Tag Archives: พืชผัก

ถั่วหรั่ง (bambara Groundnut) สรรพคุณ และการปลูกถั่วหรั่ง

ถั่วหรั่ง (Bambara Groundnut) ถั่วหรั่งเป็นพืชตระกูลถั่วที่มีถิ่นกำเนิดในแอฟริกา ได้รับความนิยมในหลายภูมิภาคทั่วโลก ถั่วหรั่งมีคุณค่าทางโภชนาการสูงและเป็นแหล่งโปรตีนและไฟเบอร์ที่ดี สรรพคุณทางยา บำรุงหัวใจและหลอดเลือด ลดระดับคอเลสเตอรอล ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด บรรเทาอาการท้องผูก ป้องกันโรคมะเร็งบางชนิด มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย การปลูกถั่วหรั่ง สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตคือ 25-35 องศาเซลเซียส ดินร่วนปนทรายหรือดินร่วนที่มีการระบายน้ำที่ดี ค่า pH ของดินอยู่ที่ 5.5-6.5 การปลูก เตรียมดินโดยไถพรวนและใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก หว่านเมล็ดในหลุมลึกประมาณ 5 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างหลุมประมาณ 30-45 เซนติเมตร รดน้ำให้ชุ่มหลังจากหว่านเมล็ด ถั่วหรั่งจะงอกภายใน 5-10 วัน การดูแล รดน้ำสม่ำเสมอโดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน ใส่ปุ๋ยเสริมในช่วงระยะการเจริญเติบโต กำจัดวัชพืชเพื่อป้องกันการแย่งอาหาร ป้องกันโรคและแมลงโดยใช้สารกำจัดศัตรูพืชตามคำแนะนำ การเก็บเกี่ยว ถั่วหรั่งจะแก่และพร้อมเก็บเกี่ยวในช่วง 4-5 เดือนหลังจากปลูก เก็บเกี่ยวเมื่อฝักมีสีน้ำตาลและแห้ง ผึ่งถั่วหรั่งในที่ร่มให้แห้งสนิทก่อนเก็บรักษา

เงาะ(rambutan) เงาะโรงเรียน และการปลูกเงาะ

เงาะ (Rambutan) เงาะ เป็นผลไม้เมืองร้อนที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีลักษณะเป็นผลกลมรี เปลือกนอกปกคลุมด้วยหนามอ่อน เนื้อในนุ่มชุ่มฉ่ำ มีรสหวานเล็กน้อยอมเปรี้ยว คุณค่าทางโภชนาการของเงาะ เงาะอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ได้แก่ วิตามินซี: ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและต่อต้านอนุมูลอิสระ โพแทสเซียม: ช่วยควบคุมความดันโลหิตและรักษาสมดุลของน้ำในร่างกาย ทองแดง: ช่วยในการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงและเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็ก แมงกานีส: ช่วยในการเผาผลาญพลังงานและต้านทานอนุมูลอิสระ เงาะโรงเรียน เงาะโรงเรียนเป็นพันธุ์เงาะที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย มีลักษณะเฉพาะคือ เปลือกมีหนามสั้นและถี่ เนื้อในมีสีเหลืองทองอ่อน ใส มีรสชาติหวานอมเปรี้ยวกำลังดี แต่ละพวงมีจำนวนผลมาก และผลมีขนาดใหญ่กว่าพันธุ์อื่นๆ การปลูกเงาะ การปลูกเงาะมีขั้นตอนดังต่อไปนี้ การเตรียมดิน: ดินที่เหมาะสำหรับการปลูกเงาะต้องเป็นดินร่วนปนทราย มีความ pH 5.5-6.5 การเลือกพันธุ์: มีหลายพันธุ์ให้เลือกปลูก เช่น พันธุ์โรงเรียน พันธุ์สีชมพู พันธุ์แก้วเมืองแกลง เป็นต้น การปลูก: ปลูกโดยการขุดหลุมขนาด 50x50x50 เซนติเมตร ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักลงไป แล้ววางต้นกล้าเงาะลงไป กลบดินและรดน้ำให้ชุ่ม การดูแลรักษา: รดน้ำสม่ำเสมอ ใส่ปุ๋ยตามระยะการเจริญเติบโต และคอยกำจัดวัชพืช การเก็บเกี่ยว: […]

กลอย/ว่านกลอยจืด

กลอย/ว่านกลอยจืด ลักษณะทั่วไป กลอยหรือว่านกลอย หรือกลอยจืด (ชื่อวิทยาศาสตร์: Dioscorea esculenta (Lour.) Burk.) เป็นพืชล้มลุกมีอายุหลายปี โดยชาวบ้านใช้ว่านกลอยทั้งเหง้าและหัวในการรักษาโรคต่างๆ สรรพคุณ ช่วยเจริญอาหาร เป็นยาช่วยให้อยากอาหาร และช่วยย่อย ใช้หัวกลอยสดๆ ฝนกับน้ำข้าวคั้นดื่ม เป็นยาช่วยให้คลื่นไส้อาเจียนในสตรีมีครรภ์ หัวกลอยใช้ทำเป็นยาอายุวัฒนะ โบราณเชื่อว่า ถ้ากินหัวกลอยบ่อยๆ จะช่วยให้คงความเป็นหนุ่มสาวได้ หัวและรากนำมาต้มรวมกับสมุนไพรอื่นๆ รับประทานติดต่อกันเป็นประจำ จะช่วยแก้โรคเบื่ออาหาร อาการจุกเสียดแน่นท้อง และโรคเกี่ยวกับระบบประสาท ช่วยดับพิษร้อน ช่วยทำให้อุณหภูมิในร่างกายลดลง ทั้งเหง้าและหัวสามารถกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม ลดอาการผมร่วง และใช้หมักบำรุงรากผมเพื่อให้ผมแข็งแรงเงางาม ใช้ทำเป็นยาแก้อาการปวดเมื่อย ช่วยคลายเส้น คลายเส้นตึง และช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย หัวใต้ดินสับละเอียดใช้พอกฝี แก้ผื่นคัน ช่วยขับปัสสาวะ แก้โรคปัสสาวะเสมอ ปัสสาวะขัด หรือปัสสาวะออกไม่สุด ช่วยลดการบวม ทั้งอาการบวมที่แขนและขา

แสมดำ ประโยชน์ และสรรพคุณแสมดำ

แสมดำ แสมดำ (Premna integrifolin) ไม้ยืนต้นในวงศ์หางนก เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ลำต้นสูง 10-15 เมตร เปลือกค่อนข้างเรียบ สีน้ำตารนอ่อน กิ่งก้านค่อนข้างเปลา ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปไข่ค่อนข้างเรียบ รีปลายแหลม กว้าง 3-6 ซม. ยาว 7-12 ซม โคนใบสอบมน ปลายใบแหลม ขอบเรียบ หลังใบเขี้ยว ซิโปรตีบและหยักเป็นร่องตื้นเส้นใบจากโคนใบ 5เส้น 3 ใบเส้นกลาง ยาวจรดปลายใบ ก้านใบยาว1-2ซม. ดอกช่อแทงดานยอด ช่อดอกยาว18-32ซม. ก้านดอกย่อย ยาว 2-5 มม. กลีบหล่อซ้อนกันเป็นหลอดปลายบานแยกเป็น 5 แฉก สีขาวนวล แผ่กว้าง4-7มม. กลีบรองมี5แฉก กว้าง5-7ซม. รูปขอบขนาน ขอบเป็นลอน แผ่นรองกลมมี6เหลี่ยม เรียบเป็นมัน ผลแห้ง กลม คำธ์3-4มม. แบ่งเป็น4พุก เมื่อแห้งเป็นยอดตกเหลือเป็นสันเป็นเส้นผ่านผนังของพุก เปลือกแข็งยาวประมาณ1-2ซม.ครอบหุ้ […]

ว่านหางจระเข้ สรรพคุณ และการปลูกว่านหางจระเข้

ว่านหางจระเข้ ว่านหางจระเข้ (Aloe vera) เป็นพืชสมุนไพรที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในประโยชน์ทางยา โดยมีสรรพคุณที่หลากหลายตั้งแต่การรักษาแผลไฟไหม้จนถึงการบรรเทาอาการเจ็บปวด ขี้ผึ้งและเจลที่สกัดจากว่านหางจระเข้เป็นส่วนประกอบที่ได้รับความนิยมในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเส้นผมมากมาย สรรพคุณว่านหางจระเข้ ต้านการอักเสบ: ว่านหางจระเข้มีคุณสมบัติต้านการอักเสบที่ช่วยบรรเทาอาการระคายเคือง ผื่นแดง และอาการปวดที่เกิดจากภาวะต่างๆ เช่น แผลไหม้ แผล น้ำกัดไฟ และโรคผิวหนัง เช่น กลาก เกลื้อน สมานแผล: ว่านหางจระเข้ช่วยเร่งกระบวนการสมานแผลโดยกระตุ้นเซลล์ผิวหนังให้สร้างใหม่และลดการอักเสบ นอกจากนี้ยังสร้างชั้นฟิล์มป้องกันบนผิวเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ให้ความชุ่มชื่น: ว่านหางจระเข้มีมอยส์เจอไรเซอร์ alami ที่ช่วยให้ผิวหนังชุ่มชื้นและนุ่มนวล โดยไม่ทิ้งความรู้สึกเหนียวเหนอะหนะ จึงเหมาะสำหรับทุกสภาพผิว ต้านอนุมูลอิสระ: ว่านหางจระเข้มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากความเสียหายของอนุมูลอิสระ อันเป็นสาเหตุหลักของริ้วรอยและปัญหาผิวหนังก่อนวัย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน: ว่านหางจระเข้ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยรักษาความยืดหยุ่นและความแน่นของผิว ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และเปล่งปลั่งมากขึ้น การปลูกว่านหางจระเข้ สภาพแวดล้อมการเจริญเติบโต: ว่านหางจระเข้ชอบดินร่วนซุย ระบายน้ำได้ดี และมีแสงแดดจัดหรือร่มเงาบางส่วน ต้องการความอบอุ่นและมี pH ระหว่าง 6.0-7.5 การเตรียมดิน: ขุดดินให้ลึกประมาณ 30 ซม. ผสมด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยอินทรีย์ และตรวจสอบให้แน่ใจว่าดินมีการระบายน้ำได้ดี การปลูก: ปลูกหน่อหรือต้นกล้าอย่างน้อย six ซม. […]

กันเกรา/ดอกกันเกรา และสรรพคุณกันเกรา

กันเกรา/ดอกกันเกรา ดอกกันเกรา เป็นพืชล้มลุกพื้นเมืองของแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ โดยมีลักษณะใบเป็นใบเดี่ยว มีลักษณะของดอกคล้ายดอกสาลี่ มีสีขาวนวล กลิ่นหอมอ่อนๆ สรรพคุณกันเกรา แก้อักเสบ น้ำจากดอกกันเกรามีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ช่วยลดอาการอักเสบได้ ลดอาการปวด น้ำจากดอกกันเกรามีฤทธิ์ระงับปวดได้ จึงนิยมใช้เพื่อแก้อาการปวดต่างๆ เช่น ปวดหัว ปวดฟัน ปวดท้อง แก้ท้องเสีย น้ำจากดอกกันเกรามีฤทธิ์ต้านแบคทีเรียและจุลินทรีย์ ช่วยแก้อาการท้องเสียได้ บำรุงเลือด ดอกกันเกรามีธาตุเหล็กสูง ซึ่งช่วยบำรุงเลือดและแก้อาการซีดได้ แก้อาการนอนไม่หลับ กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกกันเกรามีฤทธิ์ช่วยผ่อนคลายและทำให้หลับสบายขึ้น บำรุงผิวพรรณ น้ำจากดอกกันเกรามีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสุขภาพดี

ชมพู่มะเหมี่ยว/มะเหมี่ยว สรรพคุณ และวิธีปลูกชมพู่มะเหมี่ยว

ชมพู่มะเหมี่ยว มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Syzygium oleosum Wall. ex Kurz ชื่ออื่นๆ ได้แก่ มะเหมี่ยว มะปรังพร้า เหมี่ยวดำ รากเป็นเชื้อรา มะเหมี่ยวลิง สรรพคุณ ผล ผลอ่อนรสเปรี้ยวฝาด เมื่อสุกแล้วมีรสหวานอมเปรี้ยว แก้กระหายน้ำ ขับเสมหะ แก้ไอ แก้บิด ลำไส้อักเสบ ปวดท้อง ถ่ายเป็นมูกเลือด เมล็ด แก้ธาตุพิการ แก้บิด ขับเสมหะ แก้ไอ ใบ ช่วยเจริญอาหาร แก้ไข้ บำรุงครรภ์ ขับน้ำนม เปลือกต้น แก้ไข้ แก้อาการปวดท้อง ถ่ายเป็นเลือด โรคบิด ราก ช่วยเจริญอาหาร บำรุงครรภ์ แก้ไอ แก้เลือดกำเดาไหล แก้ปวดท้อง ลำไส้อักเสบ วิธีปลูกชมพู่มะเหมี่ยว สามารถขยายพันธุ์ได้โดยเมล็ด ปักชำกิ่งตอนกิ่ง หรือติดตา เจริญเติบโตได้ดีในดินที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง แต่ควร ร่วนซุยระบายน้ำดี เพราะไม่ชอบน้ำขัง […]

พะยอม (white Meranti) ประโยชน์ และสรรพคุณพะยอม

พะยอม (White Meranti) พะยอม เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ มีความสูงได้ถึง 30 เมตร ลำต้นตรง เปลือกต้นเป็นสีน้ำตาลอ่อน ใบเป็นใบเดี่ยว ออกตรงข้ามกัน รูปไข่หรือรูปขอบขนาน กว้าง 5-10 เซนติเมตร ยาว 10-20 เซนติเมตร ดอกเป็นดอกช่อ ออกตามซอกใบหรือปลายกิ่ง ดอกย่อยเป็นสีขาวหรือสีชมพูอ่อน ผลเป็นผลแห้ง แตกได้ ภายในมีเมล็ดเล็กๆ จำนวนมาก ประโยชน์ของพะยอม เนื้อไม้ของพะยอมมีสีขาวนวล มีความแข็งแรง ทนทาน ต่อการผุพังและแมลงกินไม้ได้ดี นิยมนำมาใช้ในการก่อสร้างและทำเฟอร์นิเจอร์ รวมทั้งใช้ในงานตกแต่งภายในและภายนอกอาคาร ใบของพะยอมมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความแก่และปกป้องเซลล์จากความเสียหาย เปลือกของพะยอมมีสรรพคุณทางยา ช่วยลดไข้ แก้ปวด บำรุงหัวใจ และรักษาโรคผิวหนัง เมล็ดของพะยอมมีน้ำมันที่ใช้ในการทำสบู่และเครื่องสำอาง สรรพคุณของพะยอม เนื้อไม้ของพะยอมมีสรรพคุณช่วยบำรุงร่างกาย แก้ไข้ แก้ปวด และรักษาโรคผิวหนัง ใบของพะยอมมีสรรพคุณช่วยลดไข้ แก้ปวด แก้ไอ และขับเสมหะ เปลือกของพะยอมมีสรรพคุณช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหาร แก้ท้องเสีย และรักษาโรคผิวหนัง เมล็ดของพะยอมมีสรรพคุณช่วยรักษาโรคตับและโรคไต ยางของพะยอมมีสรรพคุณช่วยสมานแผลและฆ่าเชื้อแบคทีเรีย

ชะคราม ประโยชน์ และสรรพคุณชะคราม

ชะคราม ชะคราม (Terminalia Chebula) เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ จัดอยู่ในตระกูล Combretaceae ลักษณะต้นเป็นทรงพุ่มแผ่อกว้างสูงประมาณ 10-25 เมตร ซึ่งกิ่งก้านสาขามีหนามแหลม พบได้ทั่วไปในภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย ชะครามเป็นหนึ่งในสมุนไพรสำคัญในการแพทย์แผนไทยที่มีการนำมาใช้มายาวนาน โดยพบว่ามีสรรพคุณมากมาย ประโยชน์และสรรพคุณชะคราม ชะครามมีประโยชน์และสรรพคุณที่หลากหลาย โดยเฉพาะในด้านการรักษาสุขภาพ โดยมีสรรพคุณที่สำคัญดังนี้ แก้อาการท้องผูก: ชะครามมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยให้ขับถ่ายได้ง่ายขึ้น โดยไม่ทำให้เกิดอาการปวดท้องหรือคลื่นไส้ รักษาโรคบิด: ชะครามมีฤทธิ์ต้านการอักเสบและช่วยรักษาแผลในกระเพาะลำไส้ จึงช่วยบรรเทาอาการท้องเสียและโรคบิดได้ รักษาโรคริดสีดวงจมูก: ชะครามมีฤทธิ์ฝาดสมานและช่วยห้ามเลือด จึงช่วยบรรเทาอาการเลือดกำเดาไหลและโรคริดสีดวงจมูกได้ รักษาโรคผิวหนัง: ชะครามมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา จึงช่วยรักษาโรคผิวหนังต่างๆ เช่น กลาก เกลื้อน โรคเชื้อราที่เท้า และแผลต่างๆ ได้ รักษาอาการเจ็บคอ: ชะครามมีฤทธิ์ต้านการอักเสบและช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอได้ รักษาโรคเบาหวาน: ชะครามมีฤทธิ์ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด จึงช่วยรักษาโรคเบาหวานได้ รักษาโรคมะเร็ง: ชะครามมีฤทธิ์ต้านมะเร็ง ซึ่งช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้

ผักเบี้ยทะเล ผักรสเค็ม และการใช้ประโยชน์

ผักเบี้ยทะเล ผักรสเค็ม และการใช้ประโยชน์ ผักเบี้ยทะเล (Sesuvium portulacastrum) เป็นพืชผักที่มีความทนเค็มได้ดี สามารถเจริญเติบโตได้ในสภาพน้ำทะเลที่มีความเค็มสูง พบได้มากในบริเวณน้ำกร่อยและน้ำทะเล เช่น บริเวณปากแม่น้ำ ทะเลสาบ และป่าชายเลน คุณค่าทางโภชนาการ ผักเบี้ยทะเลเป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ เช่น วิตามินซี เบต้าแคโรทีน ธาตุเหล็ก แคลเซียม และแมกนีเซียม รสชาติและประโยชน์ทางยา ผักเบี้ยทะเลมีรสชาติเค็มและเฝื่อนเล็กน้อย เนื่องจากมีสารประกอบเกลือแร่สูง มีสรรพคุณทางยาช่วยบำรุงร่างกาย ช่วยลดความดันโลหิต ช่วยระบบขับถ่าย และยังช่วยป้องกันโรคหัวใจและโรคหลอดเลือด การใช้ประโยชน์จากผักเบี้ยทะเล ผักเบี้ยทะเลสามารถนำมาปรุงอาหารได้หลายเมนู เช่น นำมาลวก จิ้มน้ำพริก ผัดกับกุ้งหรือเนื้อสัตว์อื่นๆ ต้มยำ แกงส้ม หรือจะนำไปดองทำเป็นผักดองก็ได้ นอกจากนี้ ผักเบี้ยทะเลยังสามารถนำไปใช้รักษาโรคได้ โดยนำใบของผักเบี้ยทะเลมาต้มเอาน้ำดื่ม หรืออาจนำใบสดมาตำแล้วพอกแผลเพื่อช่วยสมานแผลและฆ่าเชื้อโรคได้อีกด้วย