ส้มโอ (pomelo) ส้มโอ เป็นผลไม้รสเปรี้ยวที่มีรูปร่างกลม ผิวสีเขียวหรือเหลือง เนื้อสีชมพูหรือขาว มีเมล็ดขนาดใหญ่ สรรพคุณ อุดมไปด้วยวิตามินซี ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย มีเส้นใยอาหารสูง ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี มีโพแทสเซียมสูง ช่วยลดความดันโลหิตและป้องกันโรคหัวใจ การปลูกส้มโอ การเตรียมดิน เลือกดินร่วนซุย ที่มีการระบายน้ำดี ปรับสภาพดินโดยการไถพรวนและใส่ปุ๋ยคอก การปลูก ขุดหลุมกว้างและลึกประมาณ 50 เซนติเมตร ก ลบดินและรดน้ำให้ชุ่ม การดูแลรักษา การให้น้ำ: รดน้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน การใส่ปุ๋ย: ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยเคมีตามอายุของต้น การตัดแต่งกิ่ง: ตัดแต่งกิ่งแห้ง กิ่งที่ไม่สมบูรณ์ และกิ่งที่หนาแน่นเกินไป การกำจัดวัชพืช: กำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้น เพื่อป้องกันการแย่งอาหารและน้ำ การเก็บเกี่ยว ส้มโอจะให้ผลผลิตเมื่อมีอายุประมาณ 3-4 ปี เก็บเกี่ยวเมื่อผลส้มโอกลับเป็นสีเหลืองหรือเขียวอมเหลือง ตัดขั้วให้เป็นก้านยาวเพื่อยืดอายุการเก็บรักษา
Tag Archives: พืชผัก
ชวนชม ชวนชม เป็นไม้พุ่มขนาดเล็กที่มีถิ่นกำเนิดในแถบแอฟริกาตะวันออก เป็นไม้ผลัดใบที่มีความสูงได้ถึง 3 เมตร ลำต้นมีสีน้ำตาลถึงสีเทา ใบเป็นใบเดี่ยวมีลักษณะเป็นแผ่นบางเป็นมัน มีสีเขียวเข้มเป็นมัน ดอกชวนชมมีหลายสี เช่น สีขาว แดง ชมพู ม่วง ลักษณะดอกเป็นดอกรวมที่ประกอบด้วยดอกย่อยจำนวนมาก ดอกชวนชมมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ออกดอกตลอดปี bột rau xanh Nhật Bản การปลูกชวนชม ชวนชมเป็นไม้ที่ปลูกง่ายไม่ต้องการการดูแลมากนัก เหมาะสำหรับปลูกเป็นไม้ประดับในสวนหรือปลูกในกระถางประดับภายในบ้าน โดยทั่วไปแล้วชวนชมสามารถปลูกได้ในดินร่วนระบายน้ำได้ดีและมีความเป็นกรดเล็กน้อยถึงปานกลาง นอกจากนี้ยังควรปลูกในพื้นที่ที่มีแสงแดดส่องถึงอย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อวัน การรดน้ำชวนชมควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอแต่ไม่ควรให้น้ำมากเกินไปเพราะจะทำให้รากเน่า สำหรับการให้ปุ๋ยควรใช้ปุ๋ยสูตรเสมอเช่นสูตร 15-15-15 โดยให้ปุ๋ยทุกๆ 1-2 เดือนเพื่อช่วยให้ชวนชมเจริญเติบโตได้ดีและออกดอกดก การขยายพันธุ์ชวนชมสามารถทำได้โดยการเพาะเมล็ดหรือการปักชำกิ่ง โดยทั่วไปแล้วการเพาะเมล็ดจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือนกว่าเมล็ดจะงอก ส่วนการปักชำกิ่งจะใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์กว่ากิ่งจะติดราก ชวนชมเป็นไม้ประดับที่สวยงามและเป็นที่นิยมปลูกกันอย่างแพร่หลาย หากคุณกำลังมองหาไม้ประดับที่ปลูกง่ายและไม่ต้องการการดูแลมากนัก ชวนชมก็เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณ
บานชื่น (Kochia) บานชื่น เป็นไม้ประดับที่สวยงาม มีลักษณะเป็นไม้ล้มลุก ลำต้นตั้งตรง แตกกิ่งก้านสาขาได้ดี ใบมีลักษณะคล้ายรูปใบหอก เรียงสลับกัน ลักษณะนูนขึ้นตามแนวเส้นกลางใบ ดอกมีขนาดเล็ก สีเขียวอมเหลือง ออกเป็นช่อที่ยอด ลักษณะของดอกจะเป็นกลมๆ คล้ายกำมะหยี่ และจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อแก่ trà giảm cân Nhật การปลูกบานชื่น การเพาะเมล็ด เตรียมดินโดยผสมดินร่วนทรายกับปุ๋ยหมักในอัตรา 2:1 หว่านเมล็ดบานชื่นลงในดิน แล้วกลบด้วยดินบางๆ รดน้ำให้ชุ่มแล้วนำไปวางในที่ร่มที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี การย้ายกล้า เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-3 ใบ ให้ย้ายลงแปลงปลูก โดยให้ระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 15-20 เซนติเมตร การดูแลรักษา รดน้ำสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงแรกของการปลูก ใส่ปุ๋ยทุก 15 วัน โดยใช้ปุ๋ยสูตร 16-16-16 กำจัดวัชพืชบริเวณแปลงปลูก ตัดแต่งกิ่งที่ไม่สมบูรณ์ออกเพื่อให้ต้นบานชื่นมีทรงพุ่มที่สวยงาม
ผักเคล (Curly Kale): ราชินีผักใบเขียว ผักเคล (Curly Kale) จัดเป็นผักใบเขียวที่อัดแน่นไปด้วยสารอาหารหลากหลาย จนได้รับการยกย่องให้เป็น “ราชินีผักใบเขียว” ด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่สูง และสรรพคุณทางยาที่หลากหลาย bột rau xanh Nhật Bản คุณค่าทางโภชนาการ ผักเคลอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระมากมาย เช่น วิตามินเค: สารอาหารที่สำคัญสำหรับการแข็งตัวของเลือดและสุขภาพของกระดูก วิตามินซี: สารต้านอนุมูลอิสระที่มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน วิตามินเอ: วิตามินที่จำเป็นสำหรับการมองเห็น สุขภาพของผิวหนัง และการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน แคลเซียม: แร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับสุขภาพของกระดูกและฟัน โพแทสเซียม: แร่ธาตุที่มีบทบาทสำคัญในการควบคุมความดันโลหิตและการทำงานของกล้ามเนื้อ ไฟเบอร์: สารอาหารที่มีคุณสมบัติช่วยลดความอยากอาหาร ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และส่งเสริมสุขภาพระบบย่อยอาหาร สรรพคุณทางยา ด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่สูง ผักเคลจึงมีสรรพคุณทางยาที่หลากหลาย เช่น ต้านมะเร็ง: สารต้านอนุมูลอิสระในผักเคลมีบทบาทสำคัญในการต่อสู้กับอนุมูลอิสระที่อาจก่อให้เกิดมะเร็ง บำรุงสุขภาพหัวใจ: ผักเคลอุดมไปด้วยโพแทสเซียม ซึ่งมีส่วนช่วยในการควบคุมความดันโลหิตและลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด เสริมสร้างสุขภาพกระดูก: ผักเคลเป็นแหล่งแคลเซียมที่ดี ซึ่งจำเป็นสำหรับการรักษาสุขภาพของกระดูกและป้องกันโรคกระดูกพรุน ป้องกันโรคตา: ผักเคลอุดมไปด้วยวิตามินเอ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการป้องกันโรคตาต่างๆ เช่น ต้อกระจกและจอประสาทตาเสื่อม […]
ลูกยอ/ใบยอ ลูกยอ หรือ ใบยอ เป็นพืชสมุนไพรพื้นบ้านที่นิยมใช้ในการแพทย์แผนไทย โดยทุกส่วนของต้นยอตั้งแต่ราก ยอด ใบ ลูก สามารถนำมาใช้เป็นยาได้ มีสรรพคุณมากมาย ทั้งช่วยลดน้ำตาลในเลือด บำรุงหัวใจ ป้องกันโรคมะเร็ง และต้านเชื้อแบคทีเรียและไวรัส น้ำลูกยอ น้ำลูกยอได้จากการนำผลยอสุกมาคั้นเอาแต่น้ำ มีรสชาติขมอมเปรี้ยวเล็กน้อย อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน แร่ธาตุ และสารพฤกษเคมีต่างๆ ที่มีสรรพคุณทางยาเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย สรรพคุณยอ ลดน้ำตาลในเลือด: ยอมีสารออกฤทธิ์ที่ช่วยเพิ่มการหลั่งอินซูลิน ลดการดูดซึมน้ำตาลกลูโคสในลำไส้ จึงมีสรรพคุณช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวาน บำรุงหัวใจ: ยอมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ ลดคลอเรสเตอรอลในเลือด ป้องกันการอุดตันของหลอดเลือดหัวใจ และลดความดันโลหิต ป้องกันโรคมะเร็ง: ยอมีสารต้านอนุมูลอิสระและสารพฤกษเคมีที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ลดการอักเสบในร่างกาย และเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ต้านเชื้อแบคทีเรียและไวรัส: ยอมีสารประกอบต่างๆ ที่มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียและไวรัส ช่วยป้องกันและรักษาโรคติดเชื้อต่างๆ เช่น ไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัด โรคทางเดินหายใจ บำรุงร่างกาย: ยออุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารต่างๆ ที่จำเป็นต่อร่างกาย ช่วยบำรุงร่างกาย บำรุงเลือด ลดความอ่อนเพลีย และเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
ดอกดิน สมุนไพรสารพัดประโยชน์ ดอกดินเป็นไม้ล้มลุกในวงศ์ดอกดิน (Cannaceae) พบกระจายทั่วไปในเขตร้อนและกึ่งร้อน โดยในประเทศไทยพบมากทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งดอกดินมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามแต่ละท้องถิ่น เช่น กะดิน บัวดิน และต้นดิน คุณสมบัติทางเคมีของดอกดิน ดอกดินมีสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่สำคัญหลายชนิด ได้แก่ แทนนิน (Tannins) แอนโทไซยานิน (Anthocyanins) แคโรทีนอยด์ (Carotenoids) ฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) สเตียรอยด์ (Steroids) trà giảm cân Nhật สรรพคุณทางยาของดอกดิน ดอกดินมีสรรพคุณทางยาที่หลากหลาย ดังนี้ ช่วยต่อต้านมะเร็ง: มีการศึกษาพบว่าดอกดินมีฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็งได้หลายชนิด เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งปากมดลูก และมะเร็งปอด บรรเทาอาการไอ: ดอกดินมีฤทธิ์ลดอาการอักเสบของระบบทางเดินหายใจ ช่วยบรรเทาอาการไอและระคายคอ ลดไข้: ดอกดินมีฤทธิ์ระบายความร้อน ช่วยลดไข้ได้ แก้โรคข้อกระดูก: ดอกดินมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ช่วยบรรเทาอาการปวดและบวมของข้อกระดูก การใช้ดอกดิน ในการใช้ดอกดินเพื่อรักษาโรคนั้น สามารถนำมาใช้ได้หลายวิธี เช่น รับประทาน: นำดอกดินมาต้มหรือนึ่งกับข้าว ซึ่งมีงานวิจัยพบว่าการหุงนึ่งข้าวกับดอกดินจะเพิ่มคุณค่าสารอาหารและมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระได้ดีกว่าการหุงข้าวเปล่า ต้มเป็นชา: นำดอกดินมาต้มน้ำแล้วดื่มเป็นชา […]
ผักแพว ผักแพวเป็นผักที่ปลูกง่าย พบได้ทั่วไปในประเทศไทย มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ทั้งยังมีสรรพคุณช่วยบำรุงร่างกาย แก้โรคได้หลายอย่าง สรรพคุณของผักแพว ช่วยบำรุงปอด แก้ไอ ขับเสมหะ ช่วยขับปัสสาวะ แก้กระษัยน้ำ และแก้ท้องผูก ช่วยแก้熱ใน ลดอาการอักเสบ ช่วยบำรุงเลือด แก้貧血 ฟอกโลหิต ช่วยบำรุงร่างกาย ฟื้นฟูหลังการเจ็บป่วย bột rau xanh Nhật Bản การปลูกผักแพว การเตรียมดิน: ปลูกในดินร่วนซุย น้ำไหลเวียนดี มีค่า pH ประมาณ 6-7 ผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักลงในดิน การเพาะกล้า: แช่เมล็ดในน้ำอุ่นประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วเพาะลงในถุงเพาะกล้าหรือกระบะเพาะเมล็ด การย้ายกล้า: เมื่อกล้ามีใบจริง 2-3 ใบ ให้ย้ายลงปลูกในแปลง โดยระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 30-50 เซนติเมตร การดูแลรักษา: รดน้ำสม่ำเสมอ ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักทุกๆ 1-2 เดือน กำจัดวัชพืชบ่อยๆ การเก็บเกี่ยว: […]
กระทือ ประโยชน์ และสรรพคุณกระทือ กระทือ เป็นพืชสมุนไพรที่พบได้ทั่วไปในประเทศไทย เป็นพืชล้มลุกที่มีอายุ 1-2 ปี ลำต้นสูงประมาณ 1-2 เมตร ใบมีลักษณะเป็นแผ่นยาว ขอบใบหยัก ดอกมีสีขาวหรือม่วง ผลเป็นฝักแบน กระทือมีสรรพคุณทางยาหลายประการ เช่น แก้ไข้ แก้หวัด ลดอาการไอ แก้บวมน้ำ ขับปัสสาวะ แก้ประจำเดือนมาไม่ปกติ แก้ปวดศีรษะ แก้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ แก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย แก้พิษงู กระทือสามารถใช้ในรูปแบบของยาต้ม ยาชง หรือยาพอกได้ โดยส่วนที่ใช้เป็นยาคือราก ลำต้น ใบ ดอก และผล ข้อควรระวัง ไม่ควรรับประทานกระทือในปริมาณมาก เพราะอาจทำให้เกิดอาการท้องร่วง และปวดท้อง สตรีมีครรภ์และให้นมบุตรไม่ควรรับประทานกระทือ ผู้ที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานกระทือ ไม่ควรรับประทานกระทือร่วมกับยาต้านลิ่มเลือด เพราะอาจทำให้เกิดการเลือดออกมากขึ้น ไม่ควรรับประทานกระทือร่วมกับยาที่เพิ่มความดันโลหิต เพราะอาจทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นได้ ไม่ควรรับประทานกระทือร่วมกับยาที่กระตุ้นการทำงานของระบบประสาท เพราะอาจทำให้เกิดอาการใจสั่น หัวใจเต้นเร็วได้
ปรง ปรงเป็นพืชในกลุ่มโบราณที่ยังคงหลงเหลือมาถึงปัจจุบัน โดยที่ทั่วโลกมีการแบ่งประเภทไว้ในระดับ Tribe โดยมีจำนวน 3 Tribe ได้แก่ Zamiaceae Stangeriaceae Cycadaceae ในประเทศไทยมี 2 ชนิดที่สำคัญ ได้แก่ ปรงร่ม และปรงใบพัด แยกตาม Genus ได้ดังนี้ Zamiaceae : Bowenia spectabilis Cycadaceae : Cycas siamensis Miq., Cycas revoluta Thunb. ปรงถือเป็นพืชที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจสูง ทั้งส่วนของลำต้น เมล็ด และใบ นอกจากนี้ยังสามารถนำทุกส่วนของปรงมาใช้ทำยาสมุนไพรและอาหารได้อีกด้วย ประโยชน์ของปรง ใบ ปรงมีใบสวยงามและมีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่น สามารถนำใบไปประดับตกแต่งภายในบ้านได้และนิยมปลูกในบ้านเรือน การปลูกปรงต้องระมัดระวังในการปลูก เพราะปรงมีพิษอยู่ด้วย ลำต้น ปรงมีลำต้นที่แข็งแรงและทนทาน จึงสามารถนำไปใช้ในการทำเฟอร์นิเจอร์ได้ เมล็ด เมล็ดโดยทั่วไปของปรงมีเปลือกสีขาวหุ้ม เมล็ดปรงมีทั้งชนิดที่ใช้รับประทานได้และชนิดที่ใช้ไม่ได้ หากเป็นชนิดที่กินได้จะใช้วิธีคั่วเมล็ด แล้วบดทำแป้งเช่นแป้งมันสำปะหลัง แต่ปัจจุบันแทบจะไม่พบการนำเมล็ดปรงมารับประทานแล้วเนื่องจากเป็นพืชที่หาได้ยากและเมล็ดปรงอาจมีสารพิษ ซึ่งบางท้องถิ่นอาจพบการนำเมล็ดของปริงฤาษีมานึ่งให้สุก แล้วนำมาตำละเอียด นวดจนแป้งจับตัวเป็นก้อน […]
ยี่หุบ ยี่หุบเป็นพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยาที่หลากหลาย จัดอยู่ในวงศ์กะเพรา (Lamiaceae) มีลักษณะเป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก สูงประมาณ 20-60 เซนติเมตร ใบมีขนาดเล็ก รูปไข่หรือรูปหอก มีดอกสีขาวหรือชมพูอ่อนออกเป็นช่อที่ปลายยอด ประโยชน์ของยี่หุบ ใบยี่หุบสามารถนำมาใช้เป็นยาสมุนไพรได้ทั้งแบบสดและแบบแห้ง โดยมีสรรพคุณทางยาที่หลากหลาย ดังนี้ ช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ ต่อมทอนซิลอักเสบ โดยนำใบยี่หุบมาต้มกับน้ำแล้วดื่ม ช่วยบรรเทาอาการไอ แก้หลอดลมอักเสบ บรรเทาอาการหอบหืด โดยนำใบยี่หุบมาต้มกับน้ำแล้วดื่ม ช่วยรักษาโรคหอบหืด โรคหลอดลมอักเสบ โรคปอดอักเสบ โดยนำใบยี่หุบมาต้มกับน้ำแล้วดื่ม ช่วยขับเสมหะ โดยนำใบยี่หุบมาต้มกับน้ำแล้วดื่ม ช่วยย่อยอาหาร แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ขับลม โดยนำใบยี่หุบมาต้มกับน้ำแล้วดื่ม ช่วยรักษาโรคบิด โดยนำใบยี่หุบมาต้มกับน้ำแล้วดื่ม ช่วยรักษาโรคริดสีดวงทวาร โดยนำใบยี่หุบมาต้มกับน้ำแล้วใช้ล้างแผล ช่วยสมานแผล โดยนำใบยี่หุบมาตำแล้วนำมาพอกแผล ช่วยรักษาโรคหิด โดยนำใบยี่หุบมาตำผสมกับน้ำมันมะพร้าวแล้วนำมาทาที่บริเวณที่เป็นหิด ช่วยดับพิษร้อน แก้พิษผิดสำแดง โดยนำใบยี่หุบมาต้มกับน้ำแล้วดื่ม สรรพคุณของยี่หุบ รากของยี่หุบสามารถนำมาใช้เป็นยาสมุนไพรได้เช่นกัน โดยมีสรรพคุณทางยาที่หลากหลาย ดังนี้ ช่วยแก้ไข้ แก้ปวดหัว ขับเหงื่อ โดยนำรากยี่หุบมาต้มกับน้ำแล้วดื่ม ช่วยแก้ไข้ตัวสั่น โดยนำรากยี่หุบมาต้มกับน้ำแล้วดื่ม ช่วยแก้ไข้ไข้หวัดใหญ่ โดยนำรากยี่หุบมาต้มกับน้ำแล้วดื่ม […]