ผักหนาม ผักป่า ใบกรอบหวาน และสรรพคุณ ผักหนาม หรือ ผักหนามหน่อ หรือ ผักจาก หรือ ผักหนามหนู (ภาษาจีน: φύσιγγα) เป็นผักที่มีหนามแหลมอยู่ทั่วต้น เป็นพืชในวงศ์ Amaranthaceae ลักษณะของผักหนามนั้นมีลำต้นเป็นสีแดง ใบมีสีเขียวเข้ม หนาและมีขนตามขอบใบ ดอกมีสีขาวหรือสีชมพูอ่อน ผลมีสีเขียวอ่อนหรือสีขาว สรรพคุณผักหนาม ต้านอนุมูลอิสระ: ผักหนามมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ สารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้ยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ ได้อีกด้วย ลดน้ำหนัก: ผักหนามมีปริมาณแคลอรี่ต่ำและมีเส้นใยอาหารสูง ซึ่งช่วยให้รู้สึกอิ่มนานและช่วยลดความอยากอาหารได้ ทำให้ผักหนามเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนัก รักษาเบาหวาน: ผักหนามมีสารที่ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด จึงอาจมีประโยชน์สำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ช่วยย่อยอาหาร: ผักหนามมีเส้นใยอาหารสูง ซึ่งช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ช่วยป้องกันอาการท้องผูกและทำให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น ลดความดันโลหิต: ผักหนามมีโพแทสเซียมสูง ซึ่งช่วยลดความดันโลหิตและป้องกันโรคความดันโลหิตสูงจากไปได้ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน: ผักหนามมีวิตามินซีสูง ซึ่งช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและช่วยให้ร่างกายต้านทานการติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย บำรุงสายตา: ผักหนามมีวิตามินเอสูง ซึ่งช่วยบำรุงสายตาและป้องกันโรคตาต่างๆ ได้ เช่น โรคต้อกระจกและโรคต้อหิน แก้อาการท้องผูก: ผักหนามมีไฟเบอร์สูงซึ่งเป็นตัวช่วยอุ้มน้ำหล่อลื่นในลำไส้ ช่วยทำให้อุจจาระนุ่มและถ่ายง่ายขึ้น รักษาโรคบิด: ต้มผักหนามหรือหั่นฝักผักหนามกินทั้งฝัก […]
Tag Archives: สมุนไพร
## ผลักเคล (curly Kale): ราชีนีแห่ง ผักใบสีเขียว เครือญาติของมันคือ กวางตุ้ง บรอッコลิ และ ดอกกระหลํ่า เครือญาติยังรวมถึง Brussels sprouts และ kohlrabis แม้จะมีลักษณะเหมือนเช่น กวางตุ้ง ผักเคลก็เป็นประเภทรายปี ไม่ใช่ไม้สองปี สายพันธฺุที่ว่ากันว่าเป็นพันธฺุที่เก่าแก่ที่สุดของ ผักเคล คือพันธฺุที่รู้จักกันในชื่อ ต้นเลือดดอกไม้ หรือ (bloody butcher). ผักเคลมีความอดทรทานต่อความร้อนและความหนาว มีความอดทรทานต่อความร้อนและความหนาว ผักเคลก็เป็นที่รู้จักกันดีที่สุดในเรื่องของความสามารถในการเติ่งโตได้ดีในช่วงกลางถึงปลายปี ซึ่งเป็นช่วงที่รสชาติเกิดความเต็มเปี่ยมที่สุด และมีรสที่ยอดเยี่ยม แต่ผลผลิตจะลดลงในช่วงที่มีความหนาวที่จัด คุณค่าทางสารอาหาร มีความโดเด่นเป็นอย่างมากในเรื่องของวิตามินและสารอาหาร มีวิตามินในกลุ่ม เอ ซีและ เคล็น อีกทั้งแอคลแคโรที และเบตาแคโรที ซึ่งล้วนนับเป็นสารอาหารต้นกลุ่มมีสารอาหารจากกลุ่ม บ่อยไปจนถึง ธ อีกทั้งมีส่วนสนับสนุนจากแบ้วครือบทัพแลียมแก่สารเช่น เหรียม แคลเซียม และโพแทเชียม โดยที่การบริโกคุณค่าของการบริโกสามารถลดความเสี่ยของการเกิดโรคม้าม เสมือยังกับช่วยในการเสริมสร้างสุขภาพตา สามารถลดความเสี่ยของโรคม้าม เสมือยังกับช่วยในการเสริมสร้างสุขภาพตา สามรถหลีกเลี่ยการเกิดโรคล้อใจได้ ในการเลือกรับประทานเคล ควรรับประทานเคลในประเภที่สด […]
โสน สรรพคุณโสน แก้โรคผิวหนังต่างๆ รวมถึงผดผื่น คัน มีหนอง แก้ไข้หวัด แก้ปวดหัว แก้ไอ เจ็บคอ แก้ท้องเสีย แก้ปวดท้องน้อย แก้ตกขาว แก้หืดหอบ แก้ริดสีดวงทวาร แก้บิด การปลูกโสน โสนเป็นพืชที่ปลูกง่าย สามารถปลูกได้ในดินทุกชนิด แต่จะเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุยที่มีการระบายน้ำดี และมีแสงแดดจัด การเตรียมดิน ไถพรวนดินให้ลึกประมาณ 10-15 เซนติเมตร ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตรา 1-2 ตันต่อไร่ ย่อยดินให้ละเอียดและทำร่องลึกประมาณ 5 เซนติเมตร การปลูก นำเมล็ดโสนมาแช่นน้ำอุ่นประมาณ 12 ชั่วโมง หว่านเมล็ดโสนลงในร่องที่เตรียมไว้ โดยห่างกันประมาณ 10 เซนติเมตร ก ลบดินกลบเมล็ดโสนบางๆ รดน้ำให้ชุ่ม การดูแลรักษา รดน้ำโสนให้สม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน พรวนดินรอบๆ โสนเพื่อกำจัดวัชพืช ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตรา 1-2 ตันต่อไร่ ทุกๆ 3-4 เดือน การเก็บเกี่ยว โสนจะเริ่มออกดอกในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม […]
ดอกดิน “ควันต้านมะเร็ง” แก้ไอ ลดไข้ แพทย์พื้นบ้านแนะนำใช้หุงนึ่งข้าว คุณสมบัติของดอกดิน (ดอกดินป่า) จัดเป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว เป็นไม้พุ่มขนาดใหญ่ แตกกอสูงราว 1-2 เมตร ลำต้นมีหนามแหลมคมปกคลุมทั้งลำต้น สีเขียวอมเทา ใบมีสีเขียวเข้ม รูปไข่ปลายแหลม โคนใบมนหรือตัด ดอกช่อ เป็นช่อกระจุกขนาดใหญ่สีขาว ดอกตัวผู้และดอกตัวเมียแยกกัน ผลเป็นผลแห้งรูปไข่ทรงรี สีเหลือง ดอกดินมีสรรพคุณทางยา โดยเฉพาะดอกดินป่า ดอกดินทั้ง 5 ชนิด ใช้เป็นยาบำรุงร่างกาย แก้ไข้ตัวร้อน ต้านการอักเสบ รักษาโรคในกระเพาะอาหาร ขับลมในลำไส้ ช่วยเจริญอาหาร ช่วยขับเหงื่อ บำรุงธาตุช่วยฟอกเลือด แก้พิษแก้พิษงู แก้โรคข้อกระดูก บรรเทาอาการเสาะแสะคันคอ ต่อมน้ำเหลืองโต แก้ไอ โดยเฉพาะ”ดอกดินป่า” มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว สามารถทำยาลม ยารักษาไข้หวัด ยาลดไข้ ยาบรรเทาโรคกระเพาะอาหาร แก้ไอ แก้ทางเดินอาหาร และต้านมะเร็ง แพทย์พื้นบ้านเล่าขานกันว่า ดอกดินมีกลิ่นหอมของ “ควันปืน” ที่สามารถต้านมะเร็งได้ แพทย์แผนไทยจึงนำดอกดินไปปรุงยากลายเป็นตำรับยาเข้าเครื่อง มีประโยชน์มากมาย […]
แมงลัก/ใบแมงลัก (hairy basil) ใบแมงลักเป็นส่วนประกอบสำคัญในอาหารไทยหลายชนิด เช่น แกงเขียวหวาน ผัดกะเพรา และต้มยำ ชอบแสงแดดเต็มที่ถึงร่มรื่น ใช้เมล็ดในการปลูก สามารถปลูกได้ง่ายในสภาพอากาศร้อนชื้น สรรพคุณใบแมงลัก ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยลดความดันโลหิต ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ช่วยป้องกันโรคหัวใจ ช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง ช่วยปรับปรุงระบบย่อยอาหาร ช่วยลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยขับลมในลำไส้ ช่วยป้องกันอาการท้องเสีย ช่วยป้องกันโรคติดเชื้อ การปลูกแมงลัก เลือกพื้นที่ที่มีแสงแดดจัดถึงร่มรื่น เตรียมดินโดยไถพรวนให้ละเอียด ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก หว่านเมล็ดแมงลักลงในดินให้ทั่ว รดน้ำให้ชุ่ม ดูแลด้วยการรดน้ำและใส่ปุ๋ยอย่างสม่ำเสมอ แมงลักจะโตเต็มที่ภายในประมาณ 60 วัน
บัวบกโขด ไม้ป่าประดับยอดนิยม บัวบกโขด หรือบัวบกโคก มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Centella cordifolia เป็นพืชในวงศ์ผักชี มีชื่อท้องถิ่นอื่นๆ ได้แก่ บัวบกชี, ผักโขด, ปลาสะก๊าด และหญ้าปากเป็ด ลักษณะเด่นคือ มีใบกลมรีคล้ายรูปหัวใจ เนื้อใบหนากมีสีเขียวเข้ม ขอบใบมีหยักฟันเลื่อย ผิวสัมผัสใบมีขนเล็กๆ ทั่วทั้งใบ บัวบกโขดเป็นพรรณไม้ป่า แต่ปัจจุบันนิยมปลูกเป็นไม้ประดับ เพราะมีรูปทรงใบและสีสันที่สวยงาม มีการแตกก้านช่อดอกที่ยาว ทอดตัวไปตามพื้นดิน ออกดอกเป็นช่อขนาดเล็กสีขาว มีกลีบดอก 5 กลีบ กลีบดอกโค้งงอเข้าหาก้านดอก เมื่อดอกบานเต็มที่สูงขึ้นจากพื้นได้เพียงเล็กน้อย สรรพคุณของบัวบกโขด นอกจากความสวยงามในการปลูกเป็นไม้ประดับแล้ว บัวบกโขดยังมีสรรพคุณทางยาที่หลากหลาย ได้แก่ ช่วยสมานแผล: ใบบัวบกโขดมีสารเคมีที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง จึงมีสรรพคุณช่วยรักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก แผลฟกช้ำ แผลหลังผ่าตัด และแผลเป็น รักษาโรคกระเพาะ: สารไกลโคไซด์ในใบบัวบกโขด ช่วยเคลือบกระเพาะอาหาร ลดอาการอักเสบ และรักษาแผลในกระเพาะอาหาร บำรุงสมองและความจำ: สารไกลโคไซด์และสารต้านอนุมูลอิสระในใบบัวบกโขด ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในสมอง ลดอาการสมองเสื่อมและความจำเสื่อม ลดการอักเสบ: สารต้านอักเสบในใบบัวบกโขด ช่วยลดการอักเสบของข้อและกล้ามเนื้อ ลดอาการปวดบวม […]
กล้วยเล็บมือนาง กล้วยเล็บมือนางเป็นกล้วยสายพันธุ์หนึ่งที่มีลักษณะผลเป็นสีเหลืองปนเขียวหรือเหลืองอมชมพู ผิวบาง เนื้อนุ่ม หวาน หอม มีเมล็ดดำขนาดเล็กหลายเมล็ด นิยมรับประทานกันทั้งแบบดิบและแบบสุก ประโยชน์ของกล้วยเล็บมือนาง กล้วยเล็บมือนางมีประโยชน์มากมาย ดังนี้ ให้พลังงานสูง เหมาะสำหรับการรับประทานก่อนออกกำลังกายหรือหลังจากออกกำลังกาย อุดมไปด้วยวิตามินซี ซึ่งช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน มีโพแทสเซียมสูง ซึ่งช่วยรักษาสมดุลของน้ำในร่างกายและควบคุมความดันโลหิต มีใยอาหารสูง ซึ่งช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี ช่วยลดอาการท้องผูก ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง การปลูกกล้วยเล็บมือนาง สามารถปลูกกล้วยเล็บมือนางได้ด้วยวิธีการดังนี้ การเตรียมดิน กล้วยเล็บมือนางเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุย ดินร่วนปนทราย หรือดินร่วนปนดินเหนียว มีความเป็นกรดเป็นด่างประมาณ 5.5-6.5 ควรไถพรวนดินให้ลึกประมาณ 30-40 เซนติเมตร ตากดินทิ้งไว้ประมาณ 1-2 สัปดาห์ การเตรียมต้นพันธุ์ นิยมใช้หน่อของกล้วยเล็บมือนางที่มีอายุประมาณ 8-12 เดือนมาเป็นต้นพันธุ์ ควรเลือกหน่อที่สมบูรณ์ แข็งแรง ไม่มีโรคและแมลงศัตรูพืช การปลูก ขุดหลุมปลูกขนาดกว้างประมาณ 50-60 เซนติเมตร ลึกประมาณ 50-60 เซนติเมตร ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักลงไปในหลุมปลูก รองก้นหลุมด้วยใบไม้หรือฟางข้าว วางหน่อพันธุ์ลงในหลุมแล้วกลบดินให้แน่น รดน้ำให้ชุ่ม การดูแล […]
หญ้าหวายข้อ หญ้าหวายข้อ (Orthosiphon stamineus Benth.) เป็นพืชล้มลุกในวงศ์กะเพรา มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีลำต้นตรงตั้ง สีเขียวอมแดง ใบเดี่ยว ออกตรงข้ามกัน รูปหอก ปลายแหลม ขอบหยักเป็นฟันเลื่อย ดอกช่อแบบช่อกระจะ ออกที่ปลายยอด มีกลีบดอกสีม่วงอ่อน กาบหุ้มดอกเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 5 แฉก ผลแห้งแตกได้ มีเมล็ดขนาดเล็กจำนวนมาก หญ้าหวายข้อมีสรรพคุณทางยาหลายประการ เช่น ขับปัสสาวะ ลดความดันโลหิตสูง แก้กระษัย บำรุงไต ลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ต้านการอักเสบ ประโยชน์ของหญ้าหวายข้อ หญ้าหวายข้อมีประโยชน์มากมายทั้งทางด้านสุขภาพและการเกษตร ได้แก่ ใช้เป็นยาสมุนไพรเพื่อรักษาโรคต่างๆ ตามสรรพคุณที่กล่าวมาข้างต้น ใช้เป็นชาสมุนไพรดื่มเพื่อบำรุงสุขภาพ ใช้เป็นอาหารสัตว์ เช่น วัว ควาย แพะ ใช้เป็นปุ๋ยพืชสด เนื่องจากมีไนโตรเจนสูงและสามารถย่อยสลายได้ง่าย ใช้เป็นวัสดุปกคลุมดินเพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำในดินและป้องกันวัชพืช การปลูกหญ้าหวายข้อ หญ้าหวายข้อสามารถปลูกได้ง่ายในดินทุกประเภท โดยไม่ต้องดูแลมากนัก ขั้นตอนการปลูกมีดังนี้ เตรียมดินโดยไถพรวนให้ร่วนซุย หว่านเมล็ดหญ้าหวายข้อลงในแปลงปลูก กดดินให้แน่นเพื่อให้เมล็ดสัมผัสกับดิน รดน้ำให้ชุ่ม ดูแลโดยรดน้ำสม่ำเสมอและกำจัดวัชพืช หญ้าหวายข้อจะเริ่มงอกภายใน […]
แสมดำ ประโยชน์ และสรรพคุณแสมดำ แสมดำ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Bruguiera gymnorrhiza) เป็นพืชในวงศ์ Rhizophoraceae เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ มีความสูงได้ถึง 20 เมตร ลำต้นมีสีดำ เปลือกมีรสฝาดเล็กน้อย ใบเป็นใบเดี่ยวออกตรงข้ามแบบไขว้ รูปไข่ขอบขนานหรือรูปไข่กลับ ปลายใบแหลม โคนใบมน ก้านใบยาว เนื้อใบหนา สีเขียวเข้ม ออกดอกเป็นช่อ ดอกเพศผู้มีกลีบดอก 4 กลีบ ดอกเพศเมียมีกลีบดอก 8 กลีบ ผลสดมี 1 เมล็ด รูปร่างคล้ายตัว S แสมดำเป็นพืชที่ขึ้นอยู่ในป่าชายเลน สามารถทนทานต่อน้ำทะเลและดินเค็มได้ดี จึงนิยมนำมาปลูกเพื่อป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง แสมดำเป็นแหล่งหากินของสัตว์น้ำต่างๆ และเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำวัยอ่อนอีกด้วย ประโยชน์ของแสมดำ ใช้เป็นฟืนและไม้เผา แสมดำเป็นไม้ที่มีเนื้อแข็งจึงสามารถนำมาใช้เป็นฟืนและไม้เผาได้ดี ใช้ในการก่อสร้าง แสมดำเป็นไม้ที่มีความแข็งแรงทนทาน จึงนิยมนำมาใช้ในการก่อสร้าง เช่น ทำเสาบ้าน ทำสะพาน ทำท่าเรือ เป็นต้น ใช้ในการทำเครื่องมือเครื่องใช้ แสมดำสามารถนำมาใช้ในการทำเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ เช่น ทำด้ามขวาน ทำด้ามมีด […]
การปลูกขิงแดง ขิงประดับ ขิงแดง และขิงประดับ เป็นพืชตระกูลเดียวกับขิง แต่มีลักษณะและการใช้งานที่แตกต่างกัน ขิงแดงมีหัวสีแดงสด นิยมนำมาประกอบอาหาร ขณะที่ขิงประดับมีหัวสีชมพูอ่อนถึงแดงสด มีกลิ่นหอมแรง นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ ขั้นตอนการปลูกขิงแดง ขิงประดับ ขิงแดง และขิงประดับสามารถปลูกได้ในดินแทบทุกชนิด แต่เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุย ระบายน้ำได้ดี มีความเป็นกรดเป็นด่างประมาณ 6.0-6.8 มีแสงแดดส่องถึงตลอดทั้งวัน เลือกหัวพันธุ์ขิงแดง ขิงประดับที่มีขนาดใหญ่ สมบูรณ์ ไม่มีรอยแผลหรือโรคพืช แช่หัวพันธุ์ในน้ำสะอาดประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อให้หัวพันธุ์ดูดซับน้ำและงอกเร็วขึ้น ไถพรวนดินให้ร่วนซุย ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตรา 1-2 กิโลกรัมต่อตารางเมตร จากนั้นยกร่องปลูกให้มีความกว้างประมาณ 30 เซนติเมตร และลึกประมาณ 10 เซนติเมตร วางหัวพันธุ์ขิงแดง ขิงประดับลงในร่องปลูก โดยให้ยอดหันขึ้นด้านบน และเว้นระยะห่างระหว่างหัวพันธุ์ประมาณ 20-30 เซนติเมตร กกลบดินกลบหัวพันธุ์ให้มิด รดน้ำให้ชุ่ม การดูแลรักษาขิงแดง ขิงประดับ หลังจากปลูกขิงแดง ขิงประดับแล้ว ควรหมั่นดูแลรักษา ดังนี้ รดน้ำให้สม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน ควรรดน้ำอย่างน้อยวันละ […]