ผักแพว ผักแพวเป็นผักที่ปลูกง่าย พบได้ทั่วไปในประเทศไทย มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ทั้งยังมีสรรพคุณช่วยบำรุงร่างกาย แก้โรคได้หลายอย่าง สรรพคุณของผักแพว ช่วยบำรุงปอด แก้ไอ ขับเสมหะ ช่วยขับปัสสาวะ แก้กระษัยน้ำ และแก้ท้องผูก ช่วยแก้熱ใน ลดอาการอักเสบ ช่วยบำรุงเลือด แก้貧血 ฟอกโลหิต ช่วยบำรุงร่างกาย ฟื้นฟูหลังการเจ็บป่วย bột rau xanh Nhật Bản การปลูกผักแพว การเตรียมดิน: ปลูกในดินร่วนซุย น้ำไหลเวียนดี มีค่า pH ประมาณ 6-7 ผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักลงในดิน การเพาะกล้า: แช่เมล็ดในน้ำอุ่นประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วเพาะลงในถุงเพาะกล้าหรือกระบะเพาะเมล็ด การย้ายกล้า: เมื่อกล้ามีใบจริง 2-3 ใบ ให้ย้ายลงปลูกในแปลง โดยระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 30-50 เซนติเมตร การดูแลรักษา: รดน้ำสม่ำเสมอ ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักทุกๆ 1-2 เดือน กำจัดวัชพืชบ่อยๆ การเก็บเกี่ยว: […]
Tag Archives: ข้าว
กระทือ ประโยชน์ และสรรพคุณกระทือ กระทือ เป็นพืชสมุนไพรที่พบได้ทั่วไปในประเทศไทย เป็นพืชล้มลุกที่มีอายุ 1-2 ปี ลำต้นสูงประมาณ 1-2 เมตร ใบมีลักษณะเป็นแผ่นยาว ขอบใบหยัก ดอกมีสีขาวหรือม่วง ผลเป็นฝักแบน กระทือมีสรรพคุณทางยาหลายประการ เช่น แก้ไข้ แก้หวัด ลดอาการไอ แก้บวมน้ำ ขับปัสสาวะ แก้ประจำเดือนมาไม่ปกติ แก้ปวดศีรษะ แก้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ แก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย แก้พิษงู กระทือสามารถใช้ในรูปแบบของยาต้ม ยาชง หรือยาพอกได้ โดยส่วนที่ใช้เป็นยาคือราก ลำต้น ใบ ดอก และผล ข้อควรระวัง ไม่ควรรับประทานกระทือในปริมาณมาก เพราะอาจทำให้เกิดอาการท้องร่วง และปวดท้อง สตรีมีครรภ์และให้นมบุตรไม่ควรรับประทานกระทือ ผู้ที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานกระทือ ไม่ควรรับประทานกระทือร่วมกับยาต้านลิ่มเลือด เพราะอาจทำให้เกิดการเลือดออกมากขึ้น ไม่ควรรับประทานกระทือร่วมกับยาที่เพิ่มความดันโลหิต เพราะอาจทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นได้ ไม่ควรรับประทานกระทือร่วมกับยาที่กระตุ้นการทำงานของระบบประสาท เพราะอาจทำให้เกิดอาการใจสั่น หัวใจเต้นเร็วได้
ปรง ปรงเป็นพืชในกลุ่มโบราณที่ยังคงหลงเหลือมาถึงปัจจุบัน โดยที่ทั่วโลกมีการแบ่งประเภทไว้ในระดับ Tribe โดยมีจำนวน 3 Tribe ได้แก่ Zamiaceae Stangeriaceae Cycadaceae ในประเทศไทยมี 2 ชนิดที่สำคัญ ได้แก่ ปรงร่ม และปรงใบพัด แยกตาม Genus ได้ดังนี้ Zamiaceae : Bowenia spectabilis Cycadaceae : Cycas siamensis Miq., Cycas revoluta Thunb. ปรงถือเป็นพืชที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจสูง ทั้งส่วนของลำต้น เมล็ด และใบ นอกจากนี้ยังสามารถนำทุกส่วนของปรงมาใช้ทำยาสมุนไพรและอาหารได้อีกด้วย ประโยชน์ของปรง ใบ ปรงมีใบสวยงามและมีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่น สามารถนำใบไปประดับตกแต่งภายในบ้านได้และนิยมปลูกในบ้านเรือน การปลูกปรงต้องระมัดระวังในการปลูก เพราะปรงมีพิษอยู่ด้วย ลำต้น ปรงมีลำต้นที่แข็งแรงและทนทาน จึงสามารถนำไปใช้ในการทำเฟอร์นิเจอร์ได้ เมล็ด เมล็ดโดยทั่วไปของปรงมีเปลือกสีขาวหุ้ม เมล็ดปรงมีทั้งชนิดที่ใช้รับประทานได้และชนิดที่ใช้ไม่ได้ หากเป็นชนิดที่กินได้จะใช้วิธีคั่วเมล็ด แล้วบดทำแป้งเช่นแป้งมันสำปะหลัง แต่ปัจจุบันแทบจะไม่พบการนำเมล็ดปรงมารับประทานแล้วเนื่องจากเป็นพืชที่หาได้ยากและเมล็ดปรงอาจมีสารพิษ ซึ่งบางท้องถิ่นอาจพบการนำเมล็ดของปริงฤาษีมานึ่งให้สุก แล้วนำมาตำละเอียด นวดจนแป้งจับตัวเป็นก้อน […]
ยี่หุบ ยี่หุบเป็นพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยาที่หลากหลาย จัดอยู่ในวงศ์กะเพรา (Lamiaceae) มีลักษณะเป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก สูงประมาณ 20-60 เซนติเมตร ใบมีขนาดเล็ก รูปไข่หรือรูปหอก มีดอกสีขาวหรือชมพูอ่อนออกเป็นช่อที่ปลายยอด ประโยชน์ของยี่หุบ ใบยี่หุบสามารถนำมาใช้เป็นยาสมุนไพรได้ทั้งแบบสดและแบบแห้ง โดยมีสรรพคุณทางยาที่หลากหลาย ดังนี้ ช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ ต่อมทอนซิลอักเสบ โดยนำใบยี่หุบมาต้มกับน้ำแล้วดื่ม ช่วยบรรเทาอาการไอ แก้หลอดลมอักเสบ บรรเทาอาการหอบหืด โดยนำใบยี่หุบมาต้มกับน้ำแล้วดื่ม ช่วยรักษาโรคหอบหืด โรคหลอดลมอักเสบ โรคปอดอักเสบ โดยนำใบยี่หุบมาต้มกับน้ำแล้วดื่ม ช่วยขับเสมหะ โดยนำใบยี่หุบมาต้มกับน้ำแล้วดื่ม ช่วยย่อยอาหาร แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ขับลม โดยนำใบยี่หุบมาต้มกับน้ำแล้วดื่ม ช่วยรักษาโรคบิด โดยนำใบยี่หุบมาต้มกับน้ำแล้วดื่ม ช่วยรักษาโรคริดสีดวงทวาร โดยนำใบยี่หุบมาต้มกับน้ำแล้วใช้ล้างแผล ช่วยสมานแผล โดยนำใบยี่หุบมาตำแล้วนำมาพอกแผล ช่วยรักษาโรคหิด โดยนำใบยี่หุบมาตำผสมกับน้ำมันมะพร้าวแล้วนำมาทาที่บริเวณที่เป็นหิด ช่วยดับพิษร้อน แก้พิษผิดสำแดง โดยนำใบยี่หุบมาต้มกับน้ำแล้วดื่ม สรรพคุณของยี่หุบ รากของยี่หุบสามารถนำมาใช้เป็นยาสมุนไพรได้เช่นกัน โดยมีสรรพคุณทางยาที่หลากหลาย ดังนี้ ช่วยแก้ไข้ แก้ปวดหัว ขับเหงื่อ โดยนำรากยี่หุบมาต้มกับน้ำแล้วดื่ม ช่วยแก้ไข้ตัวสั่น โดยนำรากยี่หุบมาต้มกับน้ำแล้วดื่ม ช่วยแก้ไข้ไข้หวัดใหญ่ โดยนำรากยี่หุบมาต้มกับน้ำแล้วดื่ม […]
โป๊ยเซียน/ดอกโป๊ยเซียน (Crown Of Thorns Plant) โป๊ยเซียน เป็นไม้ดอกที่มีชื่อเป็นมงคล นิยมปลูกเป็นไม้ประดับทั้งในบ้าน และนอกบ้าน และยังนิยมปลูกสำหรับเป็นไม้มงคล ทั้งยังมีความเชื่อว่า บ้านใดปลูกโป๊ยเซียนแล้ว จะทำให้คนในบ้านมีสุขภาพดี ปลอดจากโรคร้าย เพราะลักษณะดอกของโป๊ยเซียนจะมีลักษณะคล้ายๆ กับดอกบัว ซึ่งชาวจีนถือว่าดอกบัวเป็นดอกไม้แห่งความบริสุทธิ์ ไร้ซึ่งมลทิน การปลูกโป๊ยเซียน สามารถปลูกได้โดยการปักชำกิ่ง และการเพาะเมล็ด ซึ่งการปักชำกิ่งจะได้ผลดีกว่าเพราะจะได้ต้นที่แข็งแรงและเจริญเติบโตได้เร็วกว่า ส่วนการเพาะเมล็ดจะได้ผลช้ากว่า และต้นที่ได้จะไม่แข็งแรงเท่ากับการปักชำกิ่ง การปลูกโป๊ยเซียนนั้น ไม่ยุ่งยาก สามารถปลูกได้ในดินทุกชนิด แต่ดินที่เหมาะสมที่สุดคือ ดินร่วนปนทราย ส่วนการดูแลรักษา ก็ไม่ยุ่งยากมากนัก โดยให้รดน้ำเพียงวันละครั้งในช่วงเช้า แต่อย่าให้แฉะเกินไป และควรให้ปุ๋ยเดือนละ 1-2 ครั้ง โป๊ยเซียนเป็นไม้ดอกที่ดูแลรักษาง่าย ออกดอกได้ตลอดทั้งปีดอกมีสีสันสวยงาม และมีความหมายที่เป็นมงคล จึงนิยมปลูกเป็นไม้ประดับทั้งในบ้าน และนอกบ้าน
ว่านเศรษฐีเรือนนอก ว่านเศรษฐีเรือนนอก ถือว่าเป็นว่านที่เป็นมงคลนาม มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Sansevieria trifasciata เป็นพืชในวงศ์ Asparagaceae ว่านชนิดนี้มีถิ่นกำเนิดในทวีปแอฟริกาตะวันตก และปัจจุบันได้กลายเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในฐานะต้นไม้ประดับ ว่านเศรษฐีเรือนนอกมีลักษณะใบยาวเรียวยาวคล้ายกับดาบ ใบมีสีเขียวเข้มสลับกับสีเหลืองหรือสีขาว และมีขอบใบเป็นสีเหลือง บางสายพันธุ์อาจมีใบที่มีสีสันแตกต่างกันออกไป ประโยชน์ของว่านเศรษฐีเรือนนอก ฟอกอากาศภายในอาคาร: ว่านเศรษฐีเรือนนอกมีคุณสมบัติในการดูดซับสารพิษในอากาศ เช่น เบนซิน ฟอร์มาลดีไฮด์ ไตรคลอไรด์เอทีลีน และไนโตรเจนไดออกไซด์ จึงช่วยให้คุณภาพอากาศภายในอาคารดีขึ้น เพิ่มความชื้นในอากาศ: ว่านเศรษฐีเรือนนอกมีคุณสมบัติในการคายน้ำในเวลากลางคืน ทำให้ช่วยเพิ่มความชื้นในอากาศภายในอาคาร ซึ่งอาจเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์: ว่านเศรษฐีเรือนนอกมีคุณสมบัติในการขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ เช่น กลิ่นบุหรี่ กลิ่นอาหาร กลิ่นสี กลิ่นสัตว์เลี้ยง เป็นต้น จึงช่วยสร้างบรรยากาศที่สดชื่นภายในอาคาร เป็นไม้มงคล: คนไทยโบราณมีความเชื่อว่าบ้านใดปลูกต้นว่านเศรษฐีเรือนนอกไว้ จะช่วยเสริมโชคลาภและความร่ำรวยให้แก่ผู้อาศัย วิธีปลูกว่านเศรษฐีเรือนนอก เตรียมดินปลูก: ว่านเศรษฐีเรือนนอกสามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนปนทรายที่มีความเป็นกรดเป็นด่างเล็กน้อย pH 6.0-6.5 ควรเตรียมดินปลูกโดยการผสมดินร่วน ทราย และปุ๋ยหมักในอัตราส่วน 2:1:1 เลือกกระถางปลูก: เลือกกระถางปลูกที่มีความสูงและความกว้างประมาณ 10-12 นิ้ว และมีรูระบายน้ำที่ก้นกระถางเพื่อให้น้ำส่วนเกินสามารถไหลออกได้ ปลูกว่านเศรษฐีเรือนนอก: นำต้นว่านเศรษฐีเรือนนอกที่เตรียมไว้ลงปลูกในกระถางที่เตรียมไว้ […]
บัวบกโขด/บัวบกโคก ไม้ป่าประดับยอดนิยม ใบทำวุ้น และสรรพคุณเด่น บัวบกโขด (ชื่อวิทยาศาสตร์: Kalanchoe daigremontiana, Syn.Bryophyllum daigremontianum) เป็นไม้ล้มลุกหรือไม้พุ่มขนาดเล็กในวงศ์ Crassulaceae มีถิ่นกำเนิดในมาดากัสการ์ เป็นพันธุ์ไม้ป่าที่ได้รับความนิยมในการปลูกเป็นไม้ประดับในสวน ด้วยทรงพุ่มเตี้ย มีใบอวบน้ำ เรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆ แผ่นใบเป็นสีเขียวสด มีขอบหยักมน ดอกออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง กลีบดอกสีเหลืองอ่อนหรือสีส้ม มีจุดเล็กๆ บัวบกโขดเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุยที่มีการระบายน้ำดี ต้องการแสงแดดจัดหรือแสงแดดบางส่วน ประโยชน์ของบัวบกโขด ใบของบัวบกโขดสามารถนำมาใช้ทำวุ้น บัวบกโขดมีสรรพคุณทางยาเช่นรักษาบาดแผล ช้ำ รอยไหม้ รักษาโรคกระเพาะ แก้โรคเบาหวาน ช่วยเจริญอาหาร ช่วยรักษาโรคปวดประจำเดือน บำรุงร่างกาย เสริมสร้างความจำ และอื่นๆ นอกจากสรรพคุณทางยาแล้ว บัวบกโขดยังสามารถนำมาใช้ในงานประดิษฐ์ต่างๆ ได้ เช่น นำมาทำเป็นตะกร้า กระเป๋า หมวก ผ้านวม และอื่นๆ อีกมากมาย
หญ้าหวาน (Stevia) สรรพคุณ และการปลูกหญ้าหวาน หญ้าหวานหรือสตีเวีย (Stevia Rebaudiana) เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาใต้ โดยเฉพาะประเทศปารากวัย บราซิล และอาร์เจนตินา ซึ่งผู้คนในพื้นที่ใช้หญ้าหวานเป็นสารให้ความหวานมาอย่างยาวนาน เนื่องจากให้ความหวานโดยไม่ให้พลังงาน และยังมีสรรพคุณทางยาที่หลากหลาย สรรพคุณของหญ้าหวาน หญ้าหวานมีสารให้ความหวานที่เรียกว่า “สตีวิโอไซด์ (Stevioside)” ซึ่งมีความหวานมากกว่าน้ำตาลทรายประมาณ 300 เท่า โดยไม่ให้พลังงาน และไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดสูง จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักและผู้ป่วยโรคเบาหวาน นอกจากนี้ หญ้าหวานยังมีสรรพคุณทางยาต่างๆ ดังนี้ ลดความดันโลหิตสูง: สารสตีวิโอไซด์มีฤทธิ์ในการขยายหลอดเลือด ช่วยลดความดันโลหิตสูง ลดระดับคอเลสเตอรอล: หญ้าหวานมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) และเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลที่ดี (HDL) ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด: หญ้าหวานมีสารสตีวิโอไซด์ที่ไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง จึงเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานหรือผู้ที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ต้านการอักเสบ: หญ้าหวานมีสารต้านการอักเสบที่ช่วยลดอาการอักเสบต่างๆ ในร่างกาย เช่น อาการปวดข้อ อาการบวม และอาการอักเสบของระบบทางเดินอาหาร บำรุงผิวพรรณ: หญ้าหวานมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายของอนุมูลอิสระ ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ดูอ่อนเยาว์ การปลูกหญ้าหวาน หญ้าหวานเป็นพืชที่ปลูกง่ายและทนทานต่อสภาพอากาศ สามารถปลูกได้ในดินแทบทุกชนิด โดยเฉพาะดินร่วนซุยที่มีการระบายน้ำดี หญ้าหวานสามารถปลูกได้ทั้งในแปลงและในกระถาง โดยวิธีการปลูกมีดังนี้ […]
ถั่วแปะยี ถั่วแปยะยี มีจุดเด่นที่ใบนำไปรับประทานได้ ทั้งแบบกินสด และแบบนำไปลวกเหมือนผักชนิดอื่นๆ ทั่วไป นอกจากนี้ พันธุ์ถั่วแปะยียกลมนั้น ฝักสามารถนำไปประกอบอาหารได้ ประโยชน์และสรรพคุณถั่วแปะยี ถั่วแปะยีมีวิตามินซีสูง จึงช่วยป้องกันหวัดและช่วยบรรเทาอาการหวัด ถั่วแปะยีมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอวัยและลดริ้วรอยเหี่ยวย่น ถั่วแปะยีมีกรดโฟลิกสูง จึงช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง ถั่วแปะยีมีเส้นใยอาหารสูง จึงช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดและช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน ถั่วแปะยีมีโปรตีนสูง จึงช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ถั่วแปะยีมีธาตุเหล็กสูง จึงช่วยรักษาภาวะโลหิตจาง ถั่วแปะยีมีวิตามินบี 1 ซึ่งเป็นส่วนของระบบประสาท
โลดทะนงแดง: สมุนไพรไทยเพื่อผิวกระจ่างใส โลดทะนงแดง (ชื่อทางวิทยาศาสตร์: Cratoxylum formosum (Jack) Dyer.) เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงกลาง มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยพบได้ในประเทศไทย กัมพูชา ลาว เวียดนาม และมาเลเซีย ในทางการแพทย์แผนไทย โลดทะนงแดงถูกใช้เป็นยาสมุนไพรมาช้านาน โดยมีสรรพคุณช่วยบำรุงผิวพรรณให้ขาวผ่องใส ลดรอยหมองคล้ำ จุดด่างดำ และช่วยรักษาโรคผิวหนังบางชนิด สรรพคุณของโลดทะนงแดง โลดทะนงแดงมีสารสำคัญหลายชนิด ได้แก่ ฟีนอล ฟลาโวนอยด์ และเทอร์พีนอยด์ ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องผิวจากการทำลายของแสงแดด ลดการเกิดริ้วรอย และช่วยให้ผิวกระจ่างใส นอกจากนี้ โลดทะนงแดงยังมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ tyrosinase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างเมลานินในผิวหนัง เมื่อเอนไซม์นี้ถูกยับยั้ง การสร้างเมลานินก็จะลดลง ทำให้ผิวขาวขึ้นและจุดด่างดำจางลง วิธีใช้โลดทะนงแดง โลดทะนงแดงสามารถนำมาใช้ในรูปแบบต่างๆ เพื่อบำรุงผิวพรรณได้ ดังนี้ รับประทาน: นำโลดทะนงแดงแห้งมาบดเป็นผงแล้วนำมาละลายน้ำดื่ม หรือจะนำมาต้มเป็นชาเพื่อดื่มก็ได้ การรับประทานโลดทะนงแดงเป็นประจำจะช่วยบำรุงผิวพรรณให้ขาวกระจ่างใสจากภายใน พอกผิว: นำโลดทะนงแดงแห้งมาบดเป็นผงแล้วนำมาผสมกับน้ำหรือโยเกิร์ตจนได้เนื้อข้น ก่อนนำมาพอกผิวหน้าหรือผิวกาย ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก การพอกผิวด้วยโลดทะนงแดงจะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพและช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้น ขัดผิว: นำโลดทะนงแดงแห้งมาบดเป็นผงแล้วนำมาผสมกับน้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันมะกอกจนได้เนื้อข้น […]