Tag Archives: พืชผัก

โป๊ยเซียน/ดอกโป๊ยเซียน(crown Of Thorns Plant) และการปลูกโป๊ยเซียน

โป๊ยเซียน/ดอกโป๊ยเซียน (Crown Of Thorns Plant) โป๊ยเซียน เป็นไม้ดอกที่มีชื่อเป็นมงคล นิยมปลูกเป็นไม้ประดับทั้งในบ้าน และนอกบ้าน และยังนิยมปลูกสำหรับเป็นไม้มงคล ทั้งยังมีความเชื่อว่า บ้านใดปลูกโป๊ยเซียนแล้ว จะทำให้คนในบ้านมีสุขภาพดี ปลอดจากโรคร้าย เพราะลักษณะดอกของโป๊ยเซียนจะมีลักษณะคล้ายๆ กับดอกบัว ซึ่งชาวจีนถือว่าดอกบัวเป็นดอกไม้แห่งความบริสุทธิ์ ไร้ซึ่งมลทิน การปลูกโป๊ยเซียน สามารถปลูกได้โดยการปักชำกิ่ง และการเพาะเมล็ด ซึ่งการปักชำกิ่งจะได้ผลดีกว่าเพราะจะได้ต้นที่แข็งแรงและเจริญเติบโตได้เร็วกว่า ส่วนการเพาะเมล็ดจะได้ผลช้ากว่า และต้นที่ได้จะไม่แข็งแรงเท่ากับการปักชำกิ่ง การปลูกโป๊ยเซียนนั้น ไม่ยุ่งยาก สามารถปลูกได้ในดินทุกชนิด แต่ดินที่เหมาะสมที่สุดคือ ดินร่วนปนทราย ส่วนการดูแลรักษา ก็ไม่ยุ่งยากมากนัก โดยให้รดน้ำเพียงวันละครั้งในช่วงเช้า แต่อย่าให้แฉะเกินไป และควรให้ปุ๋ยเดือนละ 1-2 ครั้ง โป๊ยเซียนเป็นไม้ดอกที่ดูแลรักษาง่าย ออกดอกได้ตลอดทั้งปีดอกมีสีสันสวยงาม และมีความหมายที่เป็นมงคล จึงนิยมปลูกเป็นไม้ประดับทั้งในบ้าน และนอกบ้าน

บัวบกโขด/บัวบกโคก ไม้ป่าประดับยอดนิยม ใบทำวุ้น และสรรพคุณเด่น

บัวบกโขด/บัวบกโคก ไม้ป่าประดับยอดนิยม ใบทำวุ้น และสรรพคุณเด่น บัวบกโขด (ชื่อวิทยาศาสตร์: Kalanchoe daigremontiana, Syn.Bryophyllum daigremontianum) เป็นไม้ล้มลุกหรือไม้พุ่มขนาดเล็กในวงศ์ Crassulaceae มีถิ่นกำเนิดในมาดากัสการ์ เป็นพันธุ์ไม้ป่าที่ได้รับความนิยมในการปลูกเป็นไม้ประดับในสวน ด้วยทรงพุ่มเตี้ย มีใบอวบน้ำ เรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆ แผ่นใบเป็นสีเขียวสด มีขอบหยักมน ดอกออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง กลีบดอกสีเหลืองอ่อนหรือสีส้ม มีจุดเล็กๆ บัวบกโขดเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุยที่มีการระบายน้ำดี ต้องการแสงแดดจัดหรือแสงแดดบางส่วน ประโยชน์ของบัวบกโขด ใบของบัวบกโขดสามารถนำมาใช้ทำวุ้น บัวบกโขดมีสรรพคุณทางยาเช่นรักษาบาดแผล ช้ำ รอยไหม้ รักษาโรคกระเพาะ แก้โรคเบาหวาน ช่วยเจริญอาหาร ช่วยรักษาโรคปวดประจำเดือน บำรุงร่างกาย เสริมสร้างความจำ และอื่นๆ นอกจากสรรพคุณทางยาแล้ว บัวบกโขดยังสามารถนำมาใช้ในงานประดิษฐ์ต่างๆ ได้ เช่น นำมาทำเป็นตะกร้า กระเป๋า หมวก ผ้านวม และอื่นๆ อีกมากมาย

ถั่วแปะยี (lab Lab Bean) ประโยชน์ และสรรพคุณถั่วแปะยี

ถั่วแปะยี ถั่วแปยะยี มีจุดเด่นที่ใบนำไปรับประทานได้ ทั้งแบบกินสด และแบบนำไปลวกเหมือนผักชนิดอื่นๆ ทั่วไป นอกจากนี้ พันธุ์ถั่วแปะยียกลมนั้น ฝักสามารถนำไปประกอบอาหารได้ ประโยชน์และสรรพคุณถั่วแปะยี ถั่วแปะยีมีวิตามินซีสูง จึงช่วยป้องกันหวัดและช่วยบรรเทาอาการหวัด ถั่วแปะยีมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอวัยและลดริ้วรอยเหี่ยวย่น ถั่วแปะยีมีกรดโฟลิกสูง จึงช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง ถั่วแปะยีมีเส้นใยอาหารสูง จึงช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดและช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน ถั่วแปะยีมีโปรตีนสูง จึงช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ถั่วแปะยีมีธาตุเหล็กสูง จึงช่วยรักษาภาวะโลหิตจาง ถั่วแปะยีมีวิตามินบี 1 ซึ่งเป็นส่วนของระบบประสาท

โลดทะนงแดง ทานอาเจียน เด่นช่วยผิวขาว ขัดเซลล์ผิว ลดรอยหมองคล้ำ

โลดทะนงแดง: สมุนไพรไทยเพื่อผิวกระจ่างใส โลดทะนงแดง (ชื่อทางวิทยาศาสตร์: Cratoxylum formosum (Jack) Dyer.) เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงกลาง มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยพบได้ในประเทศไทย กัมพูชา ลาว เวียดนาม และมาเลเซีย ในทางการแพทย์แผนไทย โลดทะนงแดงถูกใช้เป็นยาสมุนไพรมาช้านาน โดยมีสรรพคุณช่วยบำรุงผิวพรรณให้ขาวผ่องใส ลดรอยหมองคล้ำ จุดด่างดำ และช่วยรักษาโรคผิวหนังบางชนิด สรรพคุณของโลดทะนงแดง โลดทะนงแดงมีสารสำคัญหลายชนิด ได้แก่ ฟีนอล ฟลาโวนอยด์ และเทอร์พีนอยด์ ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องผิวจากการทำลายของแสงแดด ลดการเกิดริ้วรอย และช่วยให้ผิวกระจ่างใส นอกจากนี้ โลดทะนงแดงยังมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ tyrosinase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างเมลานินในผิวหนัง เมื่อเอนไซม์นี้ถูกยับยั้ง การสร้างเมลานินก็จะลดลง ทำให้ผิวขาวขึ้นและจุดด่างดำจางลง วิธีใช้โลดทะนงแดง โลดทะนงแดงสามารถนำมาใช้ในรูปแบบต่างๆ เพื่อบำรุงผิวพรรณได้ ดังนี้ รับประทาน: นำโลดทะนงแดงแห้งมาบดเป็นผงแล้วนำมาละลายน้ำดื่ม หรือจะนำมาต้มเป็นชาเพื่อดื่มก็ได้ การรับประทานโลดทะนงแดงเป็นประจำจะช่วยบำรุงผิวพรรณให้ขาวกระจ่างใสจากภายใน พอกผิว: นำโลดทะนงแดงแห้งมาบดเป็นผงแล้วนำมาผสมกับน้ำหรือโยเกิร์ตจนได้เนื้อข้น ก่อนนำมาพอกผิวหน้าหรือผิวกาย ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก การพอกผิวด้วยโลดทะนงแดงจะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพและช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้น ขัดผิว: นำโลดทะนงแดงแห้งมาบดเป็นผงแล้วนำมาผสมกับน้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันมะกอกจนได้เนื้อข้น […]

ถั่วขาว ประโยชน์ สรรพคุณ และการปลูกถั่วขาว

ถั่วขาว ถั่วขาวเป็นพืชตระกูลถั่วที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ ถั่วขาวมีถิ่นกำเนิดในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ ถั่วขาวเป็นพืชล้มลุกอายุประมาณ 6 เดือน ถั่วขาวมีลักษณะเป็นเมล็ดทรงกลมเล็กๆ มีสีขาวหรือสีครีม ถั่วขาวมีรสชาติที่อ่อนและเป็นถั่วที่สามารถรับประทานได้ทั้งแบบดิบหรือแบบสุก ประโยชน์ของถั่วขาว ถั่วขาวมีประโยชน์ต่อสุขภาพดังนี้ ถั่วขาวช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดและช่วยปรับปรุงการทำงานของอินซูลิน ถั่วขาวช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ ถั่วขาวช่วยลดความดันโลหิตสูง ถั่วขาวช่วยลดน้ำหนัก ถั่วขาวช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง ถั่วขาวช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง ถั่วขาวช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ถั่วขาวช่วยให้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น ถั่วขาวช่วยป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุน สรรพคุณของถั่วขาว สรรพคุณของถั่วขาวมีดังนี้ ถั่วขาวเป็นยาบำรุงกำลัง ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ถั่วขาวเป็นยาบำรุงหัวใจ ช่วยให้หัวใจทำงานได้ดี ถั่วขาวเป็นยาบำรุงกระดูกและฟัน ช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง ถั่วขาวเป็นยาบำรุงระบบประสาท ช่วยให้ระบบประสาททำงานได้ดี ถั่วขาวเป็นยาบำรุงเลือด ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดี ถั่วขาวเป็นยาบำรุงสายตา ช่วยให้สายตาดีขึ้น ถั่วขาวเป็นยาแก้อาการอ่อนเพลีย ช่วยให้ร่างกายสดชื่น การปลูกถั่วขาว ถั่วขาวเป็นพืชที่ปลูกง่ายและเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนปนทรายที่มีความเป็นกรดเล็กน้อย ถั่วขาวต้องการแสงแดดจัดและอุณหภูมิที่อบอุ่นประมาณ 25-30 องศาเซลเซียส ถั่วขาวสามารถปลูกได้ทั้งในฤดูฝนและฤดูหนาว วิธีการปลูกถั่วขาวมีดังนี้ เตรียมดินโดยไถหรือพรวนดินให้ลึกประมาณ 20 เซนติเมตร ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักลงในดินประมาณ 1-2 ตันต่อไร่ หว่านเมล็ดถั่วขาวลงในดินโดยเว้นระยะห่างระหว่างเมล็ดประมาณ 10-15 เซนติเมตร กกลบเมล็ดถั่วขาวด้วยดินบางๆ รดน้ำให้ดินชุ่มชื้น เมื่อต้นถั่วขาวงอกแล้วให้พรวนดินและกำจัดวัชพืชเป็นประจำ […]

ว่านกุมารทอง/ว่านแสงอาทิตย์

ว่านกุมารทอง/ว่านแสงสุริยา ว่านกุมารทองหรือที่รู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่าว่านแสงสุริยาเป็นไม้ล้มลุที่มีหัวใต้ดิน ใบสีเขียวมีขนปกคลุมเล็กน้อย ดอกสีเหลืองสดใสจัดอยู่ในกลุ่มพืชสมุนไพรชนิดหนึ่ง ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ลำต้น: เป็นพืชล้มลุขนาดเล็กมีความสูงประมาณ 10-60 cm มีหัวใต้ดินขนาดเล็ก ใบ: ใบเป็นใบเดี่ยวออกสลับ เยื้องในแนวตั้งฉากเรียงเป็น 2 แถว ใบมีสีเขียวเข้ม ปลายใบแหลมเล็กน้อย มีขนาดใบเล็กๆ มีขนอ่อนปกคลุมเบาๆ ดอก: ออกเป็นช่อที่ปลายยอด ดอกมีสีเหลืองสดใส ดอกมีขนาดเล็กซี่ ดอกมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1-2 เซนต์ กลีบดอกมี 5 กลีบ เมล็ด: เมล็ดมีขนาดเล็กเป็นสีน้ำตาลเข้ม เมื่อส่องแสงแดดจะมองเห็นเป็นสีแดง ระยะเวลาออกดอก: ออกดอกในฤดูร้อนถึงฤดูฝน ความเชื่อ ว่านกุมารทองเป็นว่านที่นิยมปลูฏเพื่อความเป็นสิริมงคลเชื่อว่าการปลูตพืชชนิดี้จะช่วยในเรื่องของโชค=ลทรัพย์ ความเจริญรุ่งเรือง รวมถึงการมีโอกาส สำหรับผู้ที่ขยันมุมานะ เพราะมีคเาวมเชื่อว่าพืชชนิดมีพาโชค ช่วยแก้ไขดวงให้ดีขึ้น คนโบราณเชื่อว่าบ้านใดปลูดว่านกุมารทองไว้จะทำให้ค้าขายร่ำรวย การใช้งาน สมุนไพร: ต้นว่านกุมารทองถูกนำมาแปรเปลี่ยนเป็นยาต้มแก้โรคต่างๆ เช่น โรคผิวหนัง โรคท้องอืด ตัวร้อน หรือโรคปวดเมื่อยต่างๆได้ ศิลปะหัตถกรรม: ต้นว่านกุมารทองสามารถนำมาประดิษฐ์เป็นเครื่องประดับสำหรับผู้หญิง ซึ่งเชื่อว่าเครื่องประดับที่ประดิษฐ์มาจาต้นว่านกุมารทองจะช่วยอำนวยโชคให้อย่างไม่รู้จบสิ้น การดูแลรักษา แสงแดด: […]

ดอกดิน ใช้หุงนึ่งข้าว เด่นต้านมะเร็ง แก้ไอ ลดไข้ แก้โรคข้อกระดูก

ดอกดิน สมุนไพรไทยที่มีประโยชน์หลากหลาย ดอกดิน เป็นพืชล้มลุกที่มีถิ่นกำเนิดในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สามารถพบได้ในประเทศไทย, ลาว, กัมพูชา, เวียดนาม และจีน ดอกดินมีดอกสีม่วงอ่อนถึงสีน้ำเงินเข้ม กลีบดอกมี 5 กลีบ โคนกลีบติดกันเป็นหลอด ปลายกลีบแยกออกจากกันเป็น 5 แฉก ผลของดอกดินเป็นฝักรูปทรงกระบอก ภายในฝักมีเมล็ดขนาดเล็กจำนวนมาก ดอกดินมีสรรพคุณทางยาหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของรากและดอก ด้วยสารสำคัญในส่วนของรากและดอกพบว่ามีสารจำพวก dihydrokaempferol glucoside ซึ่งมีสรรพคุณทางยา ทั้งในเรื่องของการต้านซึมเศร้า ลดอาการอักเสบ บรรเทาอาการเจ็บปวด และลดไข้ รวมไปถึงสารในกลุ่ม mannitol ซึ่งมีฤทธิ์ในการขับเสมหะ ประโยชน์ของดอกดินต่อสุขภาพ แก้อาการไอและปวดศีรษะ ดอกดินมีสรรพคุณในการช่วยบรรเทาอาการไอ ลดไข้ แก้ปวดศีรษะ และขับเสมหะ โดยสามารถใช้ดอกดินมาต้มกับน้ำแล้วดื่ม หรือนำไปผสมกับน้ำผึ้งแล้วใช้กลั้วคอ รักษาโรคกระเพาะอาหาร ดอกดินช่วยบรรเทาอาการอักเสบของกระเพาะอาหาร แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และอาหารไม่ย่อย รักษาโรคข้อกระดูก ดอกดินสามารถช่วยลดอาการปวดบวมของโรคข้อกระดูกอักเสบ ต้านมะเร็ง ดอกดินมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการเกิดมะเร็ง บำรุงหัวใจและหลอดเลือด ดอกดินมีส่วนช่วยในการลดระดับคอเลสเตอรอลและป้องกันการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด

คนทีสอ ประโยชน์ และสรรพคุณคนทีสอ

คนทีสอ คนทีสอ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Symplocoscochinchinensis (Lour.) S.Moore) เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ตระกูลเดียวกับมะขาม ลำต้นสูงประมาณ 5-10 เมตร มีหนามแหลมคมแทงออกตามกิ่งก้าน ทั้งต้นมีขนนิ่มปกคลุม ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงตรงข้าม รูปไข่ หรือรูปขอบขนาน ยาวประมาณ 5-10 เซนติเมตร ดอกออกเป็นช่อที่ปลายกิ่งแต่ละกิ่งจะมีดอกย่อยประมาณ 3-5 ดอก กลีบดอกสีขาวหรือสีเหลืองอ่อน ผลเป็นผลสด รูปกลมรีหรือรูปไข่ เมื่อสุกมีสีดำ ประโยชน์ของคนทีสอ ใช้เป็นไม้ประดับ คนทีสอเป็นไม้ยืนต้นที่มีทรงพุ่มสวยงาม นิยมปลูกเป็นไม้ประดับในสวนสาธารณะ สถานที่ราชการ วัด และบ้านเรือนทั่วไป ใช้เป็นไม้พคุภัณฑ์ เนื้อไม้ของคนทีสอมีความแข็งแรง ทนทาน นิยมนำมาใช้ทำเครื่องเรือน เฟอร์นิเจอร์ และของใช้ต่างๆ ใช้เป็นสมุนไพร ทุกส่วนของคนทีสอสามารถนำมาใช้ประโยชน์ทางยาได้ เช่น ใบใช้เป็นยาแก้ท้องร่วง แก้บิด แก้ปวดท้อง แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ไข้ แก้หวัด แก้ไอ ขับเสมหะ แก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย รากใช้เป็นยาแก้ท้องร่วง แก้บิด แก้ไข้ […]

หญ้านวลน้อย ประโยชน์ และการปลูกหญ้านวลน้อย

หญ้านวลน้อย: ประโยชน์และการปลูก หญ้านวลน้อยเป็นหญ้าชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมนำมาปลูกเพื่อใช้ตกแต่งสวน ตกแต่งพื้นที่ว่าง ตกแต่งสวนหย่อม และสนามหญ้าในบ้าน เป็นหญ้าที่มีอายุยืนต้นที่ไม่สูงมากนัก ขึ้นเป็นกอ ส่วนใหญ่จะปลูกคลุมดินเพื่อความสวยงาน หญ้านวลน้อยมีถูมกำเนิดตามธรรมชาติจากประเทศมาเลเซียและทางตอนใต้ของประเทศไทย หญ้านวลน้อยนั้นมีใบมีขนาดเล็กและแคบ สีเขียวสด ถึงเขียวเข้ม ใบหนาตัดแล้วไม่เป็นสีน้ำตาลเร็วเหมือนหญ้าบางชนิด มีอายุยืนต้น ปลูกแล้วใช้เวลาไม่น้อยกว่า 4 ปี อาจจะถึง 5 ปีขึ้นไปจึงจะเสื่อม ประโยชน์ของหญ้านวลน้อย ใช้ปลูกคลุมดิน ป้องกันดินพังทลาย ใช้ปลูกเพื่อตกแต่งสวนหย่อม สวนสาธารณะ บ้านและสถานที่ต่างๆ ช่วยเพิ่มออกซิเจนให้กับอากาศ ช่วยกรองฝุ่นละอองและมลพิษต่างๆ ช่วยซับน้ำและช่วยควบคุมปริมาณฝุ่นละออง ช่วยรักษาความชื้นในดิน การปลูกหญ้านวลน้อย เตรียมดินโดยการไถพรวนดินให้ละเอียด และกำจัดวัชพืชออกให้หมด ปรับปรุงดินโดยการใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตรา 1-2 ตันต่อไร่ แล้วไถพรวนให้เข้ากัน หว่านเมล็ดหญ้านวลน้อยในอัตรา 10-15 กิโลกรัมต่อไร่ แล้วใช้คราดหรือรถเกลี่ยดินกลบเมล็ดหญ้าให้หนา ประมาณ 0.5-1 เซนติเมตร รดน้ำให้ชุ่ม น้อยวันละ2-3ครั้ง จนหญ้าเริ่มงอกและเจริญเติบโต หลังจากหญ้าเริ่มงอกแล้ว ให้รดน้ำสม่ำเสมอดูแลแปลงหญ้าให้ปราศจากวัชพืช ตัดแต่งหญ้าเมื่อหญ้าสูง 10-15 เซนติเมตร โดยตัดให้สูงจากพื้นดิน ประมาณ […]

ปอเทือง ประโยชน์ และการปลูกปอเทือง

ปอเทือง ปอเทืองเป็นพืชตระกูลถั่ว มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Crotalaria juncea L. มีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดีย ปัจจุบันมีการปลูกอย่างแพร่หลายในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลำต้นมีขนเล็กน้อย ใบประกอบแบบขนนกปลายใบแหลม ดอกสีเหลืองออกเป็นช่อที่ปลายยอด ผลเป็นฝักแบน มีเมล็ดสีน้ำตาล ประโยชน์ของปอเทือง เป็นพืชตระกูลถั่วที่มีไนโตรเจนสูงจึงสามารถตรึงไนโตรเจนจากอากาศมาใช้ได้ ทำให้ช่วยปรับปรุงดินให้มีความอุดมสมบูรณ์ เป็นพืชที่ทนแล้งและทนดินเค็มได้ดี จึงสามารถปลูกได้ในพื้นที่ที่แห้งแล้งหรือดินเค็ม เป็นพืชที่ให้ผลผลิตสูงและสามารถเก็บเกี่ยวได้หลายครั้งในหนึ่งปี สามารถใช้เป็นอาหารสัตว์ได้ทั้งลำต้น ใบ และดอก สามารถใช้เป็นปุ๋ยพืชสดได้ สามารถใช้เป็นวัสดุคลุมดินเพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำจากการระเหย การปลูกปอเทือง เตรียมดินโดยไถพรวนและใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก หว่านเมล็ดปอเทืองในอัตรา 10-15 กิโลกรัมต่อไร่ กดเมล็ดลงในดินเล็กน้อยแล้วกลบด้วยดินบางๆ รดน้ำให้ชุ่ม เมื่อต้นกล้าเริ่มงอก ให้ถอนต้นกล้าที่ขึ้นหนาแน่นออก เพื่อให้ต้นกล้ามีพื้นที่ในการเจริญเติบโต พรวนดินและกำจัดวัชพืชเป็นประจำ ใส่ปุ๋ยยูเรียในอัตรา 10-20 กิโลกรัมต่อไร่ หลังจากที่ต้นปอเทืองเริ่มออกดอก เก็บเกี่ยวผลผลิตเมื่อฝักปอเทืองเริ่มแก่และมีสีน้ำตาล ปอเทืองเป็นพืชที่ปลูกง่ายและให้ผลตอบแทนสูง จึงเหมาะสำหรับเกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชเพื่อปรับปรุงดินและเป็นอาหารสัตว์