Tag Archives: ข้าว

บัวบกโขด/บัวบกโคก ไม้ป่าประดับยอดนิยม ใบทำวุ้น และสรรพคุณเด่น

พืชสมุนไพรที่ได้รับความนิ สมุนไพรเป็นที่รู้จักกันมานานหลายศตวรรษในด้านคุณสมบัติด้านการรักษา มีสมุนไพรหลายชนิดที่มีการศึกษาและพบว่ามีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพ ด้านล่างนี้คือสมุนไพร 3 อันดับแรกที่ได้รับความนิ** ขิง เป็นหนึ่งในสมุนไพรที่เก่าแก่และนิ*ที่สุดในโลก มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย มีฤทธิ์ต้านการอักเสบที่ช่วยลดอาการปวดและบวม มีฤทธิ์คลื่นไส้อาเจียนที่ช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้และอาเจียน กระเทียม เป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียและไวรัสที่ช่วยต่อสู้กับการติดเชื้อ มีฤทธิ์ลดความดันโลหิตที่ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ ชาเขียว เป็นเครื่องดื่มที่ทำจากใบของพืช Camellia sinensis มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย มีคาเฟอีนที่ช่วยเพิ่มความตื่นตัวและสมาธิ มีฤทธิ์ต้านมะเร็งที่ช่วยลดความเสี่ยงของหลายๆ ชนิดของโรคมะเร็ง

เห็ดนางฟ้า และการเพาะเห็ดนางฟ้า

เห็ดนางฟ้า เห็ดนางฟ้า (Pleurotus ostreatus) เป็นเห็ดที่นิยมบริโภคกันอย่างแพร่หลาย โดยมีลักษณะเป็นเห็ดที่มีลักษณะหมวกเห็ดมีสีเทาหรือน้ำตาลอ่อน เนื้อหนานและนุ่ม มี gills สีขาวหรือเทาที่ด้านใต้ของหมวกเห็ด เห็ดนางฟ้ามักพบขึ้นเองตามธรรมชาติบนต้นไม้ที่ตายแล้วหรือใกล้จะตาย แต่ก็สามารถเพาะเลี้ยงได้ในเชิงพาณิชย์ การเพาะเห็ดนางฟ้า การเพาะเห็ดนางฟ้าเป็นธุรกิจที่ได้รับความนิยมในหลายๆ ประเทศ เนื่องจากเห็ดชนิดนี้มีความต้องการสูงในตลาดและสามารถเพาะเลี้ยงได้ในเชิงพาณิชย์ได้ง่าย กระบวนการเพาะเห็ดนางฟ้ามีขั้นตอนหลักๆ ดังนี้ การเตรียมวัสดุเพาะ วัสดุเพาะเห็ดนางฟ้าที่นิยมใช้คือขี้เลื่อยไม้เนื้อแข็ง โดยต้องมีการปรับค่าความเป็นกรดและด่าง (pH) ให้เหมาะสม และเติมสารอาหารที่จำเป็น เช่น รำข้าวหรือจมูกข้าวสาลี การทำเชื้อเห็ด เชื้อเห็ดนางฟ้าสามารถสั่งซื้อได้จากผู้ผลิตเห็ดพันธุ์ โดยวิธีการทำเชื้อเห็ดคือการนำเชื้อเห็ดมาแยกและเพาะบนอาหารเลี้ยงเชื้อ เช่น เมล็ดข้าวฟ่าง เมื่อเชื้อเห็ดมีการเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว จะนำไปผสมกับวัสดุเพาะ การบรรจุถุงเพาะ วัสดุเพาะเห็ดที่ผสมกับเชื้อเห็ดแล้วจะถูกบรรจุลงในถุงพลาสติก โดยใช้เครื่องบรรจุเพื่อให้ได้ขนาดที่เท่ากันและแน่นพอเหมาะ เมื่อบรรจุถุงเสร็จแล้วจะต้องปิดปากถุงให้เรียบร้อย การบ่มเชื้อ หลังจากบรรจุถุงเพาะแล้วจะต้องนำไปบ่มเชื้อในห้องควบคุมอุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสม โดยอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการบ่มเชื้อคือ 25-30 องศาเซลเซียส และความชื้นสัมพัทธ์ 80-90% ระยะเวลาในการบ่มเชื้อประมาณ 2-3 สัปดาห์ การเปิดดอก เมื่อเชื้อเห็ดเจริญเต็มที่แล้ว จะเริ่มมีการสร้างดอกเห็ด โดยวิธีการเปิดดอกคือการเจาะรูบนถุงเพาะเพื่อให้เกิดการถ่ายเทอากาศและแสงเข้าไปภายในถุง จากนั้นนำถุงเพาะไปตั้งในห้องปลูกที่ควบคุมอุณหภูมิและความชื้นให้เหมาะสม โดยอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการเปิดดอกคือ 15-20 องศาเซลเซียส […]

เท้ายายม่อม (thahiti Arrowroot) สรรพคุณ และการปลูกเท้ายายม่อม

เท้ายายม่อม (thahiti Arrowroot) เท้ายายม่อม เป็นพืชท้องถิ่นของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผลมีขนาดเท่าหัวแม่มือ มีแป้งมันจำนวนมาก เหง้าใช้รับประทานได้ และมีสรรพคุณทางยาดังนี้ สรรพคุณทางยา แก้ไอละลายเสมหะ แก้ร้อนในกระหายน้ำ ลดความดันโลหิต แก้ปัสสาวะกระปิดกระปรอย ป้องกันโรคเบาหวานชนิดที่ 2 การปลูกเท้ายายม่อม เท้ายายม่อมเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนปนทรายที่มีความชื้นสูง ขั้นตอนการปลูกมีดังนี้ 1. เตรียมดิน ขุดดินให้ลึกประมาณ 20-30 ซม. ผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักลงไปในดิน 2. ปลูกเหง้า แยกเหง้าเท้ายายม่อมออกจากต้นเดิม ตัดเป็นท่อนๆ ละ 5-7 ซม. ปลูกในหลุมลึกประมาณ 5-7 ซม. เว้นระยะห่างระหว่างหลุม 20-30 ซม. 3. รดน้ำ รดน้ำให้ชุ่มหลังปลูก และรดน้ำทุกวันช่วงเช้าหรือเย็น โดยเฉพาะในช่วงที่ฝนไม่ตก 4. ดูแลและเก็บเกี่ยว หลังปลูก 3-4 เดือน ต้นเท้ายายม่อมจะเริ่มออกผล เมื่อผลแก่จัดประมาณ 5-6 เดือน ให้ขุดหัวเท้ายายม่อมออกมาล้างดินออก จากนั้นนำไปตากแดดหรืออบแห้งเพื่อเก็บไว้รับประทานหรือใช้เป็นยา

เพกา/ลิ้นฟ้า สรรพคุณ และการปลูกเพกา

เพกา/ลิ้นฟ้า เพกา หรือที่รู้จักกันในชื่อ ลิ้นฟ้า เป็นผลไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผลมีลักษณะกลมรี เปลือกบางสีเขียวอ่อน เนื้อสีขาว ข้างในมีเมล็ดสีดำ มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว สรรพคุณของเพกา ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด: เพกาอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งช่วยลดการอักเสบและป้องกันการเกิดลิ่มเลือด ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด: เพกาเป็นผลไม้ที่มีดัชนีน้ำตาลต่ำ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานหรือต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยย่อยอาหาร: เพกาอุดมไปด้วยไฟเบอร์ซึ่งช่วยกระตุ้นการย่อยอาหารและช่วยป้องกันอาการท้องผูก ช่วยบำรุงสายตา: เพกาเป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยวิตามินเอ ซึ่งเป็นวิตามินที่จำเป็นต่อการมองเห็น ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน: เพกาอุดมไปด้วยวิตามินซี ซึ่งช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและช่วยป้องกันการติดเชื้อต่างๆ วิธีปลูกเพกา เพกาสามารถปลูกได้ง่ายในดินที่มีการระบายน้ำดีและได้รับแสงแดดเต็มที่ ขั้นตอนการปลูกมีดังนี้ เตรียมหลุมปลูก: ขุดหลุมปลูกกว้างและลึกประมาณ 50 ซม. ใส่ปุ๋ยรองก้นหลุม: ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักลงในหลุมปลูก วางต้นเพกาลงหลุม: วางต้นเพกาลงในหลุมปลูกแล้วกลบด้วยดิน รดน้ำ: รดน้ำให้ชุ่มหลังจากปลูก ดูแลรักษา: รดน้ำอย่างสม่ำเสมอและใส่ปุ๋ยทุกๆ 3-4 เดือน ตัดแต่งกิ่งที่เป็นโรคหรือกิ่งที่ตายออก

ปอเทือง ประโยชน์ และการปลูกปอเทือง

ปอเทือง ปอเทือง (Sunn hemp) เป็นพืชตระกูลถั่วที่มีถิ่นกำเนิดในเอเชียใต้ ปลูกเป็นพืชอาหารสัตว์ และใช้ทำเชือก ปอ และกระดาษ ลำต้นของปอเทืองมีความสูงได้ถึง 3 เมตร ใบมีสีเขียวเข้มเป็นมัน รูปทรงยาวรี มีขนเล็กๆ ปกคลุมอยู่ ประโยชน์ของปอเทือง พืชอาหารสัตว์: ใบและลำต้นของปอเทืองมีโปรตีนและใยสูง จึงเป็นอาหารสัตว์ที่มีคุณค่าสำหรับโคนม ไก่ สุกร และสัตว์เคี้ยวเอื้องอื่นๆ ทำสิ่งทอ: เส้นใยของปอเทืองมีความแข็งแรงและทนทาน จึงใช้ทำเชือก ปอ กระดาษ และสิ่งทออื่นๆ ปุ๋ยพืชสด: ปอเทืองมีไนโตรเจนที่ตรึงโดยชีวภาพ ซึ่งช่วยเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน เมื่อไถกลบรากและลำต้นของปอเทืองจะช่วยเพิ่มปริมาณไนโตรเจนและธาตุอาหารอื่นๆ ให้แก่ดิน บำรุงดิน: ระบบรากของปอเทืองสามารถหยั่งลึกเข้าไปในดิน ทำให้ดินโปร่ง ระบายน้ำได้ดี และอุ้มน้ำได้ดีขึ้น ควบคุมวัชพืช: ปอเทืองเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและมีใบหนาแน่น ซึ่งสามารถช่วยควบคุมวัชพืชได้

ผักเคล (curly Kale) ราชินีผักใบเขียว คุณค่าทางโภชนาการสูง สรรพคุณ และวิธีปลูก

ผักเคล (Curly Kale) ราชินีผักใบเขียว คุณค่าทางโภชนาการสูง ผักเคลเป็นผักใบเขียวในตระกูลกะหล่ำที่มีลักษณะใบหยิกเป็นลอน มีถิ่นกำเนิดในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ผักเคลอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย คุณค่าทางโภชนาการของผักเคล ผักเคลเป็นแหล่งของสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างหลากหลาย เช่น วิตามินเค: จำเป็นสำหรับการแข็งตัวของเลือดและสุขภาพของกระดูก วิตามินซี: สารต้านอนุมูลอิสระทรงพลังที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน วิตามินเอ: สำคัญสำหรับการมองเห็นและสุขภาพของผิว แคลเซียม: จำเป็นสำหรับสุขภาพของกระดูกและฟัน สารต้านอนุมูลอิสระ: เช่น ลูทีนและซีแซนทีน ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย สรรพคุณของผักเคล การรับประทานผักเคลเป็นประจำช่วยให้ได้รับประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ดังนี้ ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง เช่น โรคมะเร็งและโรคหัวใจ เพิ่มการทำงานของภูมิคุ้มกัน ลดการอักเสบ ป้องกันโรคกระดูกพรุน บำรุงสายตา วิธีปลูกผักเคล ผักเคลเป็นผักที่ปลูกง่าย สามารถปลูกได้ทั้งในกระถางและแปลงปลูก ขั้นตอนการปลูก แช่เมล็ดผักเคลในน้ำอุ่นประมาณ 12 ชั่วโมง เตรียมดินโดยผสมปุ๋ยอินทรีย์ หว่านเมล็ดผักเคลบนดินกลบด้วยดินบางๆ รดน้ำให้ชุ่ม วางกระถางหรือแปลงปลูกในที่ที่มีแดดส่องถึง รดน้ำสม่ำเสมอโดยไม่ให้ดินแห้งหรือแฉะเกินไป การดูแล ใส่ปุ๋ยเดือนละครั้ง กำจัดวัชพืชเป็นประจำ ป้องกันหนอนและแมลงโดยใช้สารอินทรีย์ เคล็ดลับการใช้ผักเคล ผักเคลสามารถนำไปปรุงอาหารได้หลากหลายวิธี เช่น ต้ม ผัด หรือตุ๋น […]

ผักเขียด/ผักขาเขียด/ผักอฮิน ผักวัชพืชตามหนองนา และสรรพคุณเด่น

ผักเขียด/ผักขาเขียด/ผักอฮิน ผักวัชพืชตามหนองนา และสรรพคุณเด่น ผักเขียด ผักขาเขียด หรือผักอฮิน จัดเป็นพืชวัชพืช หรือวัชพืชกินได้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ไม่ว่าจะเป็นวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ผักเขียดนั้นสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการนำมาใช้ปรุงอาหาร หรือการใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ อาทิ การนำไปใช้เป็นอาหารสัตว์ หรือการนำไปใช้ประโยชน์ในด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เป็นต้น และนอกจากนี้ยังมีสรรพคุณมากมายที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายของมนุษย์อีกด้วย สรรพคุณของผักเขียด ช่วยบำรุงและเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง เนื่องจากผักเขียดอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ โดยเฉพาะแคลเซียมที่พบมากในผักเขียด ซึ่งแคลเซียมมีความสำคัญอย่างมากต่อการบำรุงเซลล์ของกระดูกและฟัน มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์จากการถูกทำร้ายโดยอนุมูลอิสระ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือd และช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคเบาหวาน ช่วยลดความดันโลหิต ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด และช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด ช่วยบำรุงสายตา ช่วยป้องกันโรคตา มีฤทธิ์เป็นยาพอกสมานแผล ช่วยรักษาหิดและกลาก ช่วยแก้อาการท้องเสีย ท้องร่วง ช่วยแก้อาการปวดเมื่อย ช่วยลดอาการอักเสบตามร่างกาย นอกจากนี้ยังใช้เป็นยาพอกเพื่อแก้โรคผิวหนังต่าง ๆ อาทิ แก้โรคผิวหนังอักเสบ เป็นผื่นแพ้ และอาการคันต่าง ๆ ช่วยบำรุงเส้นผมและเล็บให้แข็งแรง ช่วยเพิ่มการสร้างเม็ดเลือดแดง

การปลูกฝรั่ง

การเตรียมดิน ไถดินลึก 30-40 เซนติเมตร ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตรา 1-2 ตันต่อไร่ ไถพรวนดินให้ละเอียด ทำ畦กว้าง 3-4 เมตร การขุดหลุมและเตรียมกล้าพันธุ์ ขุดหลุมกว้าง 50-60 เซนติเมตร ลึก 70-80 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก 1-2 กิโลกรัม เตรียมกล้าพันธุ์โดยการเพาะเมล็ดลงในถุงเพาะ ใช้ดินที่ผสมกับปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก เมื่อต้นกล้ามีอายุ 30-45 วัน จึงย้ายลงปลูก การปลูก นำต้นกล้าที่เตรียมไว้ลงปลูกในหลุมที่เตรียมไว้ กลบดินให้แน่น โดยให้ระดับดินอยู่สูงกว่าโคนต้นเล็กน้อย รดน้ำให้ชุ่ม การดูแลรักษา การให้น้ำ รดน้ำสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงแรกหลังจากปลูก เมื่อต้นตั้งตัวได้ดีแล้ว จึงลดปริมาณและความถี่ของการให้น้ำ การใส่ปุ๋ย ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตรา 1-2 ตันต่อไร่ ทุกๆ 3-4 เดือน ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 ในอัตรา 100-200 กิโลกรัมต่อไร่ 2 ครั้งต่อปี ครั้งแรกหลังจากปลูกประมาณ 2 เดือน […]

ตะขบ สรรพคุณตะขบ และทำไมจึงนิยมปลูกตะขบ

ตะขบ ตะขบ (Diospyros kaki) เป็นไม้ผลยืนต้นชนิดหนึ่งในวงศ์ Ebenaceae มีถิ่นกำเนิดในจีนและญี่ปุ่น ผลตะขบมีลักษณะกลมแป้น เปลือกมีสีส้มอมเหลืองหรือสีส้มอมแดง เนื้อสีส้ม เนื้อนุ่ม หวาน และมีกลิ่นหอม สรรพคุณตะขบ ตะขบมีสรรพคุณทางยาที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ได้แก่ แก้ท้องเสีย: ผลตะขบมีสารแทนนินซึ่งช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียในลำไส้ จึงช่วยรักษาอาการท้องเสียได้ ช่วยย่อยอาหาร: ใยอาหารในตะขบช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ทำให้อาหารย่อยได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น บำรุงสายตา: ตะขบมีสารไลโคปีนซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ต่อดวงตา ช่วยป้องกันโรคตาต่างๆ เช่น ต้อกระจก ต่อต้านการอักเสบ: สารโพลีฟีนอลในตะขบมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ช่วยลดอาการอักเสบในร่างกาย บำรุงตับ: สารโพลีแซ็กคาไรด์ในตะขบมีคุณสมบัติในการปกป้องตับจากความเสียหาย ทำไมจึงนิยมปลูกตะขบ ตะขบเป็นต้นไม้ที่ปลูกง่ายและให้ผลผลิตดีในสภาพอากาศแบบเมืองร้อน จึงนิยมปลูกในบ้านเรือนหรือสวนผลไม้ เนื่องจาก: ให้ผลผลิตดี: ตะขบมีอายุการเก็บเกี่ยวประมาณ 3-5 ปี และสามารถให้ออกผลได้นานหลายสิบปี ดูแลง่าย: ตะขบเป็นต้นไม้ที่ไม่ต้องการการดูแลมากนัก สามารถปลูกได้ในหลายประเภทดิน ใช้ประโยชน์ได้ทั้งคนและสัตว์: นอกจากผลที่กินได้แล้ว ใบและเปลือกต้นตะขบยังใช้เป็นยาแผนโบราณ ต้นและใบยังใช้เลี้ยงสัตว์ได้อีกด้วย สร้างรายได้: ผลตะขบสามารถจำหน่ายเพื่อสร้างรายได้เสริม

ถั่วดาวอินคา สรรพคุณ และการปลูกถั่วดาวอินคา

ถั่วดาวอินคา คุณค่าทางโภชนาการและสรรพคุณบำบัด ถั่วดาวอินคา (Golden Berry, Inca Berry, Physalis Peruviana) เป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาแอนดีสของเปรู ซึ่งเต็มไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ ได้แก่ วิตามิน A, C, B, ธาตุเหล็ก, ฟอสฟอรัส และโปรตีน ถั่วดาวอินคาอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย และมีคุณสมบัติต้านอักเสบ จึงช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง และโรคข้ออักเสบ นอกจากนี้ ถั่วดาวอินคายังมีใยอาหารสูง ซึ่งช่วยให้รู้สึกอิ่มและกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ได้ดี การปลูกถั่วดาวอินคา การปลูกถั่วดาวอินคาไม่ใช่เรื่องยาก สามารถทำได้โดยการเพาะเมล็ดหรือการปักชำกิ่ง ซึ่งวิธีที่นิยมกว่าคือการเพาะเมล็ด เตรียมดินร่วนปนทรายที่ระบายน้ำได้ดี มีค่า pH ระหว่าง 5.5-6.5 หว่านเมล็ดลงในดินให้ลึกประมาณ 0.5-1 เซนติเมตร และเว้นระยะห่างระหว่างเมล็ดประมาณ 30-45 เซนติเมตร รดน้ำให้ชุ่มและรักษาความชื้นของดินสม่ำเสมอ เมื่อต้นกล้าเริ่มงอกให้หมั่นถอนหญ้าและพรวนดินรอบๆ ต้นเพื่อกำจัดวัชพืชและระบายอากาศ ควรปลูกถั่วดาวอินคาในบริเวณที่มีแสงแดดส่องถึงตลอดวัน ใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกเพิ่มเติมทุกๆ 2-3 เดือน ถั่วดาวอินคาจะเริ่มออกผลภายใน 70-90 วันหลังจากปลูก