หญ้าเจ้าชู้ ประโยชน์ และสรรพคุณ หญ้าเจ้าชู้เป็นพืชที่พบได้ทั่วไปในประเทศไทย มักขึ้นอยู่ตามริมถนนหรือในป่าโปร่ง มีลักษณะลำต้นตรง สูงประมาณ 50-100 เซนติเมตร ใบยาวและเรียว ปลายใบแหลม ขอบใบหยักเล็กน้อย ดอกมีสีขาวหรือสีชมพูอ่อน ออกเป็นช่อที่ปลายยอด ประโยชน์ของหญ้าเจ้าชู้ ใช้ทำอาหาร: ใบอ่อนและยอดอ่อนของหญ้าเจ้าชู้สามารถนำมาปรุงอาหารได้ ทั้งแบบนำไปผัด ต้ม แกง หรือเป็นผักจิ้ม ใช้เป็นยาสมุนไพร: หญ้าเจ้าชู้มีสรรพคุณทางยา โดยในตำรายาไทยใช้ทั้งต้นสดและแห้งมาปรุงเป็นยา ใช้เป็นอาหารสัตว์: หญ้าเจ้าชู้สามารถนำมาเลี้ยงสัตว์ได้ เช่น วัว ควาย และแพะ สรรพคุณของหญ้าเจ้าชู้ แก้ไข้: หญ้าเจ้าชู้มีสรรพคุณช่วยแก้ไข้ โดยใช้ทั้งต้นหรือเฉพาะส่วนใบ สดหรือแห้ง ประมาณ 30-60 กรัม นำมาต้มกับน้ำดื่ม หรือจะใช้ใบสดหรือแห้ง ประมาณ 10-15 ใบ นำมาโขลกแล้วเติมน้ำเล็กน้อย คั้นเอาน้ำดื่มก็ได้ ขับปัสสาวะ: หญ้าเจ้าชู้มีสรรพคุณช่วยขับปัสสาวะ โดยใช้ทั้งต้นหรือเฉพาะส่วนใบ ประมาณ 30-60 กรัม นำมาต้มกับน้ำดื่มหรือนำใบมาโขลกคั้นเอาน้ำดื่มก็ได้ บำรุงธาตุ: หญ้าเจ้าชู้มีสรรพคุณช่วยบำรุงธาตุ โดยใช้ทั้งต้นหรือเฉพาะส่วนใบ […]
Tag Archives: พืชไร่
สนสองใบ (merkus Pine) ประโยชน์ และสรรพคุณ สนสองใบ เป็นต้นไม้ที่มีใบเข็มสีเขียวสดใสตลอดฤดู ใบมีลักษณะเรียวแหลมยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ที่มีอายุยืนยาว ไม่ผลัดใบ มีลำต้นตรงสูงใหญ่ได้ถึง 50 เมตร ประโยชน์สนสองใบ เนื้อไม้ของสนสองใบมีสีน้ำตาลอมแดง มีความแข็งแรงทนทาน เหมาะสำหรับการนำมาแปรรูปเป็นเฟอร์นิเจอร์ ไม้พื้น ไม้โครงสร้างอาคาร และอื่นๆ น้ำมันสนสองใบมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว สามารถนำมาใช้เป็นส่วนผสมในน้ำยาทำความสะอาดและยาฆ่าแมลง น้ำมันหอมระเหยจากใบสน น้ำมันดินจากแก่น ยางไม้ของสนสองใบสามารถนำมาใช้เป็นส่วนผสมในครีมและโลชั่นต่างๆ เปลือกสนสองใบ สามารถนำมาใช้เป็นส่วนผสมในอาหารเสริมที่ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ แก่นสนสองใบสามารถนำมาใช้เป็นส่วนผสมในยาแผนโบราณที่ช่วยรักษาอาการท้องเสีย ท้องร่วงได้ สรรพคุณสนสองใบ แกนของสนสองใบสามารถรักษาอาการเจ็บคอ ได้โดยให้ผู้ป่วยใช้เปลือกแกนของต้นสนสองใบ นำมาต้มเคี่ยวนานประมาณครึ่งชั่วโมง ก่อนจะแยกดื่มพร้อมกับน้ำผึ้ง เร่งการฟื้นฟูสมรรถภาพ ของร่างกายให้หายเจ็บป่วยได้เร็วขึ้น โดยให้ผสมน้ำมันสน 1 ช้อนโต๊ะ เข้ากับน้ำมันพืชอีก 2 ช้อนโต๊ะ นำทั้งสองมาผสมรวมกัน ใช้ทาบริเวณแผล ฝี หรือรอยฟกช้ำ ช่วยบำรุงหัวใจ และลดอาการเครียดต่าง โดยผสมใช้เปลือกแกนสนสองใบกับตังกุยเข้าด้วยกัน แล้วนำไปต้มในน้ำ จากนั้นแยกดื่มวันละ 1 ครั้ง
ผักขาเขียด : ผักวัชพืชที่ให้คุณประโยชน์ ผักขาเขียดหรือผักเขียด เป็นผักที่พบได้ทั่วไปตามหนองนา และเป็นผักพื้นบ้านที่ได้รับความนิยมมายาวนาน ผักขาเขียดมีรสชาติขมเล็กน้อย แต่มีสรรพคุณทางยาที่โดดเด่นมากมาย จนได้รับการกล่าวถึงในตำรายาโบราณของไทย สรรพคุณเด่นของผักเขียด แก้ไขปัญหาทางเดินอาหาร: ช่วยบรรเทาอาการท้องเสียและท้องผูก แก้ปัญหาเลือดออกในกระเพาะอาหารและลำไส้ ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี บำรุงโลหิต : มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยบำรุงโลหิต เสริมสร้างเม็ดเลือดแดง บำบัดเลือดจาง และโรคผิวหนังต่างๆ ช่วยให้ระบบการไหลเวียนโลหิตดีขึ้น : ด้วยคุณสมบัติต้านการอักเสบทระดับสูง ผักขาเขียดช่วยลดการอักเสบของหลอดเลือด เพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนของเลือดไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย ลดไข้ แก้ไอ : ผักขาเขียดช่วยลดไข้และแก้ไอ บรรเทาอาการหอบหืด และช่วยให้หลอดลมโล่ง ต้านมะเร็ง : สารต้านอนุมูลอิสระในผักขาเขียด ช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็ง และกระบวนการหลอนและแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง รักษาโรคเบาหวาน : ผักขาเขียดมีฤทธิ์ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง ซึ่งได้ผลดีสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน และช่วยป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ลดความดันโลหิตสูง : โดยฤทธิ์ของผักขาเขียดที่ช่วยลดระดับน้ำตาลในเส้นเลือด โดยการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ ACE
แอปเปิ้ล แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่คนนิยมรับประทาน โดยมีถิ่นกำเนิดในเอเชียกลางและยุโรปตะวันตกเฉียงใต้ มีปลูกแพร่หลายไปในเขตอบอุ่นตามพื้นที่ทั่วโลก แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่มีรสหวานกรอบหรือหวานมัน รับประทานได้ทั้งผลและใช้เป็นส่วนผสมในอาหารต่างๆ ได้มากมาย สรรพคุณของแอปเปิ้ล แอปเปิ้ลมีสารอาหารมากมาย โดยเฉพาะวิตามินซีและเส้นใยอาหารที่ช่วยในการย่อยอาหารและดูดซึมสารอาหาร แอปเปิ้ลยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอวัยและป้องกันโรคต่างๆ ได้อีกด้วย ช่วยลดน้ำหนักและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง ซึ่งไฟเบอร์เหล่านี้จะช่วยทำให้รู้สึกอิ่มได้นาน ช่วยลดความอยากอาหาร และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปกติได้อีกด้วย ช่วยบำรุงหัวใจ แอปเปิ้ลมีสารพีซีทีโอ (PCTO) ซึ่งสารชนิดนี้มีส่วนช่วยลดระดับไขมันเลว (LDL) และเพิ่มระดับไขมันดี (HDL) ในร่างกาย อีกทั้งยังช่วยลดความดันโลหิตและลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง แอปเปิ้ลมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้จะช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ อีกทั้งยังช่วยยับยั้งและต่อต้านการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งบางชนิดได้ด้วย ช่วยบำรุงกระดูก แอปเปิ้ลมีสารโบรอน ซึ่งสารโบรอนชนิดนี้มีบทบาทสำคัญในการสร้างและบำรุงรักษาความแข็งแรงของกระดูก อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะกระดูกพรุนในผู้สูงอายุได้อีกด้วย ช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง แอปเปิ้ลมีสารเคอเซทิน ซึ่งสารเคอเซทินนี้มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นการทำงานของสมอง ช่วยเพิ่มความจำ ช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ และช่วยป้องกันการเกิดโรคอัลไซเมอร์ในผู้สูงอายุได้ด้วย การปลูกแอปเปิ้ล เลือกสายพันธุ์แอปเปิ้ลที่เหมาะสมกับสภาพอากาศในพื้นที่ของคุณ เตรียมดินปลูกแอปเปิ้ลโดยไถพรวนดินให้ลึกแล้วใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ขุดหลุมปลูกแอปเปิ้ลให้ลึกและกว้างพอประมาณ นำกิ่งพันธุ์แอปเปิ้ลลงปลูกในหลุมปลูกแล้วกลบดินให้แน่น รดน้ำแอปเปิ้ลอย่างสม่ำเสมอ ใส่ปุ๋ยแอปเปิ้ลตามระยะเวลาที่เหมาะสม กำจัดวัชพืชและตัดแต่งกิ่งแอปเปิ้ลอย่างสม่ำเสมอ เก็บเกี่ยวแอปเปิ้ลเมื่อแอปเปิ้ลสุก
หมามุ่ย หมามุ่ย (ชื่อวิทยาศาสตร์: Cleome rutidosperma) เป็นวัชพืชใบเลี้ยงคู่ มีถิ่นกำเนิดที่เขตร้อนอเมริกา และได้แพร่กระจายไปในหลายๆ ประเทศ หมามุ่ยมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว และสามารถสูงได้ถึง 2 เมตร ใบของหมามุ่ยเป็นใบประกอบขนนก มีใบย่อยสีเขียวเข้ม ดอกของหมามุ่ยมีขนาดเล็ก สีเหลืองอ่อน หรือสีส้มอ่อน ผลของหมามุ่ยเป็นฝักยาวประมาณ 2-3 ซม. ภายในฝักมีเมล็ดสีน้ำตาลขนาดเล็ก สรรพคุณของหมามุ่ย หมามุ่ยมีสรรพคุณทางยาหลายประการ เช่น แก้ไข้ หมามุ่ยมีฤทธิ์ช่วยลดไข้ โดยใช้ใบหรือดอกของหมามุ่ยมาต้มน้ำดื่ม แก้อาการไอ หมามุ่ยมีฤทธิ์ช่วยบรรเทาอาการไอได้ โดยใช้ใบหรือดอกของหมามุ่ยมาต้มน้ำดื่ม รักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ หมามุ่ยมีฤทธิ์ช่วยรักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้ โดยใช้ใบหรือดอกของหมามุ่ยมาต้มน้ำดื่ม รักษาโรคเบาหวาน หมามุ่ยมีฤทธิ์ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ โดยใช้ใบหรือดอกของหมามุ่ยมาต้มน้ำดื่ม รักษาโรคความดันโลหิตสูง หมามุ่ยมีฤทธิ์ช่วยลดความดันโลหิต โดยใช้ใบหรือดอกของหมามุ่ยมาต้มน้ำดื่ม รักษาโรคไข้หวัดใหญ่ หมามุ่ยมีฤทธิ์ช่วยรักษาโรคไข้หวัดใหญ่ได้ โดยใช้ใบหรือดอกของหมามุ่ยมาต้มน้ำดื่ม รักษาโรคหอบหืด หมามุ่ยมีฤทธิ์ช่วยรักษาโรคหอบหืดได้ โดยใช้ใบหรือดอกของหมามุ่ยมาต้มน้ำดื่ม รักษาโรคผิวหนัง หมามุ่ยมีฤทธิ์ช่วยรักษาโรคผิวหนังได้ เช่น กลาก เกลื้อน หิด โดยใช้ใบหรือดอกของหมามุ่ยมาต้มน้ำแล้วนำไปอาบ หรือใช้ใบหรือดอกของหมามุ่ยมาพอกบริเวณที่เป็นโรค
โลดทะนงแดง : สมุนไพรเพื่อผิวขาว โลดทะนงแดง เป็นสมุนไพรพื้นบ้านที่นิยมนำมาใช้ในเรื่องการช่วยบำรุงผิวพรรณให้ขาวกระจ่างใส ลดรอยหมองคล้ำ และช่วยขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพให้หลุดออกไปได้อย่างอ่อนโยน ด้วยสรรพคุณที่โดดเด่นดังกล่าวจึงทำให้โลดทะนงแดงกลายเป็นสมุนไพรยอดนิยมที่นำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวได้หลากหลายชนิด สรรพคุณของโลดทะนงแดง ช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใส โลดทะนงแดงมีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้ผิวคล้ำเสีย สีผิวไม่สม่ำเสมอ อีกทั้งยังช่วยขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพให้หลุดออกไปได้อย่างอ่อนโยน พร้อมทั้งฟื้นฟูเซลล์ผิวใหม่ให้แข็งแรงและดูสุขภาพดีมากยิ่งขึ้น ลดรอยหมองคล้ำ ด้วยคุณสมบัติในการยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน จึงช่วยลดเลือนรอยหมองคล้ำ ฝ้า กระ จุดด่างดำ และรอยสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผิวหน้าแลดูเรียบเนียน กระจ่างใสขึ้น ขัดเซลล์ผิว โลดทะนงแดงมีส่วนประกอบของกรดธรรมชาติที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวได้อย่างอ่อนโยน โดยไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง ช่วยขจัดสิ่งสกปรกที่อุดตันตามรูขุมขน พร้อมทั้งเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพและหมองคล้ำให้หลุดออกไป ช่วยให้ผิวสะอาด เรียบเนียน สุขภาพดี ลดจุดด่างดำ รอยสิว โลดทะนงแดงมีคุณสมบัติในการลดการอักเสบ ทำให้รอยแดง รอยดำจากสิวค่อยๆ จางลงได้อย่างเป็นธรรมชาติ ช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวี โลดทะนงแดงมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดริ้วรอยก่อนวัย อีกทั้งยังช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิวอีกด้วย โลดทะนงแดงเป็นสมุนไพรพื้นบ้านที่อุดมไปด้วยคุณสมบัติในการช่วยบำรุงผิวพรรณและปกป้องผิวจากริ้วรอยก่อนวัย ด้วยคุณสมบัติอันโดดเด่นเหล่านี้จึงทำให้โลดทะนงแดงกลายเป็นสมุนไพรยอดนิยมที่นำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวได้หลากหลายชนิด
คุณค่าทางโภชนาการของถั่วขาว: ถั่วขาวเป็นพืชที่เต็มไปด้วยสารอาหารที่สำคัญต่างๆ มากมาย ถั่ว 3.8 ออนซ์ (100 กรัม) มีค่าทางโภชนาการของธัญพืชที่สำคัญต่างๆ ดังต่อไปนี้: แคลอรี่: 588 โปรตีน: 24.3 กรัม ไขมัน: 1.2 กรัม คาร์โบไฮเดรต: 106.6 กรัม ไฟเบอร์: 36.3 กรัม โพแทสเซียม: 1,208 มิลลิกรัม เหล็ก: 5.1 มิลลิกรัม แมกนีเซียม: 169 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส: 432 มิลลิกรัม วิตามินบี 6: 1.4 มิลลิกรัม โฟเลต: 530 ไมโครกรัม กรดแพนโทธีนิก: 2.3 มิลลิกรัม แมงกานีส: 1.1 มิลลิกรัม ทองแดง: 0.4 มิลลิกรัม สังกะสี: 2.1 มิลลิกรัม […]
ผักโขม ผักโขม (Spinach) เป็นพืชล้มลุกอายุสั้นที่สามารถปลูกได้ง่าย มีลำต้นตรง สูงประมาณ 20-30 ซม. ใบมีลักษณะกลมรีหรือไข่กลับ มีสีเขียวเข้ม มันวาว กินได้ทั้งสดและสุก โดยมักใช้ประกอบอาหารหลายประเภท เช่น ผัด ยำ แกงจืด ซุป หรือนำไปคั้นเป็นน้ำผักโขมดื่มก็ได้ ผักโขมเป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายหลายชนิด ทั้งวิตามินและแร่ธาตุ เช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินเค ธาตุเหล็ก แคลเซียม และโฟเลต เป็นต้น ผักโขมจึงได้รับการยกย่องว่าเป็นราชาแห่งผักใบเขียว และเป็นหนึ่งในผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงที่สุดชนิดหนึ่ง การปลูกผักโขม ผักโขมเป็นผักที่ปลูกง่าย สามารถปลูกได้ทั้งในดินและในน้ำ แต่การปลูกในดินจะให้ผลผลิตที่ดียกว่า ผักโขมเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุยที่มีความเป็นกรดเป็นด่างเล็กน้อย (pH ระหว่าง 6.0-7.0) ดินต้องมีความอุดมสมบูรณ์สูง มีอินทรียวัตถุมาก และมีการระบายน้ำที่ดี ผักโขมสามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี แต่ช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดในการปลูกคือช่วงฤดูหนาว เพราะอากาศเย็นจะช่วยให้ผักโขมเจริญเติบโตได้ดี วิธีการปลูกผักโขมมีดังนี้ เตรียมดินโดยการพรวนดินให้ร่วนซุย ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักลงไปเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับดิน จากนั้นรดน้ำให้ชุ่ม หว่านเมล็ดผักโขมลงไปในแปลงที่เตรียมไว้ โดยให้เมล็ดมีระยะห่างกันประมาณ 10-15 ซม. ก […]
ผักบุ้งทะเล ดอกสวย สรรพคุณแก้อักเสบ แก้พิษแมงกระพรุน ผักบุ้งทะเล เป็นพืชสมุนไพรที่พบได้ตามชายฝั่งทะเล มีลักษณะเป็นไม้เลื้อย ลำต้นกลม มีใบเป็นใบเดี่ยว ออกดอกเป็นช่อสีม่วงหรือชมพู ผักบุ้งทะเลมีสรรพคุณทางยาหลายประการ เช่น แก้อักเสบ แก้พิษแมงกระพรุน แก้พิษงู แก้ไข้ แก้ท้องร่วง แก้บิด ขับปัสสาวะ บำรุงโลหิต บำรุงหัวใจ บำรุงสายตา วิธีใช้ผักบุ้งทะเล แก้อักเสบ แก้พิษแมงกระพรุน แก้พิษงู นำใบผักบุ้งทะเลมาตำให้ละเอียด ผสมน้ำเล็กน้อย แล้วพอกบริเวณที่เป็นแผลอักเสบหรือโดนพิษ แก้ไข้ แก้ท้องร่วง แก้บิด นำใบผักบุ้งทะเลมาต้มกับน้ำ ดื่มครั้งละ 1 แก้ว วันละ 3 ครั้ง ขับปัสสาวะ นำใบผักบุ้งทะเลมาต้มกับน้ำ ดื่มครั้งละ 1 แก้ว วันละ 3 ครั้ง บำรุงโลหิต บำรุงหัวใจ บำรุงสายตา นำใบผักบุ้งทะเลมาต้มกับน้ำ ดื่มครั้งละ 1 แก้ว วันละ […]
เห็ดตับเต่าสองชนิดคือ เห็ดตับเต่าดำ (แบล็คโคลอร์) และเห็ดตับเต่าขาว (ไวท์โคลอร์) เห็ดตับเต่าจัดเป็นเห็ดที่มีราคาแพงที่สุดชนิดหนึ่ง โดยเห็ดตับเต่าดำจะมีราคาสูงกว่าเห็ดตับเต่าขาว เนื่องจากเห็ดตับเต่าดำจะมีรสชาติที่นุ่มกว่า มีการเพาะปลูกที่ยากกว่า และเจริญเติบโตได้น้อยกว่าเห็ดตับเต่าขาว โดยเห็ดตับเต่าเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมาก จึงถึงมีการเพาะปลูกเพื่อจำหน่ายเป็นจำนวนมาก เห็ดตับเต่าขาวเป็นสายพันธุ์เดียวกันกับเห็ดทรัฟเฟิล เห็ดตับเต่าเป็นเห็ดที่เจริญเติบโตในชั้นดินที่อุดมสมบูรณ์ และเติบโตได้ดีในประเทศไทย รวมถึงมีการจำหน่ายและส่งออกเป็นจำนวนมาก สรรพคุณของเห็ดตับเต่า เห็ดตับเต่าเป็นเห็ดที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ มากมาย เช่น ไฟเบอร์ วิตามินบี 6 แมกนีเซียม โพแทสเซียม ธาตุเหล็ก และฟอสฟอรัส โดยแต่ละสารอาหารล้วนมีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น ช่วยลดความดันโลหิต ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ช่วยต้านมะเร็ง เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย การเพาะเห็ดตับเต่า การเพาะเห็ดตับเต่าเป็นกระบวนการที่ต้องใช้ความชำนาญสูง และสามารถจำแนกกระบวนการเพาะเห็ดได้เป็น 4 ขั้นตอน ได้แก่ การเตรียมก้อนเห็ด: เตรียมโดยการผสมส่วนผสมต่างๆ เข้าด้วยกัน ได้แก่ ขี้เลื่อย 80 เปอร์เซ็นต์ รำข้าว 10 เปอร์เซ็นต์ และปุ๋ยหมัก 10 เปอร์เซ็นต์ […]