ผักโขม ผักโขมเป็นผักใบเขียวที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ มากมาย เช่น วิตามินเค วิตามินเอ วิตามินซี โฟเลต แมกนีเซียม และเหล็ก ผักโขมมีสรรพคุณทางยาหลายประการ เช่น ช่วยบำรุงสายตา บำรุงเลือด ลดความดันโลหิตสูง ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง และช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย การปลูกผักโขม การเตรียมดิน ผักโขมเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุย ระบายน้ำได้ดี มีความเป็นกรดเล็กน้อย (pH 6.0-7.0) ก่อนปลูกควรไถพรวนดินลึกประมาณ 20-30 เซนติเมตร ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตรา 1-2 ตันต่อไร่ แล้วตากดินทิ้งไว้ประมาณ 1 สัปดาห์ การปลูก สามารถปลูกผักโขมได้ทั้งแบบหว่านและแบบย้ายกล้า หากปลูกแบบหว่าน ให้หว่านเมล็ดผักโขมลงในแปลงที่เตรียมไว้ แล้วกลบด้วยดินบางๆ รดน้ำให้ชุ่ม หากปลูกแบบย้ายกล้า ให้เพาะเมล็ดในถาดเพาะกล้าหรือกระถางเพาะกล้า รดน้ำให้ชุ่ม เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-4 ใบ ก็สามารถย้ายกล้าลงแปลงปลูกได้ การดูแลรักษา หลังย้ายกล้าลงแปลงปลูกแล้ว ควรรดน้ำให้ชุ่มทุกวัน ในช่วงแรกอาจต้องรดน้ำ 2 ครั้งต่อวัน เมื่อต้นกล้าตั้งตัวได้แล้วก็สามารถลดความถี่ในการรดน้ำลงเหลือวันละ 1 […]
Tag Archives: พืชไร่
กระดุมทองเลื้อย และเบญจมาศเครือ กระดุมทองเลื้อย มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Thalia geniculata เป็นไม้ล้มลุก อายุหลายฤดู ความสูงของลำต้นประมาณ 1-3 เมตร ลำต้นแตกกอใหญ่เป็นพุ่มใบรูปไข่กว้าง ปลายใบแหลม ขอบใบจักเป็นคลื่นละเอียด มีรากเหง้าอยู่ใต้ดิน ใบสีเขียวสด กว้างประมาณ 2-4 เซนติเมตร ยาวประมาณ 4-6 เซนติเมตร ขึ้นสลับใบอัดกันที่โคน ปลายใบแหลม ดอกออกเป็นช่อแบบกระบองสีม่วง ม่วงอมขาว ม่วงเข้ม ดอกย่อยจำนวนมากเรียงซ้อนอัดกันเป็นช่อหนาทึบ ในช่อดอกมีดอกย่อย 3-5 ดอก ออกที่ซอกใบแต่ละใบมีดอกย่อยประมาณ 10-15 ดอก แต่ละดอกมีกลีบดอก 3 กลีบ ดอกมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ออกดอกตลอดทั้งปี มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาใต้ กระจายพันธุ์ทั่วไปในแถบอเมริกากลางและหมู่เกาะเวสต์อินดีส นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ เบญจมาศเครือ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cosmos bipinnatus เป็นไม้ล้มลุก อายุประมาณ 1 ปี ลำต้นสูงประมาณ 50-150 เซนติเมตร ลำต้นตรงตั้ง แตกกิ่งก้านมาก […]
ละหุ่ง (castor) สรรพคุณ และการปลูกละหุ่ง ละหุ่งเป็นพืชที่มีความสำคัญทางการเกษตร โดยมีการปลูกกันอย่างแพร่หลายในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในภูมิภาคที่มีอากาศอบอุ่น โดยละหุ่งมีคุณสมบัติโดดเด่นในด้านคุณค่าทางโภชนาการและสรรพคุณทางยา นอกจากนี้ยังเป็นพืชที่ปลูกง่าย นิยมนำมาสกัดน้ำมันละหุ่ง สรรพคุณของละหุ่ง บรรเทาอาการท้องผูก: น้ำมันละหุ่งมีฤทธิ์ในการระบายอ่อนๆ จึงสามารถช่วยบรรเทาอาการท้องผูกได้ โดยน้ำมันละหุ่งจะไปช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ทำให้เกิดการขับถ่ายได้ง่ายขึ้น ลดอาการอักเสบ: น้ำมันละหุ่งมีฤทธิ์ในการลดการอักเสบ โดยสามารถช่วยลดอาการปวด บวม และการระคายเคือง รักษาโรคผิวหนัง: น้ำมันละหุ่งสามารถช่วยรักษาโรคผิวหนังต่างๆ เช่น กลาก เกลื้อน และโรคสะเก็ดเงิน โดยน้ำมันละหุ่งจะไปช่วยฆ่าเชื้อราและแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคผิวหนัง ส่งเสริมการเจริญเติบโตของผม: น้ำมันละหุ่งมีกรดไขมันจำเป็นที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของผม โดยน้ำมันละหุ่งจะไปช่วยบำรุงเส้นผม ทำให้ผมดกดำเงางาม รักษาแผล: น้ำมันละหุ่งสามารถช่วยรักษาแผลได้ โดยน้ำมันละหุ่งจะไปช่วยกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ และช่วยลดการติดเชื้อ การปลูกละหุ่ง ละหุ่งเป็นพืชที่ปลูกง่าย สามารถปลูกได้ในหลายพื้นที่ โดยสามารถทำได้ตามขั้นตอนดังนี้ การเตรียมดิน: ดินที่เหมาะสำหรับการปลูกละหุ่งคือดินร่วนปนทรายที่มีความอุดมสมบูรณ์ โดยก่อนปลูกควรไถพรวนดินให้ละเอียด และใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน การปลูก: โดยทั่วไปการปลูกละหุ่งจะทำโดยการหว่านเมล็ดโดยตรงลงในแปลงปลูก โดยควรหว่านเมล็ดให้ห่างกันประมาณ 20-30 เซนติเมตร จากนั้นกลบเมล็ดด้วยดินบางๆ การดูแลรักษา: ละหุ่งเป็นพืชที่ต้องการน้ำในปริมาณมาก โดยควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงที่ต้นละหุ่งยังเล็กอยู่ นอกจากนี้ควรใส่ปุ๋ยเพิ่มเติมทุกๆ […]
มะหวด คืออะไร มะหวดเป็นผลไม้ในตระกูลปาล์ม พบได้ในภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผลของมันมีลักษณะเป็นรูปกลมหรือรูปไข่ สีเหลืองออกส้ม มีผิวมัน เปลือกหนา เนื้อหวานกรอบ และมีเมล็ดขนาดใหญ่ตรงกลาง ผลของมันสามารถรับประทานเป็นผลไม้สด ได้รับความนิยมในไทยและประเทศเพื่อนบ้าน สรรพคุณของมะหวด มะหวดมีสรรพคุณเป็นยาสมุนไพร ช่วยบำรุงร่างกาย ช่วยลดไข้ ขับปัสสาวะ บำรุงหัวใจ บำรุงเลือด ขับพยาธิ และช่วยรักษาโรคต่างๆ เช่น โรคไอ โรคหอบหืด โรคท้องร่วง โรคบิด และโรคผิวหนัง การปลูกมะหวด มะหวดสามารถปลูกได้ในหลายสภาพดิน แต่ดินที่เหมาะสำหรับการปลูกมะหวดมากที่สุดคือดินร่วนปนทรายที่มีความเป็นกรดเป็นด่างปานกลาง มะหวดเป็นพืชที่ต้องการน้ำค่อนข้างมาก ดังนั้นจึงต้องรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ และควรให้ปุ๋ยบำรุงต้นเป็นประจำเพื่อให้ต้นมะหวดเจริญเติบโตได้ดี การเก็บเกี่ยว มะหวดสามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่อผลสุกเต็มที่ โดยสังเกตจากสีของผลที่เป็นสีเหลืองอมส้ม และมีกลิ่นหอม หากเก็บเกี่ยวเร็วเกินไปผลจะไม่หวานและกรอบ หากเก็บเกี่ยวช้าเกินไปผลจะสุกงอมเกินไปและมีรสชาติที่ไม่ดี การใช้ประโยชน์จากมะหวด ผลมะหวดสามารถรับประทานเป็นผลไม้สดได้ โดยสามารถปอกเปลือกและหั่นเป็นชิ้นๆ กินกับน้ำแข็งหรือนมข้นหวาน นอกจากนี้ยังสามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น น้ำมะหวด แยมมะหวด และลูกอมมะหวด ข้อควรระวัง ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวานควรงดรับประทานผลมะหวด เพราะผลมะหวดมีรสหวานมาก อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงได้
ชะอม ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ชะอมเป็นไม้พุ่มขนาดกลาง จัดอยู่ในวงศ์กระดังงา (Annonaceae) โดยมีลักษณะทางพฤกษศาสตร์ดังนี้ ลำต้น ลำต้นมีความสูงประมาณ 1-3 เมตร ลำต้นเป็นสีน้ำตาล มีเปลือกลำต้นหนาและค่อนข้างขรุขระ กิ่งก้านมีลักษณะเป็นเหลี่ยมและมีขนปกคลุมทั่วไป ใบ ใบมีลักษณะเป็นใบเดี่ยว รูปทรงใบคล้ายกับใบมะนาว มีขนาดความยาวประมาณ 10-20 เซนติเมตร และกว้างประมาณ 5-8 เซนติเมตร ขอบใบหยักเว้าลึกเป็นแฉก 3-4 แฉก โคนใบสอบและมีติ่งที่โคนก้านใบ ดอก ชะอมเป็นพืชที่แยกเพศ มีทั้งต้นตัวผู้และต้นตัวเมีย ดอกของชะอม มีลักษณะเป็นดอกสมบูรณ์เพศ ดอกของชะอมมีสีเขียวอ่อน มีขนาดค่อนข้างเล็ก มีกลีบดอก 6 กลีบ มีเกสรตัวผู้จำนวนมาก และมีเกสรตัวเมีย 1 เกสร ผล ผลของชะอมมีลักษณะเป็นผลกลุ่ม ผลย่อยแต่ละผลมีลักษณะเป็นทรงกระบอกคล้ายฝักถั่ว เปลือกผลมีสีเขียวหรือสีเขียวอมเหลือง เมื่อผลแก่จะมีสีน้ำตาลเข้ม เปลือกผลค่อนข้างแข็ง มีเมล็ดจำนวนมาก เมล็ดของชะอมจะมีขนาดเล็ก มีลักษณะเป็นทรงกลมรี มีสีน้ำตาลและมีขนปกคลุมอยู่ทั่วไป การปลูกชะอม การปลูกชะอมสามารถทำได้ง่ายโดยใช้ทั้งเมล็ดหรือกิ่งพันธุ์ โดยทั่วไปนิยมใช้กิ่งพันธุ์เพราะจะให้ผลผลิตเร็วกว่าการเพาะเมล็ด การเลือกพื้นที่ปลูก ชะอมสามารถปลูกได้ในสภาพดินที่หลากหลาย […]
กระดุมทองเลื้อย กระดุมทองเลื้อยเป็นไม้เลื้อยชนิดหนึ่งที่มีถิ่นกำเนิดในอเมริกาใต้ จัดอยู่ในสกุล Passiflora วงศ์ Passifloraceae ลักษณะเด่นของกระดุมทองเลื้อยคือ มีดอกที่มีขนาดใหญ่และมีสีสันสวยงาม ดอกมีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ และกลีบดอก 5 กลีบ กลีบเลี้ยงมีขนาดใหญ่กว่ากลีบดอกและมีสีสันหลากหลาย เช่น ม่วง ขาว ชมพู เขียว กลีบดอกมีขนาดเล็กกว่ากลีบเลี้ยงและมีสีขาวหรือม่วงอ่อน นอกจากนี้ กระดุมทองเลื้อยยังมีใบที่เป็นรูปหัวใจ มีติ่งที่ขอบใบ และมีสีเขียวสด กระดุมทองเลื้อยชอบขึ้นในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง แสงแดดเพียงพอถึงรำไร และดินที่ระบายน้ำได้ดี โดยสามารถปลูกได้ทั้งในกระถางและในแปลงดิน การปลูกในกระถางควรใช้ดินร่วนปนทราย และให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ ส่วนการปลูกในแปลงดินควรขุดหลุมปลูกขนาดกว้างและลึกประมาณ 50 เซนติเมตร ผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักลงในดิน และรดน้ำให้ชุ่มหลังปลูก เบญจมาศเครือ เบญจมาศเครือเป็นไม้เลื้อยชนิดหนึ่งที่มีถิ่นกำเนิดในอเมริกาเหนือ จัดอยู่ในสกุล Clematis วงศ์ Ranunculaceae ลักษณะเด่นของเบญจมาศเครือคือ มีดอกที่มีขนาดใหญ่และมีสีสันสวยงาม ดอกมี 4 กลีบ กลีบมีขนาดใหญ่ รูปไข่กลับ และมีสีสันหลากหลาย เช่น ขาว ม่วง ชมพู ฟ้า […]
มะตูม มะตูมเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยมีทั้งวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระต่างๆ ประโยชน์และสรรพคุณของมะตูม ช่วยลดน้ำหนัก: มะตูมมีเส้นใยอาหารสูง ซึ่งช่วยเพิ่มความรู้สึกอิ่ม ช่วยควบคุมความอยากอาหาร และป้องกันการรับประทานอาหารมากเกินไป ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด: มะตูมมีดัชนีน้ำตาลต่ำ และมีสารที่ช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลในเลือด ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ช่วยลดความดันโลหิตสูง: มะตูมมีโพแทสเซียมสูง ซึ่งช่วยขยายหลอดเลือดและลดความดันโลหิต ช่วยกระตุ้นการย่อยอาหาร: มะตูมมีเอนไซม์ที่ช่วยย่อยโปรตีนและไขมัน ช่วยลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และอาการกรดไหลย้อน ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน: มะตูมมีวิตามินซีสูง ซึ่งช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ช่วยปกป้องร่างกายจากการติดเชื้อ ช่วยบำรุงผิวพรรณ: มะตูมมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันผิวจากความเสียหายจากแสงแดดและมลภาวะ ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย และทำให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่งสดใส ช่วยลดอาการเสมหะ: มะตูมมีสารเมือกที่ช่วยเคลือบและลดการระคายเคืองของทางเดินหายใจ ช่วยบรรเทาอาการไอและเสมหะ
กระดังงา/การเวก กระดังงาหรือการเวก (ชื่อวิทยาศาสตร์: Cananga odorata) เป็นไม้ยืนต้นในวงศ์เดียวกับจำปี ต้นมีขนาดใหญ่ มีความสูงได้ถึง 30 เมตร ลำต้นเปลือกค่อนข้างเรียบเป็นสีเทา กิ่งอ่อนเกลี้ยงเป็นสีเขียวอมเหลือง ใบ เป็นใบเดี่ยวออกตรงข้ามกัน เป็นรูปไข่หรือรูปขอบขนานโคนใบแหลม ปลายใบเรียวแหลมมีหยักเว้าเป็นคลื่น ขอบใบเรียบเป็นสีเขียวเข้ม ดอก เป็นดอกสมบูรณ์เพศ ออกเป็นช่อกระจุกตามกิ่ง ออกดอกตลอดปี ดอกมีขนาดใหญ่ กลีบดอกหนามีหลายกลีบ กลีบนอกมีสีเขียวอ่อน กลีบในมีสีเหลืองนวลไปจนถึงสีส้ม กลิ่นหอมแรง สรรพคุณ โดยส่วนใหญ่แล้วจะใช้กลีบดอก โดยนำไปสไลด์หรือบดก่อนนำไปตากแห้ง และนำดอกแห้งมาใช้ต่อไป แก้ไข้ สรรพคุณยาสมุนไพรกะดังงากล่าวไว้ว่า ใช้เปลือกและดอกแห้งของกะดังงา นำมาต้มกับน้ำดื่มเพื่อแก้ไข้ บำรุงหัวใจ ตามตำรายาไทยได้กล่าวไว้ว่า สรรพคุณของกะดังงาสามารถใช้กลีบดอกแห้งฝนกับน้ำแล้วนำมาดื่มเพื่อบำรุงหัวใจ แก้ใจสั่น บำรุงโลหิต ใช้ดอกแห้งประมาณ 5-15 กรัม ต้มกับน้ำดื่มเพื่อบำรุงโลหิต สรรพคุณของดอกกะดังงายังช่วยบรรเทาอาการวิงเวียนศรีษะได้อีกด้วย การปลูกกระดังงา การเตรียมดิน : กระดังงาชอบดินร่วนซุย มีความเป็นกรดเล็กน้อย pH 5.5-6.5 แปลงปลูกควรเตรียมให้มีขนาดกว้าง x ลึก 50 […]
ผักเขียด ผักพื้นบ้านสรรพคุณหลากชนิด ผักเขียด หรือที่เรียกกันว่า ผักขาเขียด หรือผักอฮิน เป็นผักวัชพืชที่พบได้ตามหนองนาและพื้นที่ชุ่มน้ำทั่วไป แม้ว่าจะเป็นผักวัชพืชแต่ผักเขียดก็มีสรรพคุณทางยาที่โดดเด่นมากมาย ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ผักเขียดเป็นพืชในวงศ์ชบา มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Hibiscus sagittifolius L. ลักษณะของผักเขียดคือ เป็นไม้ล้มลุกอายุปีเดียว ลำต้นมีความสูงประมาณ 1-2 เมตร ลำต้นเป็นเหลี่ยมและมีขนปกคลุม ใบมีรูปร่างคล้ายหัวลูกศร ปลายใบแหลม ขอบใบหยักเว้าลึก มีขนขึ้นปกคลุมทั้งสองด้าน ดอกมีขนาดใหญ่ กลีบดอกมีสีเหลือง มีจุดประสีแดงที่โคนกลีบ ผลเป็นฝักรูปทรงกระบอก ภายในมีเมล็ดสีดำจำนวนมาก สรรพคุณทางยา ผักเขียดมีสรรพคุณทางยาที่หลากหลาย ดังนี้ แก้ไข้ ตัวร้อน ถอนพิษร้อน ขับระดู แก้โรคกระเพาะอาหาร บำรุงเลือด ลดน้ำตาลในเลือด บำรุงหัวใจ บำรุงสายตา วิธีใช้ การใช้ผักเขียดเพื่อรักษาโรคสามารถทำได้หลายวิธี เช่น ต้มน้ำดื่ม: นำส่วนใบหรือดอกผักเขียดมาต้มกับน้ำ แล้วดื่มน้ำที่ต้มได้ คั้นน้ำสด: นำส่วนใบ或ดอกผักเขียดมาคั้นน้ำสด แล้วดื่มน้ำที่ได้ ตำพอก: นำส่วนใบหรือรากผักเขียดมาตำให้ละเอียด แล้วพอกบริเวณที่ต้องการรักษา ข้อควรระวัง แม้ว่าผักเขียดจะมีสรรพคุณทางยาที่มากมาย […]
ผักแขยง/ผักกะออม ผักแขยงหรือผักกะออม เป็นผักพื้นบ้านของไทยที่มีประโยชน์และสรรพคุณทางยาโดดเด่น โดยมีลักษณะเป็นไม้ล้มลุก มีลำต้นตั้งตรง แตกกิ่งก้านเป็นพุ่ม มีใบเป็นใบประกอบแบบขนนกสองชั้น ปลายใบแหลมแผ่กว้าง มีดอกเป็นช่อกระจุกสีเหลืองอ่อน และมีฝักยาวรีเป็นเมล็ด ประโยชน์และสรรพคุณของผักแขยง ผักแขยงเป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ เช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินบี2 วิตามินบี6 โพแทสเซียม และแคลเซียม นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่มากมาย โดยมีประโยชน์และสรรพคุณดังนี้ ลดความดันโลหิตสูง: ผักแขยงมีฤทธิ์ขับปัสสาวะอ่อนๆ ช่วยขจัดโซเดียมส่วนเกินออกจากร่างกาย จึงช่วยลดความดันโลหิตได้ ลดระดับน้ำตาลในเลือด: สารสกัดจากผักแขยงมีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ที่ย่อยแป้งและน้ำตาล จึงช่วยลดการดูดซึมน้ำตาลเข้ากระแสเลือด เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน บำรุงสายตา: ผักแขยงอุดมไปด้วยวิตามินเอ ซึ่งจำเป็นสำหรับการมองเห็น ช่วยบำรุงสายตา ป้องกันอาการตาแห้ง และโรคจอประสาทตาเสื่อม ช่วยเรื่องระบบขับถ่าย: ผักแขยงมีกากใยสูง ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ บรรเทาอาการท้องผูก ต้านอนุมูลอิสระ: ผักแขยงมีสารต้านอนุมูลอิสระอย่างฟลาโวนอยด์และแคโรทีนอยด์ ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคมะเร็งและโรคหัวใจ