หญ้าหวาน (Stevia) สรรพคุณ และการปลูกหญ้าหวาน หญ้าหวานหรือสตีเวีย (Stevia Rebaudiana) เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาใต้ โดยเฉพาะประเทศปารากวัย บราซิล และอาร์เจนตินา ซึ่งผู้คนในพื้นที่ใช้หญ้าหวานเป็นสารให้ความหวานมาอย่างยาวนาน เนื่องจากให้ความหวานโดยไม่ให้พลังงาน และยังมีสรรพคุณทางยาที่หลากหลาย สรรพคุณของหญ้าหวาน หญ้าหวานมีสารให้ความหวานที่เรียกว่า “สตีวิโอไซด์ (Stevioside)” ซึ่งมีความหวานมากกว่าน้ำตาลทรายประมาณ 300 เท่า โดยไม่ให้พลังงาน และไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดสูง จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักและผู้ป่วยโรคเบาหวาน นอกจากนี้ หญ้าหวานยังมีสรรพคุณทางยาต่างๆ ดังนี้ ลดความดันโลหิตสูง: สารสตีวิโอไซด์มีฤทธิ์ในการขยายหลอดเลือด ช่วยลดความดันโลหิตสูง ลดระดับคอเลสเตอรอล: หญ้าหวานมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) และเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลที่ดี (HDL) ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด: หญ้าหวานมีสารสตีวิโอไซด์ที่ไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง จึงเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานหรือผู้ที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ต้านการอักเสบ: หญ้าหวานมีสารต้านการอักเสบที่ช่วยลดอาการอักเสบต่างๆ ในร่างกาย เช่น อาการปวดข้อ อาการบวม และอาการอักเสบของระบบทางเดินอาหาร บำรุงผิวพรรณ: หญ้าหวานมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายของอนุมูลอิสระ ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ดูอ่อนเยาว์ การปลูกหญ้าหวาน หญ้าหวานเป็นพืชที่ปลูกง่ายและทนทานต่อสภาพอากาศ สามารถปลูกได้ในดินแทบทุกชนิด โดยเฉพาะดินร่วนซุยที่มีการระบายน้ำดี หญ้าหวานสามารถปลูกได้ทั้งในแปลงและในกระถาง โดยวิธีการปลูกมีดังนี้ […]
Tag Archives: สมุนไพร
โลดทะนงแดง: สมุนไพรไทยเพื่อผิวกระจ่างใส โลดทะนงแดง (ชื่อทางวิทยาศาสตร์: Cratoxylum formosum (Jack) Dyer.) เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงกลาง มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยพบได้ในประเทศไทย กัมพูชา ลาว เวียดนาม และมาเลเซีย ในทางการแพทย์แผนไทย โลดทะนงแดงถูกใช้เป็นยาสมุนไพรมาช้านาน โดยมีสรรพคุณช่วยบำรุงผิวพรรณให้ขาวผ่องใส ลดรอยหมองคล้ำ จุดด่างดำ และช่วยรักษาโรคผิวหนังบางชนิด สรรพคุณของโลดทะนงแดง โลดทะนงแดงมีสารสำคัญหลายชนิด ได้แก่ ฟีนอล ฟลาโวนอยด์ และเทอร์พีนอยด์ ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องผิวจากการทำลายของแสงแดด ลดการเกิดริ้วรอย และช่วยให้ผิวกระจ่างใส นอกจากนี้ โลดทะนงแดงยังมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ tyrosinase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างเมลานินในผิวหนัง เมื่อเอนไซม์นี้ถูกยับยั้ง การสร้างเมลานินก็จะลดลง ทำให้ผิวขาวขึ้นและจุดด่างดำจางลง วิธีใช้โลดทะนงแดง โลดทะนงแดงสามารถนำมาใช้ในรูปแบบต่างๆ เพื่อบำรุงผิวพรรณได้ ดังนี้ รับประทาน: นำโลดทะนงแดงแห้งมาบดเป็นผงแล้วนำมาละลายน้ำดื่ม หรือจะนำมาต้มเป็นชาเพื่อดื่มก็ได้ การรับประทานโลดทะนงแดงเป็นประจำจะช่วยบำรุงผิวพรรณให้ขาวกระจ่างใสจากภายใน พอกผิว: นำโลดทะนงแดงแห้งมาบดเป็นผงแล้วนำมาผสมกับน้ำหรือโยเกิร์ตจนได้เนื้อข้น ก่อนนำมาพอกผิวหน้าหรือผิวกาย ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก การพอกผิวด้วยโลดทะนงแดงจะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพและช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้น ขัดผิว: นำโลดทะนงแดงแห้งมาบดเป็นผงแล้วนำมาผสมกับน้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันมะกอกจนได้เนื้อข้น […]
ผักหนาม ผักพื้นบ้านใบกรอบหวาน ผักหนาม เป็นไม้ล้มลุก อายุหลายปี แตกกอเป็นกลุ่มเล็ก มีเหง้าอยู่ใต้ดิน ลำต้นเหนือดินมีลักษณะเป็นไม้เนื้ออ่อน มีหนามเล็กๆปกคลุมอยู่ทั่วทั้งลำต้น ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก ชั้นเดียว รูปใบหอก เรียงสลับกันเป็นคู่ตามลำต้น กว้างประมาณ 1-2 เซนติเมตร ยาวประมาณ 2-4 เซนติเมตร ขอบใบหยักเป็นซี่ฟัน ดอกออกเป็นช่อตามซอกใบ ดอกย่อยมีขนาดเล็ก สีขาวหรือสีชมพู ผลเป็นฝักแบน ยาวประมาณ 3-4 เซนติเมตร ภายในมีเมล็ดสีน้ำตาลจำนวนมาก สรรพคุณของผักหนาม ใบใช้รับประทานเป็นผักสด โดยนำมาลวกหรือต้มจิ้มน้ำพริก หรือใช้เป็นส่วนผสมในอาหารประเภทแกง เช่น แกงส้ม แกงเลียง แกงอ่อม แกงแค มีสรรพคุณช่วยขับเสมหะ แก้ไอ แก้เจ็บคอ ช่วยลดความดันโลหิตสูง ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ช่วยบำรุงสายตา ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส
พลับพลึงธาร/หญ้าช้อง/หอมน้ำ พืชน้ำที่พบแห่งเดียวบนโลก พลับพลึงธาร หรือ หญ้าช้อง หรือ หอมน้ำ เป็นพืชน้ำที่หายากชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Aneilema longirachis, มีลักษณะเป็นไม้น้ำ ใบเป็นแผ่นกลมกว้างประมาณ 1.5-2 ซม. ขอบใบเรียบ ดอกมีสีม่วงหรือม่วงอมชมพู แซมขาวหรือเหลือง เป็นช่อดอกแบบกระจะ ดอกย่อยจำนวนมากขนาดเล็ก กลีบดอกมี 6 กลีบ ผลเป็นแบบแคปซูล ขนาดเล็ก ภายในมีเมล็ดขนาดเล็กจำนวนมาก พลับพลึงธาร จัดเป็นพืชน้ำที่พบได้แห่งเดียวบนโลก พบที่บริเวณป่าดงดิบชื้นในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดชุมพร และจังหวัดระนอง ในประเทศไทยเท่านั้น นิยมปลูกเป็นไม้ประดับในบ่อน้ำ เนื่องจากมีดอกสีสันสวยงาม และมีความหายาก คุณสมบัติทางยาของพลับพลึงธาร รากของพลับพลึงธารมีรสชาติขมเล็กน้อย มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงโลหิต แก้ประจำเดือนไม่มา แก้เมนส์ขาด บำรุงหัวใจ แก้เกลื้อน แก้ผื่นคัน แก้แผลเรื้อรัง ช่วยสมานแผล ป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย ช่วยเร่งให้แผลหายเร็วขึ้น วิธีใช้พลับพลึงธารเป็นยา แก้ประจำเดือนไม่มา แก้เมนส์ขาด: นำรากสดประมาณ 5-10 กรัม มาต้มกับน้ำ 1 […]
เคล็ดลับการปลูกและดูแลทุเรียนเล็กหลังปลูกจนถึงก่อนออกดอกให้รอด การเตรียมดินปลูก ขุดหลุมปลูกขนาด 50 x 50 x 50 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยมูลสัตว์ 10 กิโลกรัม และปุ๋ยร็อคฟอสเฟส 1 กิโลกรัม ผสมดินปลูกด้วยดินร่วน ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยมูลสัตว์ และทรายในอัตรา 2:1:1 กลบดินปลูกให้เต็มหลุม แล้วรดน้ำให้ชุ่ม การปลูก นำต้นกล้าทุเรียนเล็กที่แข็งแรงมาปลูก วางต้นกล้าทุเรียนเล็กไว้ตรงกลางหลุมปลูก กดดินปลูกให้แน่นรอบๆโคนต้น แล้วรดน้ำให้ชุ่ม การให้น้ำ ช่วงแรกหลังปลูกควรให้น้ำทุกวัน เมื่อต้นกล้าทุเรียนเล็กตั้งตัวได้แล้ว ให้ลดการให้น้ำลงเหลือสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ในช่วงฤดูแล้งควรรดน้ำเพิ่มเติมให้กับต้นกล้าทุเรียนเล็ก การใส่ปุ๋ย ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยมูลสัตว์ 5 กิโลกรัม ต่อนต้น 1 ปี ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 1 กิโลกรัม ต่อนต้น 2 ครั้งต่อปี ใส่ปุ๋ยสูตร 8-24-24 อัตรา 1 กิโลกรัม ต่อนต้น 2 […]
ผักแพว ผักแพว เป็นพืชผักสวนครัวที่มีรสชาติหวานกรอบ สามารถนำไปปรุงอาหารได้หลายชนิด นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณทางยาที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย สรรพคุณของผักแพว แก้อาการท้องผูก: ผักแพวมีเส้นใยอาหารสูง ซึ่งช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น จึงช่วยแก้อาการท้องผูกได้ ลดน้ำตาลในเลือด: ผักแพวมีสารที่ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด จึงเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ลดความดันโลหิต: ผักแพวมีสารโพแทสเซียมสูง ซึ่งช่วยลดความดันโลหิตได้ ช่วยบำรุงสายตา: ผักแพวมีวิตามินเอสูง ซึ่งเป็นวิตามินที่จำเป็นต่อการมองเห็น เสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย: ผักแพวมีวิตามินซีสูง ซึ่งเป็นวิตามินที่ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย การปลูกผักแพว ผักแพวเป็นพืชที่ปลูกง่ายและดูแลรักษาง่าย สามารถปลูกได้ทั้งในดินและในน้ำ การปลูกผักแพวในดิน: เตรียมดินโดยไถพรวนและใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ปลูกผักแพวโดยใช้เมล็ดหรือต้นกล้า โดยให้ระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 30 เซนติเมตร รดน้ำผักแพวเป็นประจำวันละ 1-2 ครั้ง ใส่ปุ๋ยผสมสูตรเสมอ 15-15-15 ทุกๆ 15 วัน ผักแพวจะเริ่มออกดอกหลังจากปลูกประมาณ 60 วัน และจะเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตได้หลังจากออกดอกประมาณ 1 เดือน การปลูกผักแพวในน้ำ: เตรียมภาชนะปลูก โดยใช้ถังพลาสติกหรือกะละมัง เจาะรูที่ก้นภาชนะปลูก เพื่อให้น้ำสามารถระบายออกได้ ใส่ดินหรือวัสดุปลูกอื่นๆ เช่น ขุยมะพร้าวหรือเพอร์ไลต์ ลงในภาชนะปลูก ปลูกผักแพวโดยใช้เมล็ดหรือต้นกล้า […]
ดอกดิน ใช้หุงนึ่งข้าว เด่นต้านมะเร็ง แก้ไอ ลดไข้ แก้โรคข้อกระดูก ดอกดินเป็นสมุนไพรมากสรรพคุณ ในหลายตำราพบว่าดอกดินมีสรรพคุณโ่นเช่น ลดไข้ทางเดินหายใจ แก้ไอ ส่วนตุ้มของดอกดินตากแห้งนำมาชงเป็นชาดื่ม แก้พิษจากอากาศ บรรเทาอาการโรคหัวใจ แก้โรคกระดูก หอบหืด และบำบัดอาการเหน็บชา Enzyme giảm cân của Nhật Bản สรรพคุณดอกดิน ดอกดินสามารถใช้รักษาโรคมะเร็งได้ ดอกดินมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ อนุมูลอิสระเป็นสารพิษที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในร่างกายและสามารถนำไปสู่การพัฒนาของเซลล์มะเร็งได้ ดอกดินสามารถใช้รักษาอาการไอได้ ดอกดินมีฤทธิ์ลดการอักเสบและต้านเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งสามารถช่วยบรรเทาอาการไอได้ ดอกดินสามารถใช้รักษาไข้ได้ ดอกดินมีฤทธิ์ลดไข้และจะทำให้เหงื่อออกมากขึ้น ซึ่งสามารถช่วยลดอุณหภูมิของร่างกายได้ ดอกดินสามารถใช้รักษาโรคข้อกระดูกได้ ดอกดินมีฤทธิ์ลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวด ซึ่งสามารถช่วยบรรเทาอาการโรคข้อกระดูกได้ วิธีใช้ดอกดิน ใช้ออกดินหุงข้าว: ล้างดอกดินให้สะอาด ผึ่งให้แห้งหรือตากแดด แล้วนำไปตากแดดอีกครั้ง นำไปเก็บในภาชนะแก้วหรือเซรามิกที่ปิดสนิท สามารถนำดอกดินไปหุงในข้าว 1 ช้อนโต๊ะต่อข้าวสาร 1 ถ้วย ต้มดื่ม: นำดอกดินและน้ำสะอาดไปต้มในภาชนะที่ทำจากแก้วหรือเซรามิก จนเดือดแล้วลดไฟ เคี่ยวจนน้ำงวด จากนั้นกรองเอาแต่น้ำดื่ม โดยอาจเติมน้ำผึ้งหรือน้ำอ้อยเล็กน้อยเพื่อรสชาติที่ดีขึ้น นำตุ้มดอกดินแห้งมาต้มดื่ม โดยใช้ตุ้มดอกดิน 1 […]
ตะไคร้ ตะไคร้เป็นพืชล้มลุกที่มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบได้ในหลายประเทศ รวมถึงไทย ลาว กัมพูชา เวียดนาม และมาเลเซีย ตะไคร้มีลำต้นสูงประมาณ 1-2 เมตร ลำต้นกลม เรียบ มีร่องตามความยาวของลำต้น ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงสลับเวียนรอบลำต้น ใบมีลักษณะยาวและแคบ ใบมีสีเขียวเข้มและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ดอกของตะไคร้เป็นดอกช่อสีขาวหรือสีชมพูอ่อน ดอกจะออกที่ปลายลำต้น ตะไคร้เป็นพืชที่ปลูกง่าย สามารถปลูกได้ในดินหลายประเภท แต่เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุยที่มีการระบายน้ำดี ตะไคร้ชอบอากาศร้อนและชื้น ใบตะไคร้ ใบตะไคร้มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว และมีรสชาติเผ็ดเล็กน้อย ใบตะไคร้ใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารไทยหลายชนิด เช่น ต้มยำ แกงเขียวหวาน แกงเนื้อ และผัดเผ็ด ใบตะไคร้ยังใช้ทำเครื่องดื่ม เช่น ชาตะไคร้ และน้ำตะไคร้ ใบตะไคร้มีสรรพคุณทางยาหลายประการ เช่น ช่วยย่อยอาหาร แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ลดอาการคลื่นไส้ อาเจียน และท้องเสีย ใบตะไคร้ยังช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด และช่วยลดความดันโลหิตสูงได้ ประโยชน์และสรรพคุณตะไคร้ ตะไคร้เป็นพืชที่มีประโยชน์และมีสรรพคุณทางยาหลายประการ นอกจากใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารแล้ว ตะไคร้ยังใช้ทำเป็นยาสมุนไพรได้อีกด้วย ตะไคร้มีสรรพคุณทางยา ดังนี้ ช่วยย่อยอาหาร แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ลดอาการคลื่นไส้ […]
ว่านขันหมากเศรษฐี ว่านขันหมากเศรษฐี (ชื่อวิทยาศาสตร์: Costus spectabilis syn. Costus comosus Waren ex Chithra) เป็นพืชล้มลุกอายุหลายปีในสกุล Costus อยู่ในวงศ์ Costaceae มีถิ่นกำเนิดในอินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และบรูไน ว่านขันหมากเศรษฐีมีลำต้นใต้ดิน ลักษณะเป็นเหง้าอวบและแตกแขนงออกไป มีใบเป็นใบเดี่ยว เรียงสลับเป็นกลุ่มที่โคนต้น ลักษณะเป็นใบยาว รูปใบรี ปลายใบแหลม ขอบใบหยักเว้าเล็กน้อย มีสีเขียวสดใส ออกดอกเป็นช่อที่ปลายยอด ดอกมีสีขาว มีกลีบดอก 3 กลีบ เรียงเป็นรูปสามเหลี่ยม กลีบดอกด้านในมีสีเหลืองอ่อน ดอกมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ออกดอกตลอดปี การปลูกว่านขันหมากเศรษฐี ว่านขันหมากเศรษฐีเป็นพืชที่ปลูกง่าย สามารถปลูกได้ทั้งในดินและในกระถาง ปลูกได้ในดินร่วนซุยที่มีความชื้นสูง ชอบแสงแดดรำไรถึงแดดเต็มวัน รดน้ำให้ชุ่มแต่ไม่แฉะมากเกินไป ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักทุกๆ 2-3 เดือน ขยายพันธุ์โดยการแยกเหง้าหรือเพาะเมล็ด ว่านขันหมากเศรษฐีมีสรรพคุณทางยา แก้เจ็บคอ บรรเทาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ท้องผูก แก้ปัสสาวะเป็นเลือด และช่วยให้เจริญอาหาร
หงส์เหิน/ดอกเข้าพรรษา ประโยชน์ สรรพคุณ และวิธีปลูกหงส์เหิน หงส์เหิน หรือ ดอกเข้าพรรษา เป็นไม้ล้มลุกตระกูล Araceae มีลักษณะใบคล้ายใบพลับพลึง ออกดอกเป็นช่อคล้ายหงส์สีขาว มีทั้งดอกตัวผู้และตัวเมีย ดอกตัวเมียมีลักษณะเป็นผลเล็กๆ สีแดง ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลว่ามีการนำมาใช้ประโยชน์ใดๆ แต่สามารถปลูกเป็นไม้ประดับได้ สรรพคุณของหงส์เหิน ไม่มีข้อมูล วิธีปลูกหงส์เหิน หงส์เหินสามารถปลูกได้โดยการเพาะเมล็ด โดยต้องเตรียมดินร่วนซุย ผสมกับปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยมูลสัตว์ จากนั้นนำเมล็ดไปแช่น้ำประมาณ 1 คืน ก่อนที่จะนำไปเพาะ จากนั้นรดน้ำให้ชุ่มและตั้งไว้ในที่ร่มที่มีอากาศถ่ายเทดี รอจนต้นกล้าเจริญเติบโตและแข็งแรงจึงย้ายปลูกลงดินได้