โลดทะนงแดง คืออะไร โลดทะนงแดง หรือ มังคุดทะเล เป็นผลไม้ตระกูลเดียวกับมังคุด ผิวเปลือกสีแดงสด ผลกลมรี มีเมล็ดใหญ่ 1 เมล็ด แหล่งกำเนิดอยู่ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศไทย ลาว และเวียดนาม สรรพคุณของโลดทะนงแดง โลดทะนงแดงมีสรรพคุณทางยาหลายประการ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีมาตั้งแต่โบราณ ดังนี้ 1. ช่วยบำรุงผิวพรรณให้ขาวกระจ่างใส โลดทะนงแดงมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง จึงช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว ทำให้ผิวพรรณแลดูอ่อนเยาว์ และสดใสยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดริ้วรอย จุดด่างดำ และความหมองคล้ำบนใบหน้าให้ดูจางลงอีกด้วย 2. ช่วยขัดเซลล์ผิวและลดรอยหมองคล้ำ ด้วยเนื้อสัมผัสของเปลือกโลดทะนงแดงที่มีความหยาบเล็กน้อย จึงสามารถนำมาใช้เป็นสครับขัดเซลล์ผิวได้ โดยช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วออกอย่างอ่อนโยน เผยผิวใหม่ที่สดใสเปล่งปลั่ง พร้อมทั้งช่วยลดรอยหมองคล้ำที่เกิดจากสิว ฝ้า หรือแผลเป็นได้อีกด้วย 3. ช่วยรักษาสิวและอาการอักเสบของผิวหนัง โลดทะนงแดงมีฤทธิ์ในการต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา จึงช่วยรักษาสิวและอาการอักเสบของผิวหนังได้เป็นอย่างดี 4. ช่วยบรรเทาอาการท้องเสียและอาการปวดท้อง เปลือกโลดทะนงแดงมีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการท้องเสียและอาการปวดท้องได้ โดยนำเปลือกโลดทะนงแดงมาต้มกับน้ำแล้วดื่ม 5. ช่วยแก้อาการแพ้และอาการคัน เปลือกโลดทะนงแดงมีสรรพคุณแก้พิษและช่วยลดอาการแพ้ได้ โดยนำเปลือกโลดทะนงแดงมาต้มกับน้ำแล้วใช้สำลีชุบน้ำมาประคบบริเวณผิวหนังที่แพ้ 6. ช่วยบรรเทาอาการปวดข้อและโรคกระดูก เปลือกโลดทะนงแดงมีสรรพคุณช่วยลดอาการปวดข้อและบรรเทาอาการโรคกระดูกต่างๆ ได้ 7. ช่วยบำรุงสุขภาพหัวใจ […]
Tag Archives: สมุนไพร
ผักแว่น ชนิด ผักแว่น หรือ ผักแพว เป็นพืชจำพวกผักชนิดหนึ่ง มีหลายพันธุ์ หลายชื่อเรียก โดยแต่ละพื้นที่อาจเรียกแตกต่างกันไป เช่น ผักแว่น ผักแพว ผักอีแพว ผักอีแปว ผักแปวฝักยาว เป็นต้น โดยทั่วไปแล้วผักแว่นจะมีลำต้นเลื้อยไปตามดิน มีทั้งต้นที่มีขนและไม่มีขน ลำต้นมีความยาวได้ถึง 2 เมตร ใบมีลักษณะกลมหรือเป็นรูปไข่ มีทั้งขอบหยักและขอบเรียบ ดอกมีสีเหลืองหรือสีขาว ออกเป็นช่อบริเวณซอกใบ ผลมีลักษณะเป็นฝักกลมยาวเรียว ฝักอ่อนมีสีเขียวอ่อน เมื่อฝักแก่จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลหรือสีดำ เมล็ดมีสีดำ เนื้อในเมล็ดมีสีขาวหรือสีครีม ประโยชน์ ผักแว่นมีประโยชน์มากมาย ได้แก่ ใช้เป็นอาหาร: ผักแว่นสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู เช่น แกงเลียง แกงจืด แกงส้ม ผัดผัก แกงไตปลา เป็นต้น ใช้เป็นยาสมุนไพร: ผักแว่นมีสรรพคุณทางยาหลายอย่าง เช่น ช่วยลดความดันโลหิตสูง บรรเทาอาการไอ ขับเสมหะ แก้ท้องร่วง รักษาโรคกระเพาะอาหาร เป็นต้น นำส่วนของเมล็ดมาปลูกเป็นอาหารสัตว์เลี้ยง ผักแว่นสามารถใช้เป็นส่วนประกอบเครื่องประดับดอกไม้ได้ สร้างแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัยให้สัตว์ป่า ลดการชะล้างพังทลายของหน้าดิน […]
ไม้ผลรับประทานเป็นพืชที่ให้ผลผลิตเป็นผลไม้ที่สามารถรับประทานได้ โดยมีคุณค่าทางโภชนาการสูงและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ไม้ผลในแต่ละชนิดมีฤดูกาลในการให้ผลผลิตที่แตกต่างกัน โดยทั่วไปแล้วไม้ผลสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ ไม้ผลเมืองหนาวหรือไม้ผลเมืองกึ่งหนาว และไม้ผลเมืองร้อน ไม้ผลเมืองหนาวหรือไม้ผลเมืองกึ่งหนาว ได้แก่ แอปเปิ้ล ลูกแพร์ ท้อ องุ่น พลัม เชอร์รี่ สตรอว์เบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ และอื่นๆ ไม้ผลเหล่านี้เจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศเย็นและมีการพักตัวในช่วงฤดูหนาว โดยจะเริ่มออกดอกและติดผลในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ไม้ผลเมืองหนาวส่วนใหญ่ให้ผลผลิตในช่วงฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วง ไม้ผลเมืองร้อน ได้แก่ มะม่วง กล้วย สับปะรด มะละกอ มะนาว ส้มโอ เงาะ ทุเรียน ลำไย และอื่นๆ ไม้ผลเหล่านี้เจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศร้อนและชื้น โดยสามารถให้ผลผลิตได้ตลอดทั้งปีหรือให้ผลผลิตในช่วงฤดูฝน ไม้ผลเมืองร้อนบางชนิดสามารถปลูกได้ทั้งในพื้นที่ราบและพื้นที่สูง การปลูกไม้ผลรับประทานนั้นมีหลายวิธี ทั้งการปลูกในแปลงเกษตร การปลูกในสวนหลังบ้าน หรือการปลูกในกระถาง การดูแลรักษาไม้ผลรับประทานโดยทั่วไปก็คล้ายๆ กัน คือ ต้องให้น้ำและปุ๋ยอย่างสม่ำเสมอ ตัดแต่งกิ่งเพื่อให้ต้นไม้มีทรงสวยงามและติดผลดี ป้องกันและกำจัดโรคแมลงศัตรูพืช โดยสามารถใช้สารเคมีหรือวิธีธรรมชาติก็ได้
โลดทะนงแดง โลดทะนงแดง หรือชื่อท้องถิ่นคือ ทะนงแดง หรือ ทับใหญ่ เป็นไม้เนื้อแข็งชนิดหนึ่ง ขึ้นทั่วไปในป่าเบญจพจน์ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ มีสาะแดงเป็นไม้ที่ใกล้เคียง ถ้าดูผิวเผินเปลือกทะนงแดงคล้ายเปลือกต้น สะเดาเทศ แต่ปัจจัยที่สามารถแยกออกอย่างชัดเจนคือ ใบสะเดาเทศมี 2 ใบต่อขั้ว ใบแคบเรียว ส่วนใบของต้นทะนงแดงจะมี 3 ใบต่อ 1 ขั้ว ใบกว้ากว่า แต่ทั้ง 2 ต้นต่างมีผลคล้ายมะขาม ชาวบ้านมักนำมาบริโภกแทนสะเดาเทศ ทานโลดทะนงแดงมีส khasiat ที่โดดเด่นช่วยเรื่องอะไรบ้าง ช่วยให้ผิวขาว: โลดทะนงแดงดีต่อผิวเพราะมีส่วนประกอบของสาร anemoside ที่เป็นสาร saponin มีฤทธิ์ inhibit Enzyme tyrosinase ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดรอยด่างดำ Melanin บนใบหน้า วิธีการรับประประจำวัน Diterimaดีคือ 1 มิลลิันท่อง ละให้โทนน้ำ 1 แก้ว รับประประจำวันๆละ 1-2 ครั่ง ขัดเซลผิว: […]
ละหุ่ง (castor) ลักษณะของละหุ่ง ละหุ่งเป็นพืชล้มลุกที่มีอายุหลายปี ลำต้นตั้งตรงเป็นพุ่ม มีความสูงประมาณ 1-5 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยว ออกสลับ รูปฝ่ามือ กว้างประมาณ 15-35 เซนติเมตร ก้านใบยาวประมาณ 10-25 เซนติเมตร ขอบใบหยักเว้าลึกเป็นแฉก 5-11 แฉก ดอกมีสีเหลืองหรือสีเขียว ออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง มีทั้งดอกตัวผู้และดอกตัวเมียในช่อเดียวกัน ผลเป็นผลแห้งรูปทรงกลม มีหนามแหลม มีเมล็ดอยู่ภายใน เมล็ดละหุ่งมีสีน้ำตาลหรือสีดำ สรรพคุณของละหุ่ง ช่วยระบาย ช่วยบรรเทาอาการท้องผูก ป้องกันมะเร็งลำไส้ บำรุงผิวหนังและเส้นผม ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ช่วยลดการอักเสบ ช่วยรักษาโรคผิวหนังบางชนิด เช่น ผื่น ผิวหนังอักเสบ โรคสะเก็ดเงิน เป็นต้น การปลูกละหุ่ง การเตรียมดิน การเตรียมดินนั้นก่อนการปลูกต้องเริ่มด้วยการปรับแผนดินให้ละเอียดและจัดการกำจัดวัชพืชและเศษซากวัชพืชที่อยู่ในบริเวณดินปลูกหรือทุ่งนาที่จะใช้เพาะปลูกออกให้หมดรวมถึงการทำการไถกลบเพื่อเพิ่มเติมซากพืชลงในดิน ซึ่งจะช่วยให้มีการย่อยสลายตัวและเพิ่มปริมาณอินทรีย์วัตถุในดิน ซึ่งการไถพลิกดินนั้น ก็จะมีการผสมซากพืชกับดินด้านล่างทำให้การซึมผ่านได้ดียิ่งขึ้น การเพาะปลูก หลังจากนั้นให้ทำหลุมหว่านหรือหลุมปลูกให้มีระยะห่างระหว่างหลุมปลูก 60-90 เซนติเมตร แล้วใส่เมล็ดละหุ่งลงไปหลุมละ 2-3 เมล็ด หรือหว่านเมล็ดลงไป แล้วใช้ดินกลบ […]
แห้ว/แห้วจีน ประโยชน์ สรรพคุณ และการปลูกแห้ว แห้วเป็นพืชหัวที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการและสรรพคุณทางยา มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Eleocharis dulcis (Burm. f.) Trin. ex Hensch มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย แห้วมีหลายสายพันธุ์ ที่นิยมปลูกในประเทศไทย ได้แก่ แห้วพันธุ์พื้นเมือง ซึ่งมีลักษณะหัวกลมขนาดเล็ก เนื้อในสีขาว และแห้วพันธุ์จีน ซึ่งมีลักษณะหัวใหญ่กว่าพันธุ์พื้นเมือง เนื้อในสีเหลืองอ่อน ประโยชน์ของแห้ว อุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆ เช่น วิตามินซี วิตามินบี6 โฟเลต และโพแทสเซียม มีฤทธิ์เป็นยาเย็น แก้ร้อนใน กระหายน้ำ ช่วยบำรุงร่างกาย เพิ่มความสดชื่น และลดอาการอ่อนเพลีย ช่วยบำรุงหัวใจ และป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในภาวะปกติ ช่วยลดความดันโลหิต ช่วยบำรุงผิวหนังและเส้นผม ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันเซลล์จากการทำลายของสารพิษต่างๆ ช่วยป้องกันมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่มะเร็งเต้านม สรรพคุณทางยาของแห้ว แก้ร้อนใน กระหายน้ำ บำรุงร่างกาย เพิ่มความสดชื่น ลดอ่อนเพลีย บำรุงหัวใจ […]
เห็ดนางฟ้า เห็ดนางฟ้ามีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Pleurotus ostreatus เป็นเห็ดชนิดหนึ่งที่มีคุณค่าทางอาหารและสรรพคุณทางยาสูง มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน สามารถนำไปปรุงอาหารได้หลากหลายเมนู ทั้งต้ม ผัด แกง ทอด รวมไปถึงนำไปแช่อิ่มและดอง เห็ดนางฟ้ามีคุณสมบัติเด่นในการช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและน้ำตาลในเลือด รวมถึงมีฤทธิ์ในการต้านมะเร็งและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน การเพาะเห็ดฟ้า การเพาะเห็ดนางฟ้าสามารถทำได้ง่ายๆ ที่บ้าน โดยมีขั้นตอนดังนี้ วัสดุอุปกรณ์ เชื้อเห็ดนางฟ้า ก้อนเชื้อเห็ดฟาง ฟางข้าว แกลบ ขี้เลื่อย น้ำตาลทรายแดง เกลือ ปูนขาว ถุงพลาสติก อุปกรณ์ฆ่าเชื้อโรค ขั้นตอนการเพาะเห็ดนางฟ้า เตรียมก้อนเชื้อเห็ด โดยการนำก้อนเชื้อเห็ดนางฟ้าออกจากถุงพลาสติกแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แช่ก้อนเชื้อเห็ดนางฟ้าในน้ำสะอาดประมาณ 30 นาที เพื่อให้ก้อนเชื้อเห็ดฟื้นตัว ผสมวัสดุเพาะเห็ด โดยผสมฟางข้าว แกลบ ขี้เลื่อย น้ำตาลทรายแดง เกลือ และปูนขาว ในอัตราส่วนที่เหมาะสม นำวัสดุเพาะเห็ดที่ผสมแล้วใส่ในถุงพลาสติก จากนั้นนำเชื้อเห็ดที่แช่น้ำแล้วลงไปผสมกับวัสดุเพาะเห็ดในถุงพลาสติกให้ทั่ว ปิดปากถุงพลาสติกให้แน่น แล้วเจาะรูเล็กๆ ที่ปากถุงเพื่อให้เห็ดงอกออกมา วางถุงพลาสติกที่มีวัสดุเพาะเห็ดอยู่ในที่ร่ม ที่มีอุณหภูมิประมาณ 25-30 องศาเซลเซียส รดน้ำให้เห็ดทุกวัน โดยรดน้ำให้ชุ่มแต่ไม่แฉะ […]
กลอย/ว่านกลอยจืด กลอย (Alocasia odora)/(Colocasia eopedicellatum) เป็นพืชในวงศ์ Araceae มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงประเทศไทย กลอยเป็นไม้ล้มลุกที่มีเหง้าใต้ดินขนาดใหญ่ ใบมีขนาดใหญ่และมีสีเขียวเข้ม มีก้านใบยาวและอวบน้ำ ดอกกลอยมีสีขาวและมีกลิ่นหอม กลอยมีหลายสายพันธุ์ บางสายพันธุ์มีเกล็ดสีแดงอยู่บริเวณก้านใบและโคนใบ สายพันธุ์กลอยน้ำมีใบที่ใหญ่กว่าสายพันธุ์อื่นและสามารถเจริญได้ในน้ำตื้น ประโยชน์ของกลอย เหง้ากลอยมีสารอาหารมากมายรวมถึงคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และวิตามินชนิดต่างๆ เช่น วิตามินซี วิตามินบี1 และวิตามินบี2 เหง้ากลอยสามารถนำมาต้มหรือทอดเพื่อรับประทานได้โดยตรง โดยเหง้ากลอยจะมีรสชาติมันและมีกลิ่นหอมอ่อนๆ เหง้ากลอยสามารถนำมาแปรรูปเป็นอาหารได้หลากหลาย เช่น กลอยเชื่อม กลอยทอดกรอบ กลอยแห้ง เหง้ากลอยสามารถนำมาใช้เป็นยารักษาโรคได้ เช่น ใช้เป็นยาแก้โรคบิด โรคท้องร่วง และโรคปวดหัว ใบกลอยสามารถนำมาใช้เป็นอาหารได้เช่นเดียวกัน โดยใบกลอยสามารถนำมาต้มหรือผัดเพื่อรับประทานได้ ใบกลอยสามารถนำมาใช้เป็นยารักษาโรคได้ เช่น ใช้เป็นยาแก้โรคผิวหนังและโรคแผลเป็น อย่างไรก็ตาม กลอยบางสายพันธุ์อาจมีสารพิษชื่อว่ากรดออกซาลิก (Oxalic acid) ซึ่งเป็นสารพิษที่สามารถทำให้เกิดอาการปวดแสบปวดร้อนในปากและคอ รวมถึงอาจทำให้เกิดอาการท้องร่วงและปวดท้อง ดังนั้นจึงควรรับประทานกลอยในปริมาณที่เหมาะสมและควรหลีกเลี่ยงการรับประทานกลอยดิบ
หญ้าหวาน (Stevia) หญ้าหวานหรือสตีเวีย เป็นพืชสมุนไพรที่ให้ความหวานจากธรรมชาติ มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาใต้ โดยเฉพาะในประเทศบราซิลและปารากวัย ใบของหญ้าหวานมีความหวานโดยธรรมชาติ ซึ่งมีระดับความหวานสูงกว่าน้ำตาลทรายถึง 10-30 เท่า ในขณะเดียวกันก็มีปริมาณแคลอรี่และคาร์โบไฮเดรตต่ำมาก สรรพคุณของหญ้าหวาน หญ้าหวานมีสรรพคุณมากมายต่อสุขภาพ ได้แก่ ช่วยลดน้ำตาลในเลือด เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ช่วยควบคุมและลดน้ำหนัก ป้องกันโรคอ้วน ช่วยลดความดันโลหิต มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอวัยและลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันในร่างกาย การปลูกหญ้าหวาน หญ้าหวานเป็นพืชที่ปลูกง่าย สามารถปลูกได้ทั้งในดินและในกระถาง ขั้นตอนการปลูกหญ้าหวานมีดังนี้ การเตรียมดิน หญ้าหวานชอบดินร่วนซุยที่มีความเป็นกรดด่างเป็นกลาง ควรเตรียมดินโดยการไถ พรวน ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก และรดน้ำให้ชุ่ม การปลูก หญ้าหวานสามารถปลูกได้ทั้งเมล็ดและกิ่งพันธุ์ หากปลูกด้วยเมล็ด ให้หว่านเมล็ดลงในดินที่เตรียมไว้ จากนั้นกลบดินบางๆ และรดน้ำให้ชุ่ม หากปลูกด้วยกิ่งพันธุ์ ให้ปักกิ่งพันธุ์ลงในดินที่เตรียมไว้ จากนั้นรดน้ำให้ชุ่ม การดูแล หญ้าหวานเป็นพืชที่ไม่ต้องการการดูแลมากนัก เพียงรดน้ำสม่ำเสมอและใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเป็นครั้งคราว หญ้าหวานจะเริ่มออกดอกและให้ใบที่สามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่อมีอายุประมาณ 3-4 เดือน หญ้าหวานเป็นพืชที่สามารถเก็บเกี่ยวได้ตลอดปี การใช้ประโยชน์จากหญ้าหวาน ใบหญ้าหวานสามารถใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง เช่น ใช้ปรุงอาหารและเครื่องดื่มแทนน้ำตาลทราย ใช้เป็นส่วนผสมในอาหารเสริมและยาสมุนไพร ใช้สกัดเป็นสารสตีวิโอไซด์ (Stevioside) […]
ฝาง สรรพคุณ และประโยชน์ ฝาง (Acacia catechu) เป็นต้นไม้ยืนต้นขนาดกลาง มีถิ่นกำเนิดในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มักพบในป่าเบญจพรรณและป่าเต็งรัง ลำต้นตรง สูงประมาณ 10-15 เมตร เปลือกต้นสีเทาอมน้ำตาล ใบประกอบแบบขนนก เรียงสลับ ดอกเล็ก สีเหลืองอ่อน ออกเป็นช่อบริเวณปลายกิ่ง ผลเป็นฝักแบนยาว ภายในมีเมล็ดสีน้ำตาลจำนวนมาก ฝางมีสรรพคุณทางยาหลายประการ เปลือกต้นฝางมีรสฝาด แก้ท้องเสีย บิดมูกเลือด แก้บิดในเด็ก แก้โรคริดสีดวงทวาร หนองใน เป็นยาพอกแผลสด แผลเรื้อรัง และไฟไหม้ เปลือกนำมาต้มรวมกับใบทองพันชั่งและใบขลู่ ใช้บ้วนปากแก้ปากเปื่อย ปากเป็นแผล แก้เหงือกอักเสบ เป็นยาห้ามเลือด แก้ท้องร่วง ปิดแผล บรรเทาอาการหวัด คออักเสบ แก้น้ำเหลืองเสีย ใบฝางมีรสฝาด แก้ท้องร่วง แก้บิดมูกเลือด ห้ามเลือด และสมานแผล เมล็ดฝางมีรสฝาด แก้ท้องเสีย แก้บิด และแก้โรคริดสีดวงทวาร นอกจากนี้ ฝางยังมีประโยชน์อื่นๆ อีก เช่น เปลือกต้นและใบนำมาทำเป็นยาสีฟัน […]