 กรัม โพแทสเซียม: 1,208 มิลลิกรัม เหล็ก: 5.1 มิลลิกรัม แมกนีเซียม: 169 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส: 432 มิลลิกรัม วิตามินบี 6: 1.4 มิลลิกรัม โฟเลต: 530 ไมโครกรัม กรดแพนโทธีนิก: 2.3 มิลลิกรัม แมงกานีส: 1.1 มิลลิกรัม ทองแดง: 0.4 มิลลิกรัม สังกะสี: 2.1 มิลลิกรัม […]
Tag Archives: สมุนไพร
ผักโขม ผักโขม (Spinach) เป็นพืชล้มลุกอายุสั้นที่สามารถปลูกได้ง่าย มีลำต้นตรง สูงประมาณ 20-30 ซม. ใบมีลักษณะกลมรีหรือไข่กลับ มีสีเขียวเข้ม มันวาว กินได้ทั้งสดและสุก โดยมักใช้ประกอบอาหารหลายประเภท เช่น ผัด ยำ แกงจืด ซุป หรือนำไปคั้นเป็นน้ำผักโขมดื่มก็ได้ ผักโขมเป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายหลายชนิด ทั้งวิตามินและแร่ธาตุ เช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินเค ธาตุเหล็ก แคลเซียม และโฟเลต เป็นต้น ผักโขมจึงได้รับการยกย่องว่าเป็นราชาแห่งผักใบเขียว และเป็นหนึ่งในผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงที่สุดชนิดหนึ่ง การปลูกผักโขม ผักโขมเป็นผักที่ปลูกง่าย สามารถปลูกได้ทั้งในดินและในน้ำ แต่การปลูกในดินจะให้ผลผลิตที่ดียกว่า ผักโขมเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุยที่มีความเป็นกรดเป็นด่างเล็กน้อย (pH ระหว่าง 6.0-7.0) ดินต้องมีความอุดมสมบูรณ์สูง มีอินทรียวัตถุมาก และมีการระบายน้ำที่ดี ผักโขมสามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี แต่ช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดในการปลูกคือช่วงฤดูหนาว เพราะอากาศเย็นจะช่วยให้ผักโขมเจริญเติบโตได้ดี วิธีการปลูกผักโขมมีดังนี้ เตรียมดินโดยการพรวนดินให้ร่วนซุย ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักลงไปเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับดิน จากนั้นรดน้ำให้ชุ่ม หว่านเมล็ดผักโขมลงไปในแปลงที่เตรียมไว้ โดยให้เมล็ดมีระยะห่างกันประมาณ 10-15 ซม. ก […]
ผักบุ้งทะเล ดอกสวย สรรพคุณแก้อักเสบ แก้พิษแมงกระพรุน ผักบุ้งทะเล เป็นพืชสมุนไพรที่พบได้ตามชายฝั่งทะเล มีลักษณะเป็นไม้เลื้อย ลำต้นกลม มีใบเป็นใบเดี่ยว ออกดอกเป็นช่อสีม่วงหรือชมพู ผักบุ้งทะเลมีสรรพคุณทางยาหลายประการ เช่น แก้อักเสบ แก้พิษแมงกระพรุน แก้พิษงู แก้ไข้ แก้ท้องร่วง แก้บิด ขับปัสสาวะ บำรุงโลหิต บำรุงหัวใจ บำรุงสายตา วิธีใช้ผักบุ้งทะเล แก้อักเสบ แก้พิษแมงกระพรุน แก้พิษงู นำใบผักบุ้งทะเลมาตำให้ละเอียด ผสมน้ำเล็กน้อย แล้วพอกบริเวณที่เป็นแผลอักเสบหรือโดนพิษ แก้ไข้ แก้ท้องร่วง แก้บิด นำใบผักบุ้งทะเลมาต้มกับน้ำ ดื่มครั้งละ 1 แก้ว วันละ 3 ครั้ง ขับปัสสาวะ นำใบผักบุ้งทะเลมาต้มกับน้ำ ดื่มครั้งละ 1 แก้ว วันละ 3 ครั้ง บำรุงโลหิต บำรุงหัวใจ บำรุงสายตา นำใบผักบุ้งทะเลมาต้มกับน้ำ ดื่มครั้งละ 1 แก้ว วันละ […]
เห็ดตับเต่าสองชนิดคือ เห็ดตับเต่าดำ (แบล็คโคลอร์) และเห็ดตับเต่าขาว (ไวท์โคลอร์) เห็ดตับเต่าจัดเป็นเห็ดที่มีราคาแพงที่สุดชนิดหนึ่ง โดยเห็ดตับเต่าดำจะมีราคาสูงกว่าเห็ดตับเต่าขาว เนื่องจากเห็ดตับเต่าดำจะมีรสชาติที่นุ่มกว่า มีการเพาะปลูกที่ยากกว่า และเจริญเติบโตได้น้อยกว่าเห็ดตับเต่าขาว โดยเห็ดตับเต่าเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมาก จึงถึงมีการเพาะปลูกเพื่อจำหน่ายเป็นจำนวนมาก เห็ดตับเต่าขาวเป็นสายพันธุ์เดียวกันกับเห็ดทรัฟเฟิล เห็ดตับเต่าเป็นเห็ดที่เจริญเติบโตในชั้นดินที่อุดมสมบูรณ์ และเติบโตได้ดีในประเทศไทย รวมถึงมีการจำหน่ายและส่งออกเป็นจำนวนมาก สรรพคุณของเห็ดตับเต่า เห็ดตับเต่าเป็นเห็ดที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ มากมาย เช่น ไฟเบอร์ วิตามินบี 6 แมกนีเซียม โพแทสเซียม ธาตุเหล็ก และฟอสฟอรัส โดยแต่ละสารอาหารล้วนมีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น ช่วยลดความดันโลหิต ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ช่วยต้านมะเร็ง เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย การเพาะเห็ดตับเต่า การเพาะเห็ดตับเต่าเป็นกระบวนการที่ต้องใช้ความชำนาญสูง และสามารถจำแนกกระบวนการเพาะเห็ดได้เป็น 4 ขั้นตอน ได้แก่ การเตรียมก้อนเห็ด: เตรียมโดยการผสมส่วนผสมต่างๆ เข้าด้วยกัน ได้แก่ ขี้เลื่อย 80 เปอร์เซ็นต์ รำข้าว 10 เปอร์เซ็นต์ และปุ๋ยหมัก 10 เปอร์เซ็นต์ […]
ฝาง สรรพคุณ และประโยชน์ ฝาง คืออะไร? ฝางเป็นพืชในกลุ่มพืชตระกูลถั่ว ที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cassia fistula L. ฝางเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางที่พบในพื้นที่เขตร้อนและกึ่งเขตร้อนของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงประเทศไทย ใบฝางเป็นใบประกอบแบบขนนกที่มีใบย่อย 4-8 คู่ ดอกฝางเป็นดอกสีเหลืองสดขนาดใหญ่ที่ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ผลฝางเป็นฝักยาวสีน้ำตาลเข้มที่มีเมล็ดสีดำขนาดใหญ่ สรรพคุณของฝาง แก้ท้องผูก: ฝางมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยเพิ่มการบีบตัวของลำไส้และทำให้อุจจาระนิ่มขึ้น จึงช่วยบรรเทาอาการท้องผูกและช่วยให้ขับถ่ายง่ายขึ้น แก้อาการท้องร่วง: ฝางมีสรรพคุณในการช่วยดูดซับน้ำและเกลือแร่ในลำไส้ จึงช่วยบรรเทาอาการท้องร่วงและช่วยให้ร่างกายดูดซับน้ำและเกลือแร่ได้ดีขึ้น รักษาแผลในกระเพาะอาหาร: ฝางช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารหรือลำไส้ได้ ช่วยขับปัสสาวะ: ฝางช่วยขับปัสสาวะและช่วยป้องกันการเกิดนิ่วในไตและในกระเพาะปัสสาวะ บำรุงสายตา: ฝางมีเบตาแคโรทีนซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยบำรุงสายตา ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด: ฝางมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ลดความดันโลหิต: ฝางช่วยลดความดันโลหิต ต้านการอักเสบ: ฝางมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ช่วยลดอาการอักเสบที่เกิดจากโรคต่างๆ ต้านมะเร็ง: ฝางมีฤทธิ์ต้านมะเร็ง นอกจากนั้นแล้วฝางยังมีสรรพคุณอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ช่วยบรรเทาอาการไข้หวัด ไอ เจ็บคอ ช่วยขับเสมหะ เพิ่มความอยากอาหาร และบำรุงผิวพรรณให้สดใส ประโยชน์ของฝาง ฝางเป็นพืชที่มีประโยชน์อย่างมากต่อมนุษย์ เนื่องจากมีสรรพคุณทางยาหลากหลาย ฝางสามารถใช้รักษาอาการเจ็บป่วยต่างๆ ได้ ทั้งยังสามารถนำมาใช้ปรุงอาหารและทำเป็นอาหารได้ด้วย แต่ก็ต้องระมัดระวังในการทาน […]
ผักโขม ผักโขม (Spinach) จัดเป็นพืชผักตระกูลเดียวกับหัวบีทและผักกาด ซึ่งเป็นผักใบเขียวที่อุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆ มากมาย เช่น ไฟเบอร์, โฟเลต, ธาตุเหล็ก, แมกนีเซียม, วิตามินเอ, วิตามินซี, วิตามินเค, แคลเซียม, โพแทสเซียม, สังกะสี เป็นต้น โดยปกติแล้วผักโขมจะมีใบกว้างทรงไข่กลม มีสีเขียวเข้ม เหมาะที่จะบริโภคให้ได้ประโยชน์สูงสุด เช่น รับประทานสดๆ หรือปรุงอาหาร โดยเฉพาะเมนูแกงจืด การปลูกผักโขม ผักโขมเป็นพืชผักที่สามารถปลูกได้ง่ายและเจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศหรือเขตหนาว และเป็นพืชผักที่ไม่ต้องการการดูแลหรือเอาใจใส่เป็นพิเศษมากนัก ดังนั้นการปลูกผักโขมจึงเหมาะกับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นหัดปลูกพืชผัก โดยขั้นตอนในการปลูกผักโขมมีดังนี้ การเตรียมแปลงปลูกผักโขม เลือกพื้นที่ปลูกผักโขมที่มีแสงแดดส่องถึงอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน ย่อยดินให้ร่วนซุย ใส่ปุ๋ยคอกและแกลบลงในแปลงปลูก รดน้ำให้ชุ่ม การเพาะกล้าผักโขม ผสมดินร่วนละเอียดและปุ๋ยคอกในอัตรา 3:1 หยอดเมล็ดผักโขมลงไปโดยให้มีระยะห่างระหว่างแต่ละเมล็ดประมาณ 1 นิ้ว โรยดินบางๆ ก ลบเมล็ดผักโขม รดน้ำด้วยฝักบัวเบาๆ นำกล้าผักโขมไปวางไว้ในที่ที่มีแสงแดดรำไร การย้ายกล้าผักโขมลงแปลงปลูก เมื่อกล้าผักโขมมีใบจริง 2-3 ใบ ให้ย้ายลงแปลงปลูก โดยให้มีระยะห่างระหว่างแต่ละต้นประมาณ 8-12 […]
เตย/ใบเตย สรรพคุณ และการปลูกเตย เตยเป็นพืชสมุนไพรหลากหลายชนิดในสกุล Pandanus ซึ่งพบได้ในพื้นที่เขตร้อนและกึ่งเขตร้อนของโลก พืชเตยบางชนิดมีถิ่นกำเนิดในเอเชีย บางชนิดมีถิ่นกำเนิดในแอฟริกา และบางชนิดมีถิ่นกำเนิดในโอเชียเนีย เตยเป็นพืชที่มีความหลากหลายมาก บางชนิดมีลำต้นสูง บางชนิดมีลำต้นเตี้ย บางชนิดมีใบยาว ใบที่กว้าง บางชนิดมีดอกสีสวยงาม และบางชนิดมีผลไม้ที่กินได้ สรรพคุณของเตย เตยมีสรรพคุณทางยาหลากหลาย ได้แก่ ช่วยบรรเทาอาการเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย ช่วยแก้อาการท้องเสีย ท้องร่วง ช่วยขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยแก้อาการไอ เจ็บคอ ช่วยลดอาการปวด ปวดหัว ช่วยบำรุงหัวใจ บำรุงประสาท ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง การปลูกเตย เตยเป็นพืชที่ปลูกง่าย สามารถปลูกได้ทั้งในดินและในน้ำ เตยเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนปนทรายที่มีความชื้นสูง พืชเตยแนะนำปลูกในช่วงฤดูฝน เตยชอบดินร่วนซุย มีอินทรียวัตถุท้องถิ่นหรือปุ๋ยคอก การเตรียมดิน ควรไถพรวนดินลึก 20-30 ซม. และย่อยดินให้ละเอียด สำหรับดินที่เป็นกรดจัด pH ต่ำกว่า 5 ควรปรับสภาพดินโดยการใส่ปูนขาว 200-300 กก./ไร่ การปลูก […]
สนสามใบ (Benguet Pine): ประโยชน์และสรรพคุณ สนสามใบหรือมากาเป็ก เป็นต้นไม้เขียวชอุ่มตลอดปีในสกุล Pinus มีต้นกำเนิดในฟิลิปปินส์ มีความสูงโดยเฉลี่ย 10-30 เมตร โดยมีลำต้นเป็นเปลือกสีน้ำตาลตั้งตรงและมีกิ่งก้านแผ่อกว้างเป็นพุ่มหนาแน่น ใบของสนสามใบมีลักษณะยาวเป็นเข็ม มีสีเขียวเข้ม เป็นกลุ่มละ 3 ใบ และมีขนาดยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร สนสามใบสามารถเจริญเติบโตได้ในดินหลายประเภท แต่พบมากที่สุดในดินที่มีการระบายน้ำดีและมีความเป็นกรดเล็กน้อย สนสามใบมีสรรพคุณทางยาหลายประการ ในการแพทย์แผนไทย มักใช้ส่วนต่างๆ ของสนสามใบเพื่อรักษาอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดท้อง บิด มูกเลือด และโรคผิวหนัง ในการแพทย์แผนจีน สนสามใบใช้เพื่อลดอาการอักเสบ รักษาอาการปวดท้อง และบรรเทาอาการปวดประจำเดือน ประโยชน์ของสนสามใบ นอกจากสรรพคุณทางยาแล้ว สนสามใบยังมีประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย ด้วยรูปทรงที่สวยงามและความทนทาน จึงมักปลูกเป็นไม้ประดับทั้งในสวนสาธารณะและในบ้าน ในบางประเทศ สนสามใบยังใช้เป็นไม้เพื่อการค้า โดยใช้เนื้อไม้ในการทำเฟอร์นิเจอร์ กระดาษ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น แม้ว่าสนสามใบจะมีสรรพคุณทางยาและประโยชน์หลายประการ แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงได้เช่นกัน หากรับประทานมากเกินไป อาจเกิดอาการระคายเคืองที่ผิวหนัง ตา และระบบทางเดินหายใจ นอกจากนี้ สนสามใบยังมีสาร Tannin […]
ผำ/ไข่ผำ แต่เดิมนั้นชาวไทยใช้น้ำสกัดจากไข่ปลาเพื่อสร้างไฟฟ้าแสงสว่าง การ ใช้ ไข่ปลาบดแบ่งเป็น 2 ส่วน เพื่อใช้ทำน้ำ้าสกัดจากไข่ปลา เอาไข่ที่แบ่งไส้กลางทิ้ง เชื่อกันว่าเอาส่วน ทวารหนักของปลาทิ้ง จึงเป็นอาหารที่ไม่มี ทวารหนัก หมายถึงทานเท่าไรก็ไม่ถ่าย เอาไข่ผ่าซีก แล้วแยกเอาฟองส้มๆ ออกตาก พักไว้ เอาไข่ผ่าซีกอีกรอบ จนเห็นน้ำเป็นสีเหลือง ครึ่งหนึ่งอ่อนกว่าสีส้ม ขั้นตอนนี้สามารถใช้ผ้าขาวบางรัดไข่ไว้ และบีบน้ำออกมาก เอาไปใช้เป็นน้ำสกัดไข่ ให้แสงสว่าง แบ่งส้มๆ เป็นก้อนๆ โขลกพอ แตก ชิมดูจะเค็มลง เอาไข่ผ่าซีกสีเหลืองไปตำ สามารถผัด กินกับข้าวสวยได้ หรือ นำไปตากแดดแล้วค่อยผัด สามารถทำเป็นของแข็ง จากไข่ผำ โดยนำไปเข้าแบบบิ๊กบิก ตามรูปทรงที่ต้องการ สรรพคุณไข่ปลาบด เป็นยาระงับประสาท ผ่อนคลายความล้า บำรุงกำลัง ช่วยให้หายอ่อนเพลีย รักษาภาวะเบื่ออาหาร เรียกน้ำย่อย ช่วยให้ง่วงนอน นอนหลับง่ายขึ้น มีคุณภาพ ช่วยบำรุงครรภ์และบำรุงน้ำนมมารดา รักษาอาการตับติดเชื้อ
ชมพู่มะเหมี่ยว/มะเหมี่ยว สรรพคุณ และวิธีปลูกชมพู่มะเหมี่ยว สรรพคุณของชมพู่มะเหมี่ยว ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ชมพู่มะเหมี่ยวมีฤทธิ์ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด จึงช่วยรักษาโรคเบาหวานได้ โดยในเปลือกของชมพู่มะเหมี่ยวมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของอินซูลิน จึงช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง สารสกัดจากเปลือกของชมพู่มะเหมี่ยวมีฤทธิ์ช่วยลดความดันโลหิต จึงช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูงได้ ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด สารสกัดจากเปลือกของชมพู่มะเหมี่ยวมีฤทธิ์ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด จึงช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง สารสกัดจากเปลือกของชมพู่มะเหมี่ยวมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ โดยในเปลือกของชมพู่มะเหมี่ยวมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันเซลล์จากความเสียหาย จึงช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง ช่วยบำรุงผิวพรรณ สารสกัดจากเปลือกของชมพู่มะเหมี่ยวมีฤทธิ์ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส โดยในเปลือกของชมพู่มะเหมี่ยวมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันเซลล์ผิวจากความเสียหาย จึงช่วยลดริ้วรอยและจุดด่างดำบนผิวหนัง วิธีปลูกชมพู่มะเหมี่ยว การเลือกพื้นที่ปลูก ควรเลือกพื้นที่ปลูกที่มีสภาพอากาศอบอุ่นถึงร้อน มีความชื้นสูง และมีแสงแดดส่องเพียงพอ การเตรียมดิน ควรเตรียมดินให้มีสภาพร่วนซุย มีความเป็นกรดด่างเป็นกลาง และมีการระบายน้ำที่ดี การปลูก ควรปลูกชมพู่มะเหมี่ยวในช่วงฤดูฝน โดยขุดหลุมปลูกที่มีขนาดกว้างและลึกประมาณ 50 เซนติเมตร ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักลงไปในหลุมปลูก จากนั้นนำต้นชมพู่มะเหมี่ยวลงปลูกแล้วกลบดินให้แน่น รดน้ำให้ชุ่ม การดูแลรักษา ควรรดน้ำให้ชมพู่มะเหมี่ยวอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน ควรให้น้ำวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น และควรใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักให้กับชมพู่มะเหมี่ยวทุกๆ 3-4 เดือน การเก็บเกี่ยวผลชมพู่มะเหมี่ยว สามารถเก็บเกี่ยวผลชมพู่มะเหมี่ยวได้เมื่อผลมีสีแดงอมม่วง และมีกลิ่นหอม โดยผลชมพู่มะเหมี่ยวจะเริ่มแก่ในช่วงเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม