สะระแหน่ สะระแหน่ เป็นพืชล้มลุกอายุสั้นที่มีกลิ่นหอมแรง ลำต้นตั้งตรง สูงประมาณ 30-60 เซนติเมตร ใบเป็นใบเดี่ยว ออกตรงข้ามกันเป็นคู่ๆ รูปไข่หรือรูปใบหอก ขอบใบหยักเป็นฟันเลื่อยเล็กๆ ดอกออกเป็นช่อที่ปลายยอด กลีบดอกสีขาวหรือสีม่วงอ่อน ผลเป็นผลแห้ง สรรพคุณของสะระแหน่ ช่วยย่อยอาหาร แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยขับลมในกระเพาะอาหารและลำไส้ แก้อาการคลื่นไส้ อาเจียน ช่วยลดกรดในกระเพาะอาหาร ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัส ช่วยลดการอักเสบ ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร ช่วยรักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยลดความดันโลหิต ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส ช่วยดับกลิ่นปาก การปลูกสะระแหน่ การเตรียมดิน: เลือกดินร่วนซุยที่มีความชื้นสูง การเตรียมพันธุ์: ใช้เมล็ดสะระแหน่ หรือใช้การปักชำกิ่ง การปลูก: การปลูกด้วยเมล็ด: โรยเมล็ดบนแปลงปลูกที่เตรียมไว้ แล้วกลบด้วยดินบางๆ รดน้ำให้ชุ่ม การปลูกด้วยการปักชำกิ่ง: ตัดกิ่งสะระแหน่ที่มีความยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร ปักลงในแปลงปลูกที่เตรียมไว้ รดน้ำให้ชุ่ม การดูแลรักษา: รดน้ำสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงหน้าแล้ง ให้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักทุกๆ 1-2 เดือน กำจัดวัชพืชออกจากแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ […]
Tag Archives: ข้าว
บอนเต่า บอนป่า เป็นพืชล้มลุกอายุหลายปี จัดอยู่ในวงศ์บอน มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Xanthosoma violaceum Schott เป็นพืชที่มีเหง้าใต้ดิน เนื้อในของเหง้ามีสีขาวหรือเหลืองอ่อน แผ่นใบกว้างและแผ่อออก ใต้ใบมีสีม่วง มีเส้นใบชัดเจน การปลูกบอนเต่าเป็นได้ทั้งการปลูกในดินและในน้ำ โดยในน้ำจะเลี้ยงง่ายและเจริญเติบโตดีกว่า สีของใบจะเข้มเป็นพิเศษที่ปลูกตามริมน้ำหรือชายน้ำ บอนเต่านั้นใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง ดังนี้ สามารถนำส่วนยอดของบอนเต่ามาใช้ทำอาหารได้ โดยการนำยอดมานึ่งหรือตำให้แหลกเพื่อใช้เป็นเครื่องปรุงอาหาร ซึ่งในยอดบอนเต่านั้นมีคุณค่าทางอาหารสูง โดยมีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และวิตามินต่างๆ รวมถึงแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างฟอสฟอรัสและแคลเซียมอยู่เป็นจำนวนมาก บอนเต่ายังเป็นไม้ประดับที่มีลักษณะสวยงาม มีสีสันที่หลากหลาย จึงนิยมปลูกไว้เพื่อความสวยงามทั้งในสวนและในบ้าน ทั้งยังปลูกได้ง่ายและดูแลง่าย อีกทั้งทนต่อสภาพแวดล้อมและอากาศได้ดีสำหรับใครที่ชื่นชอบไม้ประดับที่มีใบสวยงามแปลกตานั้น ถือว่าบอนเต่าหรือบอนป่าต้นนี้เป็นตัวเลือกหนึ่งที่ตอบโจทย์ได้ดีเลยทีเดียว ส่วนสรรพคุณทางยาของบอนเต่านั้น ก็มีมากมายหลายประการ เช่น ช่วยต้านการอักเสบ บรรเทาอาการปวดบวม แก้ไข้หวัด ลดอาการปวดหัว ท้องเดิน ถ่ายท้อง บำรุงร่างกาย บำรุงเลือด แก้โรคโลหิตจาง แก้โรคเบาหวาน บำรุงลำไส้ ช่วยลดน้ำตาลในเลือด ลดไขมันในเลือด บำรุงหัวใจ ลดความดันสูง บำรุงผิวพรรณ ช่วยให้เปล่งปลั่ง สุขภาพดีดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ ต่อต้านอนุมูลอิสระ สามารถฆ่าเชื้อโรค แก้โรคทางผิวหนัง […]
กานพลู กานพลู (Clove) เป็นเครื่องเทศที่ได้จากดอกตูมของต้นกานพลู (Syzygium aromaticum) ซึ่งเป็นพืชพื้นเมืองของหมู่เกาะมาลุกุในอินโดนีเซีย กานพลูมีรสชาติเผ็ดร้อน หวานเล็กน้อย และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว จึงนิยมใช้ปรุงอาหารและยาแผนโบราณมาตั้งแต่สมัยโบราณ ประโยชน์ของกานพลู ช่วยบรรเทาอาการปวดและอักเสบ ช่วยรักษาแผลและฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ช่วยลดอาการคลื่นไส้และอาเจียน ช่วยรักษาโรคท้องร่วง ช่วยบรรเทาอาการปวดท้อง ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยรักษาโรคเหงือกและฟันผุ สรรพคุณกานพลู ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดฟัน ช่วยรักษาโรคเหงือก ช่วยขจัดกลิ่นปาก ช่วยบรรเทาอาการไอ ช่วยรักษาโรคหอบหืด ช่วยลดระดับความดันโลหิต ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ ช่วยกระตุ้นการย่อยอาหาร ช่วยลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้และอาเจียน ช่วยรักษาโรคท้องร่วง กานพลูเป็นเครื่องเทศที่มีประโยชน์และสรรพคุณมากมาย แต่ควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสม เนื่องจากการใช้กานพลูมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ได้ เช่น ปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน และท้องร่วง
ผักคะน้า ผักคะน้าเป็นผักชนิดหนึ่งที่มีอายุสั้นและเติบโตได้อย่างรวดเร็ว มักนิยมบริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยสามารถปลูกได้ทั้งในฤดูฝนและฤดูหนาว ซึ่งผักคะน้าสามารถนำมาบริโภคได้ทั้งใบและดอก แต่ส่วนมากจะนิยมนำยอดและใบอ่อนมารับประทานมากกว่า ผักคะน้าจัดเป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงอุดมไปด้วยวิตามิน A B1 C และ K นอกจากนี้ยังมีเกลือแร่และแคลเซียมอยู่เป็นจำนวนมาก การปลูกคะน้า ขั้นตอนเตรียมเมล็ดคะน้า การเตรียมเมล็ดพันธุ์คะน้าสำหรับปลูกสามารถทำได้ด้วยการนำเอาเมล็ดพันธุ์ที่เก็บไว้มาแช่น้ำแล้วจึงนำไปเพาะลงในแปลงเพาะที่มีการเตรียมดินไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อเพาะเมล็ดเสร็จเรียบร้อยแล้วควรนำวัสดุมุงหลังฟางคลุมแปลงเพาะไว้เพื่อรักษาความชื้นและเร่งการงอกของเมล็ดพันธุ์ ขั้นตอนเตรียมดินปลูกคะน้า ควรเลือกใช้ดินร่วนหรือดินร่วนปนทรายที่มีความอุดมสมบูรณ์สูงโดยเกษตรกรส่วนใหญ่จะนิยมใช้ปุ๋ยคอกเก่าหรือปุ๋ยพืชสดมาคลุกเคล้าลงในดินเพื่อช่วยเร่งการเจริญเติบโตของผักคะน้า การไถพรวนดินให้ลึก 20-30 เซนติเมตร และตากดินทิ้งไว้จนดินแห้งจึงจึงย่อยดินให้ละเอียดอีกรอบพร้อมแบ่งเป็นแปลงปลูกที่มีขนาดความกว้างแปลง 1 เมตรและระยะระหว่างแปลง 50 เซนติเมตร ขั้นตอนการปลูกผักคะน้า หลังจากไถเตรียมดินและแปลงปลูกเรียบร้อยแล้วก็นำต้นกล้าที่ได้เตรียมไว้หย่อนลงหลุมปลูกทันทีโดยเว้นระยะระหว่างต้น 20-30 เซนติเมตร และหลังจากปลูกเสร็จแล้วควรรดน้ำให้ทั่วแปลงปลูก เกษตรกรจะเริ่มเก็บเกี่ยวผักคะน้าได้ในระยะตั้งแต่เพาะปลูก 45-55 วัน การดูแลรักษาผักคะน้า หลังจากปลูกผักคะน้าแล้วจะต้องหมั่นดูแลรักษาโดยการรดน้ำ 2 ครั้งต่อวัน การใส่ปุยหมักหรือปุ๋ยอินทรีย์เพื่อเร่งการเจริญเติบโต การกำจัดวัชพืช การกำจัดโรคและแมลงที่อาจเกิดขึ้นกับแปลงปลูกผักคะน้า นอกจากนี้เมื่อผักคะน้ามีอายุได้ 20-25 วันเกษตรกรจะทำการเด็ดยอดออกเพื่อให้แตกรุ่นเพิ่มผลผลิตที่สูงขึ้นนั่นเอง
วิธีการปลูกทุเรียนเล็ก เลือกกิ่งพันธุ์: เลือกกิ่งพันธุ์จากต้นแม่พันธุ์ที่ดี ให้คัดเลือกกิ่งที่ออกมาจากกิ่งแบบเปิดใบที่มีคุณภาพดี คือใบไม่มีรอยโรคแมลง อายุของกิ่งอย่างน้อย 4 ครั้ง เตรียมดิน: ดินถึงจะต้องร่วนซุย น้ำไม่ขัง ไม่เป็นกรด ขุดหลุม: ขนาดหลุม 50 x 50 x 50 เซนติเมตร รองก้นหลุม: ใช้วัสดุรองก้นหลุม ได้แก่ ปุ๋ยคอกเก่า ปุ๋ยหมัก และแกลบสด คลุกเคล้ากัน ปลูกต้นทุเรียน: นำต้นทุเรียนลงปลูกในหลุม ระวังอย่าให้รากหัก จากนั้นกลบดินระหว่างโคนต้นและราก รดน้ำ: หลังจากปลูกแล้ว รดน้ำให้โชก ตัดแต่งกิ่ง: ตัดแต่งกิ่งโดยใช้กรรไกรตัดกิ่งที่สะอาด ตัดกิ่งที่เป็นโรค กิ่งที่ไม่มีคุณภาพ วิธีการดูแลทุเรียนเล็กหลังการปลูกจนถึงก่อนออกดอก รดน้ำ: หลังจากปลูกแล้ว รดน้ำให้โชก จากนั้นรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยให้ความชื้นในดินประมาณ 60-70% ใส่ปุ๋ย: ให้ปุ๋ยสูตร 15-5-20 หรือ 16-16-16 โดยใส่ทุก 1 เดือน ในช่วงหลังการปลูก 6 […]
มะปรางและมะยงชิดเป็นผลไม้อร่อยที่ปลูกในประเทศไทย มะปรางเป็นผลไม้ที่มีเปลือกสีเขียวหรือทอง และมีเนื้อสีขาว มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว ส่วนมะยงชิดมีลักษณะคล้ายมะปราง แต่มีเปลือกสีแดง และมีเนื้อสีขาวหรือสีเหลือง มีรสชาติหวานและกรอบ การปลูกมะปรางและมะยงชิด มะปรางและมะยงชิดสามารถปลูกได้ในดินทุกประเภท แต่จะเจริญเติบโตได้ดีที่สุดในดินร่วนซุยที่มีการระบายน้ำที่ดี ควรปลูกในที่ที่มีแสงแดดส่องถึงตลอดวัน การเตรียมดิน เตรียมดินโดยการไถพรวนให้ลึกประมาณ 30 เซนติเมตร ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตรา 1-2 ตันต่อไร่ คลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วรดน้ำให้ชุ่ม การปลูก ขุดหลุมปลูกขนาด 60 x 60 x 60 เซนติเมตร เว้นระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 6-8 เมตร ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักรองก้นหลุมในอัตรา 1 กิโลกรัมต่อหลุม ผสมกับดินปลูก แล้วนำกิ่งพันธุ์ลงปลูก กดดินให้แน่น รดน้ำให้ชุ่ม การดูแลรักษา รดน้ำให้มะปรางและมะยงชิดเป็นประจำ โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตรา 1-2 กิโลกรัมต่อต้น ทุกๆ 3-4 เดือน ตัดแต่งกิ่งที่แห้งหรือเป็นโรคออก เพื่อให้ต้นมะปรางและมะยงชิดเจริญเติบโตได้ดี การเก็บเกี่ยว มะปรางและมะยงชิดจะเริ่มให้ผลผลิตหลังจากปลูกประมาณ 3-4 ปี เมื่อผลไม้แก่จัดแล้วจึงสามารถเก็บเกี่ยวได้ […]
บอนเต่า บอนป่า บอนเต่าและบอนป่าเป็นพืชที่รู้จักกันดีในกลุ่มผู้ชื่นชอบการปลูกต้นไม้และผู้ที่แสวงหาสมุนไพรธรรมชาติเนื่องจากบอนเต่าและบอนป่าเป็นพืชที่มีความโดดเด่นทั้งในด้านรูปลักษณ์ การใช้งาน และสรรพคุณทางยา บอนเต่ามีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Alocasia odora (Lodd.) Sweet ส่วนบอนป่ามีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Colocasia esculenta (L.) Schott ซึ่งทั้งคู่เป็นพืชหัวที่มีถิ่นกำเนิดในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่บอนเต่ามักถูกเรียกว่า “บอนป่า” เนื่องจากมีความคล้ายคลึงกันในลักษณะของลำต้นและใบ โดยทั่วไปแล้ว บอนเต่าและบอนป่ามีลักษณะทางกายภาพดังนี้: ลำต้น: ทั้งคู่มีลำต้นใต้ดินที่บวมออกคล้ายหัว มีสีขาวหรือสีเหลือง และอุดมไปด้วยสารอาหาร ใบ: ใบของบอนเต่าและบอนป่า ค่อนข้างโค้ง ตลับใบขนาดใหญ่ ให้สีสันสดใส ดอก: ออกดอกเป็นช่อที่เรียกว่า “ซองกาบ” ซึ่งมีรูปร่างแปลกตาและงดงามบานในระยะเวลาไม่นานนัก ผล: ผลของบอนเต่าจะเป็นผลสีแดงและมีรสเผ็ดร้อนในขณะที่ผลของบอนป่าจะเป็นผลสีเหลืองและมีรสชาติหวาน ข้อแตกต่าง: บอนเต่าจะมีลำต้นที่เตี้ยกว่าและมีสีของใบที่แตกต่างกันไปตามสายพันธุ์ ในขณะที่บอนป่าจะมีลำต้นที่สูงกว่าและมีสีของใบที่เป็นสีเขียวเข้ม การใช้ประโยชน์บอนเต่าและบอนป่า จากข้อมูลที่กล่าวมาแล้ว บอนเต่าและบอนป่านับเป็นพืชที่มีประโยชน์มากมายและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ดังนี้: ใช้ประกอบอาหาร: คนไทยนิยมใช้หัวของบอนเต่าและบอนป่าเพื่อนำมาประกอบอาหารหลายประเภท เช่น แกงเผ็ด แกงส้ม ต้มจืด แกงเลียง และอื่นๆ นอกจากนี้ ยังสามารถรับประทานเป็นผักสดในสลัดหรือเมนูอื่นๆ ได้ ทำเป็นไม้ประดับ: ทั้งสองพืชนี้ยังเป็นไม้ประดับยอดนิยม […]
โลดทะนงแดง คืออะไร? โลดทะนงแดงเป็นต้นไม้ในตระกูลเดียวกันกับว่านเสน่ห์จันทร์ นิยมปลูกเป็นไม้มงคล คนโดยทั่วไปมักใช้เป็นส่วนผสมของพืชสมุนไพรต่างๆ ส่วนประกอบสำคัญ ได้แก่ กลีเซอรีน, ไพล, ว่านหางจระเข้ มะหาด, ขมิ้นชัน สรรพคุณช่วยแก้สิว ทาแล้วรู้สึกเย็นสบาย ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียซึ่งทำให้เกิดสิว บางรายที่มีสิวยอดอกอาจใช้ผงโลดทะนงแดงละลายในน้ำแตะจุดที่สิวอักเสบก็จะช่วยให้อาการอักเสบยุบตัวลงได้ ประโยชน์ของโลดทะนงแดงสำหรับผิว โลดทะนงแดงมีประโยชน์ต่อผิวดังนี้ ช่วยให้ผิวขาวและเปล่งปลั่ง ลดรอยหมองคล้ำและจุดด่างดำ ช่วยขัดเซลล์ผิวและลดสิว บำรุงผิวให้เนียนนุ่ม ชุ่มชื้น ลดการอักเสบของผิว ช่วยให้แผลเป็นจางลง วิธีใช้โลดทะนงแดงให้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ทำความสะอาดผิวหน้า ก่อนใช้โลดทะนงแดงให้ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างล้ำลึก โดยใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เหมาะกับสภาพผิว เมื่อทำความสะอาดผิวหน้าเสร็จแล้วซับหน้าให้แห้งด้วยผ้าสะอาด ทาโลดทะนงแดง ใช้โลดทะนงแดงในปริมาณเล็กน้อยแต้มบริเวณที่เป็นสิวอักเสบ ฝ้า กระ หรือจุดด่างดำ จากนั้นใช้นิ้วนางเกลี่ยเนื้อแป้งโลดทะนงแดงไปให้ทั่วผิวหน้า
บอนเต่า บอนป่า บอนเต่า หรือ บอนป่า เป็นพืชล้มลุก มีลำต้นเตี้ย ๆ หรือไม่มีลำต้นเลย แผ่นใบใหญ่ รูปหัวใจ ปลายแหลม โคนใบเว้าเป็นรูปหัวใจ ก้านใบยาว มีขนสั้นปกคลุม ใต้ใบมีจุดและเส้นประสีแดงสด ขึ้นได้ทั่วไป มีหลายขนาด ตั้งแต่ต้นเตี้ยๆ มีใบแค่ 3-4 ใบ จนถึงขนาดลำต้นสูงใหญ่ ก้านใบสีแดง ช่อดอกกลม ออกที่ปลายก้านดอก ช่อดอกตัวผู้ยาวประมาณ 30 เซนติเมตร ช่อดอกตัวเมียยาว 20 เซนติเมตร มีดอกสีเหลืองขนาดเล็ก ประโยชน์ของบอนเต่า บอนป่า ใช้ทำกับข้าว ใบของบอนเต่าสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายเมนู เช่น แกงส้ม แกงป่า แกงเลียง ต้มยำ นอกจากนี้ยังนำมาดองเปรี้ยว ลวกจิ้ม หรือนึ่งรับประทานได้ด้วย ปลูกเป็นไม้ประดับ ด้วยรูปทรงและสีสันที่โดดเด่นของใบ บอนเต่าจึงนิยมปลูกเป็นไม้ประดับ ทั้งในบ้านและสวน สรรพคุณเด่น ช่วยลดน้ำตาลในเลือด บอนเต่ามีสารไกลโคไซด์ซึ่งช่วยในการรักษาอาการของเบาหวาน ลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ ใบบอนเผาไฟจุดทำให้เกิดควันที่ใช้ไล่และฆ่าหมัด แก้อาการท้องเสีย […]
กระจับ/กระจับเขาควาย กระจับ หรือ กระจับเขาควาย เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงใหญ่ จัดอยู่ในวงศ์ Fabaceae พบกระจายอยู่ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียใต้ และทวีปออสเตรเลีย ในประเทศไทยพบได้ทั้ง 3 ภาค โดยมักขึ้นตามป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง และป่าดงดิบแล้ง กระจับมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Bauhinia saccocalyx Pierre และมีชื่ออื่นๆ เช่น กระจับเขาควาย กระจับโค กระจับควาย ตูดเป็ด ฯลฯ สรรพคุณของกระจับ แก้โรคหัวใจ ช่วยบำรุงหัวใจโดยตรง แก้โรคหัวใจต่างๆ ได้ แก้หวัดคัดจมูก ขับเสมหะ แก้หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ ขับพิษร้อนต่างๆ ออกจากร่างกาย ยางมีฤทธิ์ทางด้านแก้โรคต่างๆ ของช่องปากเช่น ปวดฟัน ฟันผุ เปื่อยและรำมะนาด ช้ำจากการถูกฟัน ปากเป็นแผล ลิ้นเป็นแผล และโรคช่องปากอื่นๆ ใบอะตอมช่วยแก้ท้องอืด แก้ท้องเฟ้อ ลดไข้ แก้บิด ช่วยถ่าย ทำให้เจริญอาหาร ขับประจำเดือน […]