ว่านแห่งความโชคดี: ว่านมะหามงคล ว่านมะหามงคล เป็นพืชสกุลมงคลชนิดหนึ่งที่มีตำนานเรื่องเล่าสืบกันมาว่า เป็นไม้มงคลที่มีคุณวิเศษในด้านการเสริมดึงพลังโชคลาภให้หลั่งไหลมาเทมา และเสริมบารมีแก่ผู้อุปถัมภ์บูชา วิธีการเพาะเลี้ยง การเพาะจากเมล็ด: นำเมล็ดมาเพาะในถาดเพาะที่มีวัสดุเพาะโปร่งราก เช่น ขุยมะพร้าวหรือพีทมอส กลบเมล็ดลึกลงไปเล็กน้อย รดนำ้พอชุ่ม วางถาดเพาะในที่มีแสงแดดรำ่สายหรือแดดอ้อม รากับระวังไม่ให้วัสดุเพาะเปียกแฉะเกินไป เพราะจะทำให้เมล็ดและต้นกล้าตายได้ การเพาะจากต้น: ขุดแยกว่านมะหามงคลจากต้นแม่ในช่วงฤดูกาลเปลี่ยนแปรรอบหลังเก็บเกี่ยว ตัดรากให้ออกเป็นท้อง แล้วนำไปปักขยายพันธุ์ใส่ภาชนะที่มีดินร่วยโปร่ง ไว้ในที่ร่ม รดนำ้เพียงพอจนกระทั่งแตกกอ และแข็งแรงดี แล้วจึงนำไปเปลี่ยนปักในดิน แหล่งจำหน่าย ว่านมะหามงคลสามารถซื้อได้ตามร้านขายต้นไม้ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ทั่วไป โดยราคาจะแตกต่างกันไปตามขนาดและสายพันธุ์ โดยทั่วไปจะมีราคาตั้งย่ 100-1000 บาท
Tag Archives: พืชผัก
Usability Guidelines Usability refers to the ease of use and the overall experience of a product or service. By following usability guidelines, you can ensure that your product is easy to understand, navigate, and use, which can lead to increased user satisfaction and engagement. Here are some general usability guidelines to consider: Provide clear and […]
ผักหนาม ผักป่า ใบกรอบหวาน และสรรพคุณ ผักหนาม หรือผักหนามหน่อ เป็นผักป่าที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ มักพบในพื้นที่ที่มีความชื้นสูงหรือบริเวณริมน้ำ ลำธาร ลักษณะเด่นของผักชนิดนี้คือมีใบเป็นแฉกคล้ายพัด ก้านใบเป็นหนามแหลม ใบอ่อนมีรสชาติกรอบหวาน นอกจากรับประทานเป็นอาหารแล้ว ผักหนามยังมีสรรพคุณทางยาอีกด้วย สรรพคุณของผักหนาม ผักหนามมีสรรพคุณทางยาที่หลากหลาย ได้แก่ บำรุงสายตา ช่วยป้องกันโรคตาต่างๆ เช่น ต้อกระจก ต้อหิน บำรุงกระดูกและฟัน ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน ช่วยขับปัสสาวะ ลดอาการบวมน้ำ ช่วยลดน้ำหนัก ช่วยย่อยอาหาร ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ช่วยสมานแผล ลดอาการอักเสบและระคายเคือง ช่วยบำรุงหัวใจ ลดความดันโลหิต ช่วยรักษาโรคผิวหนัง เช่น กลาก เกลื้อน
ผักเขียด/ผักขาเขียด/ผักอฮิน ผักเขียด หรือที่รู้จักในชื่อผักขาเขียดหรือผักอฮิน เป็นพืชวัชพืชที่พบได้ทั่วไปตามหนองน้ำและพื้นที่ชื้นแฉะ ในอดีตผักเขียดถูกมองว่าเป็นวัชพืชที่ไร้ประโยชน์ แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นที่นิยมในด้านสรรพคุณทางยาและการนำไปประกอบอาหาร สรรพคุณทางยา ผักเขียดมีสรรพคุณทางยาที่หลากหลาย ได้แก่ ต้านการอักเสบ: มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ช่วยลดอาการปวด บวม และการอักเสบของข้อต่อและกล้ามเนื้อ ต้านแบคทีเรีย: มีสารต้านแบคทีเรียที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียก่อโรค ลดความดันโลหิต: ช่วยลดความดันโลหิตสูง บำรุงเลือด: มีสารอาหารที่ช่วยบำรุงเลือด เช่น เหล็ก และ วิตามินเอ ขับปัสสาวะ: ช่วยขับปัสสาวะ ขับสารพิษออกจากร่างกาย แก้ท้องเสีย: ช่วยบรรเทาอาการท้องเสีย การนำไปใช้ นอกจากสรรพคุณทางยาแล้ว ผักเขียดยังนำไปใช้ประกอบอาหารได้หลากหลาย เช่น ลวกหรือต้มเป็นผักเคียง นำไปผัดกับเนื้อสัตว์หรือไข่ ใช้เป็นเครื่องเคียงในเมนูส้มตำ นำไปต้มกับน้ำดื่มเป็นชาดื่ม ข้อควรระวัง แม้ว่าผักเขียดจะมีสรรพคุณทางยาหลายประการ แต่ก็ควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรควรงดบริโภคผักเขียด และผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือกำลังรับประทานยาบางชนิด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนบริโภค
บัวบกโขด/บัวบกโคก ไม้ป่าประดับยอดนิยม ใบทำวุ้น และสรรพคุณเด่น บัวบกโขดหรือบัวบกโคก จัดเป็นพืชล้มลุกที่มีอายุหลายฤดูที่มีถิ่นกําเนิดในทวีปแอฟริกา และได้แพร่ขยายไปยังเขตรร้อนของหลายภูมิภาคของโลก รวมถึงประเทศทวีปเอเชีย แถบทะเลแคริบเบียน และเกล็ดหนาแน่น กาบหุ้มโคนก้านทางเดินใต้พื้น ฝักสีเขียวรูปทรงรี เมื่อสุกจะมีสี บัวบกมีหลายชนิดแต่ชนิดที่มีการวิจัยทางด้านสรรพคุณทางยาคือ บัวบกโขด และบัวบกที่ใช้รับประทานเป็นผัก
ว่านน้ำ ว่านน้ำ เป็นพืชที่มีลักษณะเป็นใบเรียวเล็ก ออกดอกสีขาวหรือชมพูสวยงาม มีเหง้าขนาดใหญ่ เนื้อในสีขาว นิยมปลูกกันมากโดยเฉพาะตามริมน้ำหรือในสระน้ำ นอกจากนี้ ก็ยังมีบางคนที่นำเหง้าของว่านน้ำมาใช้ประโยชน์ในการทางยาอีกด้วย ประโยชน์ของว่านน้ำ ใช้เป็นยาห้ามเลือด เนื่องจากว่านน้ำมีสารเคมีบางอย่างที่สามารถช่วยห้ามเลือดได้ จึงนิยมนำเหง้ามาตำแล้วพอกบริเวณแผลเพื่อช่วยห้ามเลือดได้ ลดการอักเสบ ว่านน้ำมีสรรพคุณเป็นยาเย็น ช่วยลดการอักเสบของแผล ลดอาการบวมแดงได้ โดยสามารถนำเหง้าว่านน้ำมาบดแล้วพอกบริเวณที่อักเสบ บำรุงผิวพรรณ เหง้าของว่านน้ำสามารถนำมาบดแล้วนำมามาส์กหน้า ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง สดใสได้ แก้อาการท้องเสียและท้องร่วง ว่านน้ำมีสรรพคุณช่วยแก้อาการท้องเสียได้ โดยการนำเหง้ามาต้มดื่ม และก็ยังช่วยแก้อาการท้องร่วงได้อีกด้วย แก้โรคกระเพาะอาหาร ว่านน้ำช่วยแก้อาการปวดท้อง จุกเสียดจากโรคกระเพาะได้ โดยนำเหง้ามาต้มดื่ม
ข้าวเหนียวดำ / ข้าวก่ำ ข้าวเหนียวดำ หรือที่เรียกว่าข้าวก่ำ เป็นข้าวชนิดหนึ่งที่มีเปลือกสีดำอันเป็นเอกลักษณ์ และมีธาตุอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ข้าวเหนียวดำมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยชะลอวัย บำรุงสมอง และบำรุงร่างกายโดยรวม สรรพคุณของข้าวเหนียวดำ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ และโรคสมองเสื่อม บำรุงสมอง ข้าวเหนียวดำมีสารแอนโทไซยานิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ต่อสมอง ช่วยปกป้องเซลล์สมองและเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังสมอง บำรุงร่างกายโดยรวม ข้าวเหนียวดำยังอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารอื่นๆ ที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น วิตามินอี ธาตุเหล็ก และไฟเบอร์ การปลูกข้าวเหนียวดำ การปลูกข้าวเหนียวดำคล้ายคลึงกับการปลูกข้าวทั่วไป สามารถปลูกได้ทั้งในนาและบนที่ดอน ขั้นตอนการปลูกข้าวเหนียวดำ เตรียมแปลง ไถพรวนแปลงและปรับระดับให้เรียบ หว่านเมล็ด หว่านเมล็ดข้าวเหนียวดำให้ทั่วแปลง ในอัตรา 20-30 กิโลกรัมต่อไร่ ใส่น้ำ ใส่ให้ท่วมแปลงประมาณ 5 เซนติเมตร ดูแลแปลง คอยดูแลกำจัดวัชพืชและใส่ปุ๋ยตามความเหมาะสม เก็บเกี่ยว ข้าวเหนียวดำจะแก่เก็บเกี่ยวได้ในระยะ 120-130 วันหลังหว่าน
สนสองใบ (Merkus Pine) สนสองใบ หรือชื่อวิทยาศาสตร์ Pinus merkusii Jungh. & de Vriese เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ จัดอยู่ในวงศ์สน (Pinaceae) ลักษณะเด่น มีเปลือกต้นสีน้ำตาลแดงแตกเป็นสะเก็ดแบบไม่เป็นระเบียบ แต่ละก้อนมีร่องเล็กๆ เหมือนเกล็ดปลา ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงสลับเวียนรอบกิ่ง มีลักษณะแบนเป็นตุ่มสั้นๆ คล้ายเข็ม มี 2 ใบต่อชุด ผิวใบสากเป็นครีบ 2 ข้าง ดอกเป็นดอกแยกเพศ อยู่บนต้นเดียวกัน ดอกเพศผู้เป็นแท่งตรงยาวสีเหลืองอ่อนออกอยู่ปลายยอด ดอกเพศเมียรูปไข่กลับสีชมพู ออกอยู่ใกล้ปลายยอดเช่นกัน ผลเป็นแบบโคน มีเกล็ดสีน้ำตาลแข็ง มีเมล็ดอยู่ภายใน ประโยชน์และสรรพคุณของสนสองใบ สนสองใบเป็นไม้ที่มีประโยชน์และสรรพคุณที่หลากหลายทั้งทางด้านอุตสาหกรรมและการแพทย์ ประโยชน์ทางด้านอุตสาหกรรม เนื้อไม้ของสนสองใบมีน้ำหนักประมาณ 450-660 กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร มีความแข็งแรง ทนทาน เนื้อไม้ละเอียด ผิวเรียบ สีแดงเรื่อๆ จึงนิยมนำมาใช้ทำโครงสร้างบ้าน เฟอร์นิเจอร์ เครื่องดนตรี และของใช้ต่าง ๆ ยางสนสามารถนำมาใช้ทำน้ำมันสน วานิช และกาว […]
ต้นหมี่/หมี่เหม็น ต้นหมี่หรือที่นิยมเรียกว่าต้นหมี่เหม็น เป็นพืชพื้นเมืองของไทย พบได้ทั่วทุกภาค มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Clerodendrum inerme และชื่ออื่น ๆ ได้แก่ ดาวดึง, กระดูกไก่, ก้างปลา ต้นหมี่จัดเป็นไม้พุ่มหรือไม้ต้นขนาดเล็ก สูงได้ถึง 5 เมตร ลำต้นตั้งตรง แตกกิ่งก้านสาขามาก เปลือกต้นเรียบสีเทาอ่อน กิ่งอ่อนมีลักษณะเป็นเหลี่ยม มีปล้องชัดเจน ใบหมี่มีลักษณะเป็นใบเดี่ยว ออกตรงข้ามกัน รูปร่างรีแกมใบหอก ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ขอบใบหยักเว้าลึกหลายแฉก ใบมีสีเขียวเข้มเป็นมันวาว หากขยี้ใบจะมีกลิ่นเหม็นเฉพาะตัว ประโยชน์ของต้นหมี่ ใช้เป็นสมุนไพร: ราก: ช่วยแก้ไข้ ถอนพิษ แก้ปวดเมื่อย แก้ท้องเสีย ใบ: ช่วยแก้อาการเจ็บคอ แก้ช้ำบวม แก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย ปลูกเป็นไม้ประดับ: ด้วยรูปร่างและสีสันของใบที่สวยงาม ทำให้ต้นหมี่นิยมปลูกเป็นไม้ประดับในบ้านและสวน สรรพคุณของต้นหมี่ แก้ไข้: ใช้รากหมี่ 10-15 กรัม ต้มกับน้ำ 3-4 แก้ว ดื่มครั้งละ 1 แก้ว […]
เห็ดนางฟ้า เห็ดนางฟ้า เป็นเห็ดที่รับประทานได้ มีลักษณะดอกกลม แบน สีน้ำตาลอ่อน เนื้อนุ่ม ละมุน มีกลิ่นหอม นิยมนำมารับประทานเป็นผักเคียง จิ้มกับน้ำพริก หรือปรุงอาหารในเมนูต่างๆ เช่น ผัดเห็ดน้ำมันหอย แกงเลียง เห็ดนางฟ้ามีคุณค่าทางอาหารสูงอุดมไปด้วยโปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ การเพาะเห็ดนางฟ้า การเพาะเห็ดนางฟ้าเป็นอีกหนึ่งวิธีการเกษตรที่ได้รับความนิยม เนื่องจากสามารถทำได้ง่ายและมีต้นทุนต่ำ โดยมีขั้นตอนดังนี้ เตรียมวัสดุเพาะ วัสดุเพาะเห็ดนางฟ้ามีหลายประเภท เช่น ฟางข้าว ขี้เลื่อยไม้ยางพารา เศษไม้โอ๊ค ข้าวโพด หรือแกลบ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและความสะดวกของผู้เพาะ โดยวัสดุเพาะควรมีเนื้อหยาบ ไม่แน่นทึบ ซึมซับน้ำได้ดี และสามารถกระจายความชื้นได้อย่างทั่วถึง ต้มวัสดุเพาะ นำวัสดุเพาะที่เตรียมไว้แช่น้ำสะอาดทิ้งไว้ 1 คืน จากนั้นเทวัสดุเพาะลงในภาชนะสำหรับต้ม เช่น ถัง หรือหม้อขนาดใหญ่ เติมน้ำสะอาดลงไปให้ท่วมวัสดุเพาะแล้วต้มให้เดือดประมาณ 1-2 ชั่วโมง ขั้นตอนนี้จะช่วยฆ่าเชื้อโรคและก่อให้เกิดสารอาหารเหมาะสมกับการเจริญเติบโตของเส้นใยเห็ด ผสมเชื้อเห็ด เมื่อวัสดุเพาะเย็นลงแล้ว นำเชื้อเห็ดนางฟ้านำมาผสมวัสดุเพาะโดยใช้สัดส่วน เชื้อเห็ด 1 ส่วนต่อวัสดุเพาะ […]