ฉีดโบท็อกซ์เพื่อลบเลือนริ้วรอยบริเวณหางตา โบท็อกซ์ (Botulinum Toxin) เป็นสารที่ช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อซึ่งจะส่งผลให้ริ้วรอยที่เกิดจากการขยับกล้ามเนื้อค่อยๆ จางลงและหายไป จึงนิยมนำมาใช้ในการแก้ไขริ้วรอยบริเวณใบหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณหางตา (Crow’s feet) ซึ่งเป็นริ้วรอยร่องเล็กๆ ที่เกิดขึ้นบริเวณหางตา โดยทั่วไปแล้วริ้วรอยชนิดนี้มักเกิดจากการแสดงอารมณ์ทางสีหน้า เช่น การยิ้ม การหัวเราะ การขมวดคิ้ว และการหรี่ตา รวมถึงการขยี้ตาและการถูตาบ่อยๆ ขั้นตอนการฉีดโบท็อกซ์ แพทย์จะทำการซักประวัติและตรวจสอบบริเวณที่ต้องการฉีดโบท็อกซ์ แพทย์จะทำความสะอาดและทายาชาบริเวณที่ต้องการฉีด แพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็กฉีดโบท็อกซ์เข้าไปในบริเวณที่ต้องการ หลังจากฉีดแล้วอาจมีรอยช้ำและบวมชั่วคราว ผลลัพธ์จากการฉีดโบท็อกซ์จะปรากฏขึ้นภายใน 2-3 วัน และจะอยู่ได้นานประมาณ 3-6 เดือน ข้อควรระวังก่อนการฉีดโบท็อกซ์ แจ้งแพทย์ถึงโรคประจำตัวและยาที่ใช้ประจำ แจ้งให้แพทย์ทราบหากกำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาบางชนิดก่อนการฉีดโบท็อกซ์ หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองบริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์ ข้อควรปฏิบัติหลังการฉีดโบท็อกซ์ ประคบเย็นบริเวณที่ฉีด หลีกเลี่ยงการนวดหรือถูบริเวณที่ฉีด หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก หลีกเลี่ยงการซาวน่าหรืออาบน้ำร้อน หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาบางชนิด กลับมาตรวจติดตามผลกับแพทย์ตามนัด
Tag Archives: ฟิลเลอร์ร่องแก้ม
Ulthera รอบดวงตา เป็นเทคโนโลยีการยกกระชับผิวรอบดวงตาที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ด้วยความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการช่วยลดริ้วรอยและยกกระชับผิวรอบดวงตาให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด โดยเทคโนโลยี Ulthera ทำงานโดยการส่งคลื่นอัลตร้าซาวด์ลึกเข้าไปยังชั้นผิวหนัง (SMAS) ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่แพทย์ใช้ในการผ่าตัดยกกระชับผิว โดยคลื่นอัลตร้าซาวด์นี้จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังมีความกระชับ เต่งตึงขึ้น โดยปกติจะใช้เวลาเพียง 1-2 ครั้งในการรักษา โดยผลลัพธ์จะเริ่มปรากฏหลังการรักษาประมาณ 2-3 สัปดาห์ และจะคงอยู่ได้นาน 1-2 ปี
ฟิลเลอร์ E.p.t.q. เป็นฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นฟิลเลอร์ที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพสูง และสามารถอยู่ได้นานถึง 2 ปี ฟิลเลอร์ E.p.t.q. มีทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ E.p.t.q. S: เป็นฟิลเลอร์ที่มีความนุ่ม ปานกลาง เหมาะสำหรับการเติมเต็มริ้วรอยต่างๆ เช่น ร่องแก้ม ริ้วรอยหน้าผาก และร่องมุมปาก E.p.t.q. M: เป็นฟิลเลอร์ที่มีความแข็งปานกลาง เหมาะสำหรับการเติมเต็มบริเวณที่ต้องการการรองรับที่มากขึ้น เช่น คาง จมูก และขมับ E.p.t.q. L: เป็นฟิลเลอร์ที่มีความแข็งมาก เหมาะสำหรับการเติมเต็มบริเวณที่ต้องการการรองรับสูง เช่น โหนกแก้ม และคาง ราคาของฟิลเลอร์ E.p.t.q. จะแตกต่างกันไปในแต่ละคลินิก โดยทั่วไปแล้วราคาจะอยู่ที่ประมาณ 15,000-30,000 บาทต่อ 1 ซีซี ซึ่งปริมาณที่ใช้จะขึ้นอยู่กับบริเวณที่ต้องการเติมเต็ม ฟิลเลอร์ E.p.t.q. ถือเป็นฟิลเลอร์ที่มีราคาค่อนข้างสูง แต่ก็แลกมากับคุณภาพและประสิทธิภาพที่สูงเช่นกัน หากคุณกำลังมองหาฟิลเลอร์ที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพสูง และสามารถอยู่ได้นานถึง 2 […]
โบท็อกซ์รักแร้ ลดเหงื่อ ลดกลิ่นตัว โบท็อกซ์ (Botox) คือ สารที่สกัดมาจากแบคทีเรียชนิดหนึ่ง มีฤทธิ์ในการทำลายปลายประสาทที่สั่งงานต่อมเหงื่อ ซึ่งเมื่อฉีดโบท็อกซ์เข้าไปที่รักแร้ ก็จะไปยับยั้งการทำงานของต่อมเหงื่อ ส่งผลให้เหงื่อออกน้อยลง หรืออาจไม่มีเหงื่อเลยในบางราย นอกจากนี้ โบท็อกซ์ยังมีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของต่อมกลิ่นตัวอีกด้วย จึงช่วยลดกลิ่นตัวได้ไปในตัว ประโยชน์ของโบท็อกซ์รักแร้ ลดเหงื่อรักแร้ได้ถึง 80-90% ลดกลิ่นตัวได้ถึง 80-90% ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องใช้ยา ไม่ต้องใช้ครีมขจัดกลิ่นตัว ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 4-6 เดือน วิธีการฉีดโบท็อกซ์รักแร้ แพทย์จะทำความสะอาดรักแร้ด้วยแอลกอฮอล์ แพทย์จะฉีดโบท็อกซ์เข้าไปที่รักแร้ โดยแบ่งเป็นจุด ฉีดจุดละประมาณ 10 ยูนิต หลังฉีดโบท็อกซ์ แพทย์จะประคบเย็นที่รักแร้เพื่อลดอาการปวด ข้อควรระวัง ห้ามฉีดโบท็อกซ์รักแร้ในผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ห้ามฉีดโบท็อกซ์รักแร้ในผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง โรคหัวใจ โรคปอด โรคลมชัก โรคตับ โรคไต และโรคเบาหวาน ห้ามฉีดโบท็อกซ์รักแร้ในผู้ที่กำลังรับประทานยาปฏิชีวนะ ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยากันชัก ยากล่อมประสาท ยาต้านซึมเศร้า และยาแก้ปวดบางชนิด ห้ามฉีดโบท็อกซ์รักแร้ในผู้ที่มีประวัติแพ้โบท็อกซ์หรือสารประกอบใดๆ ในโบท็อกซ์ […]
ร้อยไหมเจ็บไหม คำถามที่หลายคนอยากรู้ก่อนตัดสินใจเข้ารับบริการร้อยไหม คำตอบคือ การร้อยไหมเป็นวิธีที่แทบไม่รู้สึกเจ็บปวด เนื่องจากแพทย์จะใช้ยาชาเฉพาะที่บริเวณที่จะทำการรักษา ดังนั้น จึงทำให้รู้สึกสบายตัวในระหว่างการทำ แต่สำหรับบางคนที่ผิวบางหรือแพ้ง่าย อาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อยได้ โดยทั่วไปแล้วอาการเจ็บจะคงอยู่เพียงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น ขั้นตอนการร้อยไหม การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการรักษา แพทย์จะซักประวัติคนไข้และตรวจสอบสภาพผิวเพื่อประเมินว่าเหมาะสมกับการร้อยไหมหรือไม่ รวมถึงสอบถามเกี่ยวกับโรคประจำตัวและประวัติการแพ้ยาต่างๆ ทำความสะอาดผิวบริเวณที่จะทำการรักษา เพื่อขจัดสิ่งสกปรกและเชื้อแบคทีเรียออก จากนั้นแพทย์จะทำการฉีดยาชาเฉพาะที่ เพื่อทำให้บริเวณที่ทำการรักษามีอาการชา จะรู้สึกสบายตัวตลอดการทำ ร้อยไหม แพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็กแทงผิวหนังเพื่อสร้างช่องทางสำหรับร้อยไหม จากนั้นก็เริ่มร้อยไหมเข้าไปใต้ผิวหนัง โดยใช้เข็มพิเศษที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับการร้อยไหม โดยเริ่มจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งจนครบตามจำนวนที่แพทย์กำหนด ดูแลหลังการรักษา หลังจากร้อยไหมแล้วแพทย์จะประคบเย็นบริเวณที่ทำการรักษา เพื่อลดอาการบวมช้ำ จากนั้นก็แนะนำให้คนไข้พักผ่อน ไม่ทำกิจกรรมหนักๆ เป็นเวลา 2-3 วันเพื่อให้ไหมละลายเข้ากับผิวหนังได้ดีขึ้น และสัก 2-3 สัปดาห์หลังจากนั้นไหมจะเริ่มละลายและสลายตัวไปภายในร่างกาย และจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ของการร้อยไหมหลังจาก 1-3 เดือน
สิวไต เป็นโรคผิวหนังอักเสบชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นบริเวณหลังส่วนล่างและก้น ลักษณะสิวไตจะมีตุ่มแดงเล็กๆ มากมาย โดยอาจมีหนองอยู่ภายใน บางครั้งอาจมีอาการคันร่วมด้วย สิวไตมักเกิดจากการที่ต่อมไขมันบริเวณหลังส่วนล่างและก้นอุดตัน ซึ่งอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ในช่วงวัยรุ่นที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอย่างรวดเร็ว ทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมาในปริมาณมากเกินไป จนเกิดการอุดตันของต่อมไขมันและเกิดสิวได้ นอกจากนี้ผู้หญิงที่อยู่ในช่วงมีประจำเดือนหรือตั้งครรภ์ก็อาจเกิดสิวไตได้ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย การสวมใส่เสื้อผ้าที่รัดเกินไป การสวมใส่เสื้อผ้าที่รัดเกินไปอาจทำให้เกิดการเสียดสีกับผิวหนังบริเวณหลังส่วนล่างและก้น จนทำให้เกิดการระคายเคืองและเกิดสิวได้ การไม่รักษาความสะอาดของร่างกาย การไม่รักษาความสะอาดของร่างกายอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะบริเวณหลังส่วนล่างและก้น อาจทำให้เกิดการสะสมของสิ่งสกปรกและแบคทีเรีย ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดสิวได้ การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ไม่เหมาะสมสำหรับผิวที่มีแนวโน้มเป็นสิว อาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังและเกิดสิวได้ พันธุกรรม หากมีประวัติคนในครอบครัวเป็นสิวไต ก็อาจมีแนวโน้มที่จะเกิดสิวไตได้เช่นกัน หากคุณมีอาการของสิวไต ควรรีบพบแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสมโดยเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อและการเกิดแผลเป็น
วิธีลดริ้วรอยหน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากย่น ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูโรนิกและเรตินอยด์ กรดไฮยาลูโรนิกช่วยเติมเต็มริ้วรอยและช่วยให้ผิวดูอิ่มน้ำ ส่วนเรตินอยด์ช่วยเพิ่มการผลัดเซลล์ผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน นวดหน้าเป็นประจำ การนวดหน้าช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น โดยเฉพาะการนวดหน้าบริเวณหน้าผากเป็นประจำ ช่วยลดเลือนริ้วรอยและทำให้หน้าผากดูเรียบเนียนขึ้น ใช้แผ่นแปะหน้าผาก แผ่นแปะหน้าผากมีส่วนผสมของสารที่ช่วยลดเลือนริ้วรอยและช่วยให้ผิวดูอิ่มน้ำขึ้น ขั้นตอนการใช้แผ่นแปะหน้าผากคือ ล้างหน้าให้สะอาด จากนั้นเช็ดหน้าให้แห้งแล้วแปะแผ่นแปะหน้าผากทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที ฉีดโบท็อกซ์ โบท็อกซ์เป็นสารที่ช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อ โดยที่นิยมฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดริ้วรอยบริเวณหน้าผาก ขั้นตอนการฉีดโบท็อกซ์คือ แพทย์จะฉีดโบท็อกซ์เข้าไปบริเวณหน้าผาก โบท็อกซ์จะเข้าไปยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณนั้น ทำให้กล้ามเนื้อไม่หดตัว ส่งผลให้ริ้วรอยบริเวณหน้าผากลดลง
ร้อยไหมทอร์นาโด ดีไหม อยู่ได้นานเท่าไร การร้อยไหมทอร์นาโด (Tornado thread lift) เป็นเทคนิคการยกกระชับใบหน้าโดยใช้ไหมละลายในการเข้าไปพยุงกล้ามเนื้อและผิวหนังให้เต่งและกระชับ โดยไม่ต้องผ่าตัดซึ่งให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติและมีความปลอดภัยสูง ผลลัพธ์ของการร้อยไหมทอร์นาโดจะอยู่ได้นานกี่ปีนั้น ส่วนผลลัพธ์ของการร้อยไหมทอร์นาโดจะอยู่ได้นานเท่าไร ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่นบริเวณใบหน้าที่ทำและลักษณะผิว หากได้รับการดูแลอย่างดีผิวหน้าเราจะคงอยู่ได้ 1-2 ปีเลยทีเดียว โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้ ทำความสะอาดผิวหน้าด้วยน้ำเปล่าสะอาด ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้ผิวหน้าแห้งเกินไป หลังจากนั้นให้ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป เพราะการสัมผัสกับแสงแดดเป็นเวลานานจะเป็นอันตรายต่อผิวหน้า พยายามหลีกเลี่ยงการล้างหน้าบ่อยๆ เพราะจะทำให้ผิวเสียความชุ่มชื้นได้ ห้ามจับหรือถูบริเวณใบหน้าที่ทำการร้อยไหมโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้ไหมหลุดเร็วกว่ากำหนดได้
สิวเป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ตอนต้น สาเหตุหลักของการเกิดสิวเกิดจากความผิดปกติของต่อมไขมันที่ผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป ร่วมกับการอุดตันของรูขุมขนจากเซลล์ผิวที่ตายแล้วและเศษไขมัน เชื้อแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ตามรูขุมขนจึงเจริญเติบโตได้ดี ทำให้เกิดการติดเชื้อและอักเสบ ส่งผลให้เกิดสิวขึ้นตามมา การรักษาสิวสามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของสิวและปัจจัยอื่นๆ เช่น สภาพผิว เพศ วัย ยารักษาสิวที่เลือกใช้ โดยทั่วไปแล้ว การรักษาสิวจะมุ่งเน้นไปที่การลดการอักเสบ ควบคุมความมัน และกำจัดสิ่งอุดตันในรูขุมขน 6 วิธีรักษาสิว ดูแลผิวให้สิวหาย ล้างหน้าให้สะอาด เป็นประจำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่เหมาะสมกับสภาพผิว เพื่อขจัดสิ่งสกปรก น้ำมัน และเครื่องสำอางที่ตกค้างบนใบหน้า หลีกเลี่ยงการล้างหน้าบ่อยเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคืองได้ ใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิว ตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร ผลิตภัณฑ์รักษาสิวมีให้เลือกหลายชนิด เช่น ยาทาสิว ยารับประทาน ยาฉีด เลเซอร์ เป็นต้น ยารักษาสิวแต่ละชนิดมีกลไกการทำงานและผลข้างเคียงที่แตกต่างกัน ควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับความรุนแรงของสิวและสภาพผิว ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ที่ช่วยควบคุมความมันและลดการอักเสบ เช่น มอยส์เจอไรเซอร์ ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารซาลิไซลิก แอซิด (Salicylic acid) หรือกรดไกลโคลิค (Glycolic acid) เป็นต้น […]
หากคุณฉีดโบท็อกซ์กรามเพื่อลดขนาดกราม แต่แล้วก็ไม่เห็นผลลัพธ์ใดๆ แม้ว่าจะผ่านไปหลายวันแล้ว อาจมีสาเหตุหลายประการที่ทำให้เป็นเช่นนั้น ฉีดโบท็อกซ์กรามกี่วันเห็นผล? โดยทั่วไปแล้ว ผลลัพธ์จากการฉีดโบท็อกซ์กรามจะเริ่มปรากฏหลังจาก 2-4 วัน และจะคงอยู่ประมาณ 3-6 เดือน อย่างไรก็ตาม ในบางรายอาจใช้เวลานานถึง 2 สัปดาห์กว่าจะเห็นผล หากหลังจากฉีดโบท็อกซ์กรามผ่านไป 2 สัปดาห์แล้ว คุณยังไม่เห็นผลลัพธ์ใดๆ อาจเป็นเพราะ: คุณไม่ได้รับการฉีดโบท็อกซ์เพียงพอ คุณมีกล้ามเนื้อกรามที่หนามาก คุณมีปัญหาสุขภาพอื่นๆ ที่รบกวนการทำงานของโบท็อกซ์ กรามไม่เล็กลงเพราะอะไร? หากคุณฉีดโบท็อกซ์กรามแล้ว กรามไม่เล็กลง อาจเป็นเพราะสาเหตุใดสาเหตุหนึ่งดังต่อไปนี้: คุณไม่ได้รับการฉีดโบท็อกซ์เพียงพอ คุณมีกล้ามเนื้อกรามที่หนามาก คุณมีปัญหาสุขภาพอื่นๆ ที่รบกวนการทำงานของโบท็อกซ์ คุณกำลังใช้ยาหรืออาหารเสริมบางชนิดที่รบกวนการทำงานของโบท็อกซ์ หากคุณไม่มั่นใจว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้กรามของคุณไม่เล็กลงหลังจากฉีดโบท็อกซ์แล้ว คุณควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการฉีดโบท็อกซ์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและหาวิธีแก้ไขที่เหมาะสม