ผักบุ้งทะเล ผักบุ้งทะเล (Sea purslane) เป็นพืชล้มลุกขนาดเล็กที่พบได้ตามแนวชายฝั่งทะเลทั่วโลก ใบของผักบุ้งทะเลมีลักษณะกลมมนและหนา สีเขียวสดใส ดอกของผักบุ้งทะเลมีสีชมพูหรือสีม่วงอ่อน และมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ผักบุ้งทะเลเป็นพืชที่มีสรรพคุณทางยาหลายประการ สรรพคุณทางยา แก้อักเสบ: ผักบุ้งทะเลมีสารต้านการอักเสบที่ช่วยลดอาการอักเสบได้ โดยเฉพาะอาการอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัส แก้พิษแมงกระพรุน: ผักบุ้งทะเลมีฤทธิ์ในการต้านพิษของแมงกระพรุน โดยช่วยลดอาการปวดแสบปวดร้อนและอาการบวมแดงที่เกิดจากพิษแมงกระพรุน รักษาโรคผิวหนัง: ผักบุ้งทะเลมีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคผิวหนังต่างๆ เช่น กลาก เกลื้อน และโรคเริม ลดระดับน้ำตาลในเลือด: ผักบุ้งทะเลมีสารที่ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด จึงเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ลดความดันโลหิต: ผักบุ้งทะเลมีสารที่ช่วยลดความดันโลหิตสูงได้ บำรุงสายตา: ผักบุ้งทะเลมีวิตามินเอและเบต้าแคโรทีนสูง ซึ่งมีส่วนช่วยในการบำรุงสายตาและป้องกันโรคเกี่ยวกับดวงตาต่างๆ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน: ผักบุ้งทะเลมีวิตามินซีสูง ซึ่งช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายและช่วยป้องกันหวัดและไข้หวัดใหญ่ ข้อควรระวัง: ผักบุ้งทะเลอาจมีฤทธิ์ขับปัสสาวะอ่อนๆ จึงไม่ควรรับประทานในปริมาณมากเกินไป
Tag Archives: พืชผัก
ผักโขม ผักโขมเป็นผักใบเขียวที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ มากมาย เช่น วิตามินเค วิตามินเอ วิตามินซี โฟเลต แมกนีเซียม และเหล็ก ผักโขมมีสรรพคุณทางยาหลายประการ เช่น ช่วยบำรุงสายตา บำรุงเลือด ลดความดันโลหิตสูง ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง และช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย การปลูกผักโขม การเตรียมดิน ผักโขมเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุย ระบายน้ำได้ดี มีความเป็นกรดเล็กน้อย (pH 6.0-7.0) ก่อนปลูกควรไถพรวนดินลึกประมาณ 20-30 เซนติเมตร ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตรา 1-2 ตันต่อไร่ แล้วตากดินทิ้งไว้ประมาณ 1 สัปดาห์ การปลูก สามารถปลูกผักโขมได้ทั้งแบบหว่านและแบบย้ายกล้า หากปลูกแบบหว่าน ให้หว่านเมล็ดผักโขมลงในแปลงที่เตรียมไว้ แล้วกลบด้วยดินบางๆ รดน้ำให้ชุ่ม หากปลูกแบบย้ายกล้า ให้เพาะเมล็ดในถาดเพาะกล้าหรือกระถางเพาะกล้า รดน้ำให้ชุ่ม เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-4 ใบ ก็สามารถย้ายกล้าลงแปลงปลูกได้ การดูแลรักษา หลังย้ายกล้าลงแปลงปลูกแล้ว ควรรดน้ำให้ชุ่มทุกวัน ในช่วงแรกอาจต้องรดน้ำ 2 ครั้งต่อวัน เมื่อต้นกล้าตั้งตัวได้แล้วก็สามารถลดความถี่ในการรดน้ำลงเหลือวันละ 1 […]
กระดุมทองเลื้อย และเบญจมาศเครือ กระดุมทองเลื้อย มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Thalia geniculata เป็นไม้ล้มลุก อายุหลายฤดู ความสูงของลำต้นประมาณ 1-3 เมตร ลำต้นแตกกอใหญ่เป็นพุ่มใบรูปไข่กว้าง ปลายใบแหลม ขอบใบจักเป็นคลื่นละเอียด มีรากเหง้าอยู่ใต้ดิน ใบสีเขียวสด กว้างประมาณ 2-4 เซนติเมตร ยาวประมาณ 4-6 เซนติเมตร ขึ้นสลับใบอัดกันที่โคน ปลายใบแหลม ดอกออกเป็นช่อแบบกระบองสีม่วง ม่วงอมขาว ม่วงเข้ม ดอกย่อยจำนวนมากเรียงซ้อนอัดกันเป็นช่อหนาทึบ ในช่อดอกมีดอกย่อย 3-5 ดอก ออกที่ซอกใบแต่ละใบมีดอกย่อยประมาณ 10-15 ดอก แต่ละดอกมีกลีบดอก 3 กลีบ ดอกมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ออกดอกตลอดทั้งปี มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาใต้ กระจายพันธุ์ทั่วไปในแถบอเมริกากลางและหมู่เกาะเวสต์อินดีส นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ เบญจมาศเครือ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cosmos bipinnatus เป็นไม้ล้มลุก อายุประมาณ 1 ปี ลำต้นสูงประมาณ 50-150 เซนติเมตร ลำต้นตรงตั้ง แตกกิ่งก้านมาก […]
ละหุ่ง (castor) สรรพคุณ และการปลูกละหุ่ง ละหุ่งเป็นพืชที่มีความสำคัญทางการเกษตร โดยมีการปลูกกันอย่างแพร่หลายในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในภูมิภาคที่มีอากาศอบอุ่น โดยละหุ่งมีคุณสมบัติโดดเด่นในด้านคุณค่าทางโภชนาการและสรรพคุณทางยา นอกจากนี้ยังเป็นพืชที่ปลูกง่าย นิยมนำมาสกัดน้ำมันละหุ่ง สรรพคุณของละหุ่ง บรรเทาอาการท้องผูก: น้ำมันละหุ่งมีฤทธิ์ในการระบายอ่อนๆ จึงสามารถช่วยบรรเทาอาการท้องผูกได้ โดยน้ำมันละหุ่งจะไปช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ทำให้เกิดการขับถ่ายได้ง่ายขึ้น ลดอาการอักเสบ: น้ำมันละหุ่งมีฤทธิ์ในการลดการอักเสบ โดยสามารถช่วยลดอาการปวด บวม และการระคายเคือง รักษาโรคผิวหนัง: น้ำมันละหุ่งสามารถช่วยรักษาโรคผิวหนังต่างๆ เช่น กลาก เกลื้อน และโรคสะเก็ดเงิน โดยน้ำมันละหุ่งจะไปช่วยฆ่าเชื้อราและแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคผิวหนัง ส่งเสริมการเจริญเติบโตของผม: น้ำมันละหุ่งมีกรดไขมันจำเป็นที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของผม โดยน้ำมันละหุ่งจะไปช่วยบำรุงเส้นผม ทำให้ผมดกดำเงางาม รักษาแผล: น้ำมันละหุ่งสามารถช่วยรักษาแผลได้ โดยน้ำมันละหุ่งจะไปช่วยกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ และช่วยลดการติดเชื้อ การปลูกละหุ่ง ละหุ่งเป็นพืชที่ปลูกง่าย สามารถปลูกได้ในหลายพื้นที่ โดยสามารถทำได้ตามขั้นตอนดังนี้ การเตรียมดิน: ดินที่เหมาะสำหรับการปลูกละหุ่งคือดินร่วนปนทรายที่มีความอุดมสมบูรณ์ โดยก่อนปลูกควรไถพรวนดินให้ละเอียด และใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน การปลูก: โดยทั่วไปการปลูกละหุ่งจะทำโดยการหว่านเมล็ดโดยตรงลงในแปลงปลูก โดยควรหว่านเมล็ดให้ห่างกันประมาณ 20-30 เซนติเมตร จากนั้นกลบเมล็ดด้วยดินบางๆ การดูแลรักษา: ละหุ่งเป็นพืชที่ต้องการน้ำในปริมาณมาก โดยควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงที่ต้นละหุ่งยังเล็กอยู่ นอกจากนี้ควรใส่ปุ๋ยเพิ่มเติมทุกๆ […]
มะหวด คืออะไร มะหวดเป็นผลไม้ในตระกูลปาล์ม พบได้ในภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผลของมันมีลักษณะเป็นรูปกลมหรือรูปไข่ สีเหลืองออกส้ม มีผิวมัน เปลือกหนา เนื้อหวานกรอบ และมีเมล็ดขนาดใหญ่ตรงกลาง ผลของมันสามารถรับประทานเป็นผลไม้สด ได้รับความนิยมในไทยและประเทศเพื่อนบ้าน สรรพคุณของมะหวด มะหวดมีสรรพคุณเป็นยาสมุนไพร ช่วยบำรุงร่างกาย ช่วยลดไข้ ขับปัสสาวะ บำรุงหัวใจ บำรุงเลือด ขับพยาธิ และช่วยรักษาโรคต่างๆ เช่น โรคไอ โรคหอบหืด โรคท้องร่วง โรคบิด และโรคผิวหนัง การปลูกมะหวด มะหวดสามารถปลูกได้ในหลายสภาพดิน แต่ดินที่เหมาะสำหรับการปลูกมะหวดมากที่สุดคือดินร่วนปนทรายที่มีความเป็นกรดเป็นด่างปานกลาง มะหวดเป็นพืชที่ต้องการน้ำค่อนข้างมาก ดังนั้นจึงต้องรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ และควรให้ปุ๋ยบำรุงต้นเป็นประจำเพื่อให้ต้นมะหวดเจริญเติบโตได้ดี การเก็บเกี่ยว มะหวดสามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่อผลสุกเต็มที่ โดยสังเกตจากสีของผลที่เป็นสีเหลืองอมส้ม และมีกลิ่นหอม หากเก็บเกี่ยวเร็วเกินไปผลจะไม่หวานและกรอบ หากเก็บเกี่ยวช้าเกินไปผลจะสุกงอมเกินไปและมีรสชาติที่ไม่ดี การใช้ประโยชน์จากมะหวด ผลมะหวดสามารถรับประทานเป็นผลไม้สดได้ โดยสามารถปอกเปลือกและหั่นเป็นชิ้นๆ กินกับน้ำแข็งหรือนมข้นหวาน นอกจากนี้ยังสามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น น้ำมะหวด แยมมะหวด และลูกอมมะหวด ข้อควรระวัง ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวานควรงดรับประทานผลมะหวด เพราะผลมะหวดมีรสหวานมาก อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงได้
ผำ/ไข่ผำ แต่เดิมนั้นชาวไทยใช้น้ำสกัดจากไข่ปลาเพื่อสร้างไฟฟ้าแสงสว่าง การ ใช้ ไข่ปลาบดแบ่งเป็น 2 ส่วน เพื่อใช้ทำน้ำ้าสกัดจากไข่ปลา เอาไข่ที่แบ่งไส้กลางทิ้ง เชื่อกันว่าเอาส่วน ทวารหนักของปลาทิ้ง จึงเป็นอาหารที่ไม่มี ทวารหนัก หมายถึงทานเท่าไรก็ไม่ถ่าย เอาไข่ผ่าซีก แล้วแยกเอาฟองส้มๆ ออกตาก พักไว้ เอาไข่ผ่าซีกอีกรอบ จนเห็นน้ำเป็นสีเหลือง ครึ่งหนึ่งอ่อนกว่าสีส้ม ขั้นตอนนี้สามารถใช้ผ้าขาวบางรัดไข่ไว้ และบีบน้ำออกมาก เอาไปใช้เป็นน้ำสกัดไข่ ให้แสงสว่าง แบ่งส้มๆ เป็นก้อนๆ โขลกพอ แตก ชิมดูจะเค็มลง เอาไข่ผ่าซีกสีเหลืองไปตำ สามารถผัด กินกับข้าวสวยได้ หรือ นำไปตากแดดแล้วค่อยผัด สามารถทำเป็นของแข็ง จากไข่ผำ โดยนำไปเข้าแบบบิ๊กบิก ตามรูปทรงที่ต้องการ สรรพคุณไข่ปลาบด เป็นยาระงับประสาท ผ่อนคลายความล้า บำรุงกำลัง ช่วยให้หายอ่อนเพลีย รักษาภาวะเบื่ออาหาร เรียกน้ำย่อย ช่วยให้ง่วงนอน นอนหลับง่ายขึ้น มีคุณภาพ ช่วยบำรุงครรภ์และบำรุงน้ำนมมารดา รักษาอาการตับติดเชื้อ
ชมพู่มะเหมี่ยว/มะเหมี่ยว สรรพคุณ และวิธีปลูกชมพู่มะเหมี่ยว สรรพคุณของชมพู่มะเหมี่ยว ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ชมพู่มะเหมี่ยวมีฤทธิ์ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด จึงช่วยรักษาโรคเบาหวานได้ โดยในเปลือกของชมพู่มะเหมี่ยวมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของอินซูลิน จึงช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง สารสกัดจากเปลือกของชมพู่มะเหมี่ยวมีฤทธิ์ช่วยลดความดันโลหิต จึงช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูงได้ ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด สารสกัดจากเปลือกของชมพู่มะเหมี่ยวมีฤทธิ์ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด จึงช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง สารสกัดจากเปลือกของชมพู่มะเหมี่ยวมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ โดยในเปลือกของชมพู่มะเหมี่ยวมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันเซลล์จากความเสียหาย จึงช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง ช่วยบำรุงผิวพรรณ สารสกัดจากเปลือกของชมพู่มะเหมี่ยวมีฤทธิ์ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส โดยในเปลือกของชมพู่มะเหมี่ยวมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันเซลล์ผิวจากความเสียหาย จึงช่วยลดริ้วรอยและจุดด่างดำบนผิวหนัง วิธีปลูกชมพู่มะเหมี่ยว การเลือกพื้นที่ปลูก ควรเลือกพื้นที่ปลูกที่มีสภาพอากาศอบอุ่นถึงร้อน มีความชื้นสูง และมีแสงแดดส่องเพียงพอ การเตรียมดิน ควรเตรียมดินให้มีสภาพร่วนซุย มีความเป็นกรดด่างเป็นกลาง และมีการระบายน้ำที่ดี การปลูก ควรปลูกชมพู่มะเหมี่ยวในช่วงฤดูฝน โดยขุดหลุมปลูกที่มีขนาดกว้างและลึกประมาณ 50 เซนติเมตร ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักลงไปในหลุมปลูก จากนั้นนำต้นชมพู่มะเหมี่ยวลงปลูกแล้วกลบดินให้แน่น รดน้ำให้ชุ่ม การดูแลรักษา ควรรดน้ำให้ชมพู่มะเหมี่ยวอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน ควรให้น้ำวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น และควรใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักให้กับชมพู่มะเหมี่ยวทุกๆ 3-4 เดือน การเก็บเกี่ยวผลชมพู่มะเหมี่ยว สามารถเก็บเกี่ยวผลชมพู่มะเหมี่ยวได้เมื่อผลมีสีแดงอมม่วง และมีกลิ่นหอม โดยผลชมพู่มะเหมี่ยวจะเริ่มแก่ในช่วงเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม
ใบต่างเหรียญ (agracejo Rastrero) ประโยชน์ และวิธีปลูก ใบต่างเหรียญ หรือที่รู้จักกันในชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Agraz หรือ Gracilis เป็นพืชล้มลุกในตระกูล Solanaceae ซึ่งเป็นตระกูลพืชเดียวกับมะเขือเทศ มะเขือม่วง และพริก เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ ใบต่างเหรียญเป็นพืชที่เจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและสามารถขึ้นได้ในสภาพดินและสภาพอากาศที่หลากหลาย ทำให้เป็นพืชที่เหมาะสำหรับการปลูกในบ้านหรือในสวน ใบต่างเหรียญมีใบสีเขียวเข้มเป็นมัน มีลักษณะขอบหยัก มีดอกสีขาวขนาดเล็ก และมีผลสีม่วงเข้มขนาดเล็ก ผลของใบต่างเหรียญสามารถรับประทานได้ทั้งดิบและสุก โดยผลดิบจะมีรสชาติเปรี้ยวจัด ในขณะที่ผลสุกจะมีรสชาติหวานอมเปรี้ยว ใบต่างเหรียญเป็นพืชที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย โดยมีงานวิจัยหลายชิ้นที่พบว่าใบต่างเหรียญมีสรรพคุณทางยาในการช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดความดันโลหิต และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้ นอกจากนี้ ใบต่างเหรียญยังมีสรรพคุณในการช่วยต้านการอักเสบ ต้านทานอนุมูลอิสระ และช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายได้อีกด้วย ใบต่างเหรียญสามารถปลูกได้ง่ายทั้งในกระถางและในแปลงปลูก โดยควรปลูกในดินร่วนซุยที่มีการระบายน้ำที่ดี ในพื้นที่ที่มีแสงแดดส่องถึงอย่างเต็มที่ เมื่อปลูกแล้วควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอและใส่ปุ๋ยเป็นประจำ โดยควรใส่ปุ๋ยที่มีไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียมในอัตราที่เหมาะสม ใบต่างเหรียญจะเริ่มออกดอกและติดผลเมื่อมีอายุประมาณ 3-4 เดือน หลังจากนั้นก็สามารถเก็บเกี่ยวผลได้เรื่อยๆ เมื่อผลมีสีม่วงเข้มเต็มที่ ใบต่างเหรียญมีประโยชน์มากมาย ทั้งในด้านอาหารและยา โดยสามารถใช้ประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู เช่น แกงส้ม แกงเลียง ต้มยำ และยังสามารถใช้ทำน้ำพริก น้ำสมุนไพร และชาได้อีกด้วย […]
แสมดำ แสมดำ (Avicennia officinalis) เป็นไม้ป่าชายเลนที่มีความสำคัญทางนิเวศและเศรษฐกิจในหลายภูมิภาคของโลก โดยเฉพาะในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน แสมดำมีประโยชน์และสรรพคุณที่หลากหลาย โดยเฉพาะในด้านการแพทย์และการดูแลสุขภาพ ประโยชน์ของแสมดำ ใช้เป็นยาสมุนไพร: แสมดำมีสรรพคุณทางยาหลายประการ เช่น ช่วยรักษาโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคมะเร็ง และโรคติดเชื้อต่าง ๆ ใช้ในการทำยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร: สารสกัดจากแสมดำถูกนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อรักษาและป้องกันโรคต่างๆ ใช้ในการทำเครื่องสำอาง: สารสกัดจากแสมดำยังถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเพื่อบำรุงผิว และปกป้องผิวจากริ้วรอยเหี่ยวย่นและการอักเสบ ใช้เป็นไม้ประดับ: แสมดำเป็นไม้ที่มีรูปร่างและใบที่สวยงาม จึงนิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับในสวนสาธารณะและริมถนน สรรพคุณแสมดำ ช่วยรักษาโรคเบาหวาน: สารสกัดจากแสมดำมีฤทธิ์ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดและเพิ่มความไวต่ออินซูลิน ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง: สารสกัดจากแสมดำมีฤทธิ์ช่วยลดความดันโลหิต systolic (ความดันตอนหัวใจบีบตัว) และ diastolic (ความดันตอนหัวใจคลายตัว) ช่วยรักษาโรคหัวใจ: สารสกัดจากแสมดำมีฤทธิ์ต้านการเกิดออกซิเดชันของไขมันเลว (LDL) ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคหัวใจ ช่วยรักษาโรคมะเร็ง: สารสกัดจากแสมดำมีฤทธิ์ต้านมะเร็ง โดยสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งและก่อให้เกิดการตายของเซลล์มะเร็งได้ ช่วยรักษาโรคติดเชื้อ: สารสกัดจากแสมดำมีฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย เชื้อรา และไวรัส จึงสามารถนำมาใช้รักษาโรคติดเชื้อต่าง ๆ ได้
ผักคะน้า และการปลูกคะน้า ผักคะน้า ผักคะน้าเป็นผักที่มีอายุปีเดียว เป็นพืชล้มลุก ลำต้นสูง 1-2 เมตร ลำต้นตรงหรือกึ่งเลื้อย ใบประกอบแบบขนนก ขอบใบจักฟันซี่กลม ใบอ่อนมีสีเขียวอ่อน ใบแก่มีสีเขียวเข้ม ดอกช่อแบบกระจุก ออกที่ยอดสุดหรือซอกใบ ดอกย่อยสีขาว or สีเหลือง ผลเป็นฝักยาว ปลายฝักแหลม มี 2-3 เมล็ด เป็นพืชกินใบ แต่สามารถกินยอด ก้านใบ และดอกได้ด้วย การปลูกคะน้า การเตรียมดิน ผักคะน้าเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนปนทรายหรือดินร่วนที่ระบายน้ำได้ดี มีความเป็นกรด-ด่าง (pH) ระหว่าง 6.0-6.8 ควรไถดินลึก 20-30 เซนติเมตร ตากดินไว้ 7-10 วัน แล้วใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตรา 2-3 ตันต่อไร่ การเพาะเมล็ด เมล็ดผักคะน้าสามารถหยอดหรือหว่านได้ โดยหว่านในแปลงหรือเพาะในถาดเพาะ เมล็ดงอกในเวลา 3-5 วัน หลังจากนั้น เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-3 คู่ ให้ถอนแยกไปปลูกในแปลงปลูก การปลูก […]