ว่านเศรษฐีเรือนนอก ว่านเศรษฐีเรือนนอก เป็นว่านที่ได้รับนิยมปลูกมาแต่โบราณ โดยเชื่อกันว่าเป็นว่านที่มีความเป็นมงคล โดยเฉพาะเรื่องเงินๆ ทองๆ และยังมีสรรพคุณเป็นสมุนไพรอีกด้วย ประโยชน์ของว่านเศรษฐีเรือนนอก เสริมสิริมงคล: ว่านเศรษฐีเรือนนอกมีชื่อเป็นมงคล จึงเชื่อกันว่าจะช่วยเสริมสิริมงคลให้กับผู้ปลูก โดยเฉพาะเรื่องเงินๆ ทองๆ ช่วยดูดสารพิษ: ว่านเศรษฐีเรือนนอกมีคุณสมบัติช่วยดูดสารพิษในอากาศได้ หากปลูกไว้ในบ้านหรือที่ทำงานก็จะช่วยให้บรรยากาศภายในปลอดโปร่งสดชื่นยิ่งขึ้น เป็นสมุนไพร: ว่านเศรษฐีเรือนนอกมีสรรพคุณเป็นสมุนไพร โดยมีการนำใบมาต้มน้ำดื่มเพื่อรักษาอาการเจ็บปวดต่างๆ และยังสามารถนำมาตำผสมกับน้ำผึ้งเพื่อทาแผล เพื่อช่วยสมานแผลได้อีกด้วย วิธีปลูกว่านเศรษฐีเรือนนอก เลือกดินที่เหมาะสม: ว่านเศรษฐีเรือนนอกชอบดินร่วนซุยที่มีการระบายน้ำได้ดี ดังนั้นควรเลือกใช้ดินร่วนหรือดินใบก้ามปูผสมกับดินทรายหรือแกลบดำ เลือกกระถางที่เหมาะสม: กระถางที่เหมาะสำหรับปลูกว่านเศรษฐีเรือนนอกควรเป็นกระถางที่มีขนาดใหญ่พอสมควรเพื่อให้รากของว่านได้แผ่กว้าง วางกระถางในที่ที่มีแสงแดดรำไร: ว่านเศรษฐีเรือนนอกชอบแสงแดดรำไร ดังนั้นจึงควรวางกระถางในบริเวณที่มีแสงแดดรำไรหรือมีร่มเงา รดน้ำให้พอเหมาะ: ว่านเศรษฐีเรือนนอกเป็นว่านที่ไม่ชอบน้ำมาก ต้องการน้ำเพียงสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งเท่านั้น ดังนั้นควรระมัดระวังในการรดน้ำ อย่าให้น้ำขังที่โคนต้น ใส่ปุ๋ย: ควรใส่ปุ๋ยให้ว่านเศรษฐีเรือนนอกทุก 1-2 เดือน โดยอาจใช้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยเคมีสูตรเสมอเพื่อช่วยให้ว่านเจริญเติบโตได้อย่างดี ข้อควรระวังในการปลูกว่านเศรษฐีเรือนนอก อย่าให้น้ำขังที่โคนต้นเพราะอาจทำให้ว่านเน่าตายได้ อย่าปลูกว่านเศรษฐีเรือนนอกในบริเวณที่มีแสงแดดจัด เพราะอาจทำให้ใบไหม้ได้ ควรหมั่นสังเกตว่านเศรษฐีเรือนนอกเพื่อดูว่ามีโรหรือแมลงรบกวนหรือไม่ และควรกำจัดออกทันทีเพื่อไม่ให้แพร่ไปยังต้นอื่น
Tag Archives: ข้าว
ผักบุ้งทะเล ผักบุ้งทะเลมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Ipomoea pes-caprae L. อยู่ในวงศ์ Convolvulaceae มีชื่ออื่นๆ อีก เช่น ผักบุ้งหัว ผักบุ้งหนาม เป็นไม้ล้มลุกเถาเลื้อยตามพื้นดิน ลำต้นมีทั้งส่วนที่ลอยเหนือน้ำและส่วนที่ฝังอยู่ในดิน ใบไม้เป็นใบประกอบแบบแบ่งใบย่อย ใบย่อยมีลักษณะกลมหรือรูปไข่ ปลายใบแหลม ดอกมีสีม่วงอมชมพูหรือม่วงเข้ม ออกเป็นช่อที่ปลายยอด ผักบุ้งทะเลมีสรรพคุณทางยาหลายอย่าง เช่น แก้อักเสบ น้ำคั้นจากใบหรือดอกผักบุ้งทะเลสามารถช่วยแก้อักเสบในร่างกายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอักเสบของผิวหนังและเยื่อบุต่างๆ แก้พิษแมงกระพรุน น้ำคั้นจากใบหรือดอกผักบุ้งทะเลสามารถช่วยแก้อาการพิษจากแมงกระพรุนได้ โดยการนำน้ำคั้นมาทาบริเวณที่ถูกพิษแมงกระพรุน ช่วยสมานแผล น้ำคั้นจากใบหรือดอกผักบุ้งทะเลสามารถช่วยสมานแผลได้ โดยการนำน้ำคั้นมาทาบริเวณแผล ช่วยลดอาการท้องเสีย น้ำคั้นจากใบหรือดอกผักบุ้งทะเลสามารถช่วยลดอาการท้องเสียได้ โดยการนำน้ำคั้นมาดื่ม ช่วยขับพยาธิ น้ำคั้นจากใบหรือดอกผักบุ้งทะเลสามารถช่วยขับพยาธิในร่างกายได้ โดยการนำน้ำคั้นมาดื่ม วิธีใช้ผักบุ้งทะเล แก้อักเสบ นำใบหรือดอกผักบุ้งทะเลมาล้างให้สะอาด แล้วตำให้ละเอียด นำไปพอกบริเวณที่อักเสบ แก้อาการพิษแมงกระพรุน นำใบหรือดอกผักบุ้งทะเลมาล้างให้สะอาด แล้วตำให้ละเอียด นำไปพอกบริเวณที่ถูกพิษแมงกระพรุน ช่วยสมานแผล นำใบหรือดอกผักบุ้งทะเลมาล้างให้สะอาด แล้วตำให้ละเอียด นำไปพอกบริเวณแผล ช่วยลดอาการท้องเสีย นำใบหรือดอกผักบุ้งทะเลมาล้างให้สะอาด แล้วตำให้ละเอียด นำไปคั้นเอาน้ำ ดื่มครั้งละ 1/2-1/3 […]
ผักหนาม ผักป่า ใบกรอบ หวาน และสรรพคุณ ผักหนาม (Spiny amaranth) หรือที่รู้จักในชื่ออื่นๆ เช่น ผักหนามห่อ ผักหนามใบ ผักมันหนามเป็นผักพื้นบ้านที่มีถิ่นกำเนิดในแถบเอเชีย พบได้ในประเทศไทย ลาว เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และศรีลังกา ด้วยรสชาติมันกรอบและรสหวาน ผักหนามจึงเป็นส่วนประกอบยอดนิยมในอาหารต่างๆ มากมาย ผักหนามมีใบสีเขียวอ่อน ใบมีหนามแหลมคล้ายกับฟันปลา มีดอกสีเขียวอ่อนขนาดเล็ก และมีผลสีน้ำตาล หยอด เช่นเดียวกับผักป่าอื่นๆ ผักหนามเป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ สรรพคุณของผักหนาม ช่วยบรรเทาอาการท้องร่วง ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยลดความดันโลหิต ช่วยบรรเทาอาการอักเสบ ช่วยป้องกันโรคหัวใจ ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน วิธีการรับประทานผักหนาม ผักหนามสามารถรับประทานได้ทั้งแบบสดและแบบปรุงสุก รับประทานแบบสด: สามารถนำผักหนามมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วรับประทานกับน้ำพริกหรือแกงต่างๆ รับประทานแบบปรุงสุก: สามารถนำผักหนามมาผัด ต้ม ยำ หรือแกงกับอาหารอื่นๆ ข้อควรระวังในการรับประทานผักหนาม ผู้ที่เป็นโรคกระเพาะหรือลำไส้อักเสบ ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานผักหนาม เพราะอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองหรืออาการกำเริบได้ […]
ผักเคล (curly Kale) ราชินีผักใบเขียว คุณค่าทางโภชนาการสูง สรรพคุณ และวิธีปลูก ผักเคล (Curly Kale) คืออะไร ผักเคล หรือผักคะน้าใบหยัก เป็นพืชผักใบเขียวชนิดหนึ่งในตระกูลกะหล่ำที่มีใบหยักเป็นเอกลักษณ์ มีถิ่นกำเนิดในบริเวณทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ในปัจจุบันผักเคลได้รับความนิยมไปทั่วโลกและเป็นที่รู้จักในฐานะสุดยอดอาหารเพื่อสุขภาพ เนื่องจากผักเคลอุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย ทั้งวิตามิน เกลือแร่ และสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพและป้องกันโรคต่างๆ ได้เป็นอย่างดี คุณค่าทางโภชนาการของผักเคล ในผักเคล 1 ถ้วย (หรือประมาณ 67 กรัม) มีคุณค่าทางโภชนาการดังนี้ แคลอรี: 33 โปรตีน: 3 กรัม คาร์โบไฮเดรต: 6 กรัม ไขมัน: 1 กรัม ไฟเบอร์: 2 กรัม วิตามินซี: 134% (มากกว่าส้ม 1 ลูก) วิตามินเค: 684% (ปริมาณสูงมาก) วิตามินเอ: 206% โฟเลต: 21% […]
มะม่วงหิมพานต์คืออะไร? มะม่วงหิมพานต์เป็นไม้ยืนต้นที่มีผลที่กินได้ มีถิ่นกำเนิดในอเมริกาใต้ แต่ปัจจุบันสามารถพบได้ทั่วไปในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนทั่วโลก ลักษณะของมะม่วงหิมพานต์ มะม่วงหิมพานต์เป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ที่สามารถสูงได้ถึง 15 เมตร มีลำต้นแข็งแรงและมีใบสีเขียวเข้มรูปไข่ ดอกมะม่วงหิมพานต์มีขนาดเล็กสีขาวหรือสีชมพูอ่อน ผลของมะม่วงหิมพานต์มีเปลือกแข็งรูปไต โดยมีเมล็ดเพียงเมล็ดเดียวอยู่ภายใน เมื่อผลสุกเปลือกจะแตกออกและเผยให้เห็นเมล็ดที่บรรจุอยู่ในมัน ซึ่งเรียกว่า “ถั่วมะม่วงหิมพานต์” ถั่วมะม่วงหิมพานต์ ถั่วมะม่วงหิมพานต์มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามิน บี6 และกรดไขมันที่ไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ โดยมีส่วนช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและป้องกันโรคหัวใจได้ สรรพคุณของมะม่วงหิมพานต์ ต้านอนุมูลอิสระ: มะม่วงหิมพานต์อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ซึ่งอาจนำไปสู่โรคเรื้อรังต่างๆ เช่น มะเร็งและโรคหัวใจได้ ลดความดันโลหิต: มะม่วงหิมพานต์มีโพแทสเซียมสูง ซึ่งมีบทบาทในการควบคุมความดันโลหิตให้เป็นปกติ บำรุงหัวใจ: มะม่วงหิมพานต์มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวสูง ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ โดยมีส่วนช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและป้องกันโรคหัวใจได้ รักษาอาการท้องผูก: มะม่วงหิมพานต์อุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร ซึ่งช่วยรักษาอาการท้องผูกได้ ลดน้ำหนัก: มะม่วงหิมพานต์มีแคลอรีสูง แต่ก็อุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร ซึ่งช่วยให้รู้สึกอิ่มได้นานขึ้น โดยช่วยลดความอยากอาหารและป้องกันการกินมากเกินไปได้ การปลูกมะม่วงหิมพานต์ มะม่วงหิมพานต์เป็นพืชที่เจริญเติบโตได้ดีในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน โดยสามารถปลูกได้ทั่วไปในประเทศไทย การเตรียมดิน: มะม่วงหิมพานต์ชอบดินร่วนปนทรายที่ระบายน้ำได้ดี มีค่า pH ระหว่าง 5.0-6.5 ก่อนปลูกควรไถพรวนดินให้ลึกประมาณ […]
ระกำ ระกำเป็นผลไม้ประจำถิ่นของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และมีสรรพคุณทางยาที่หลากหลาย สรรพคุณของระกำ ช่วยย่อยอาหาร: ระกำมีเอนไซม์ที่ช่วยย่อยโปรตีนและไขมัน จึงช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และอาหารไม่ย่อย ช่วยลดความดันโลหิตสูง: ระกำมีโพแทสเซียมสูง ซึ่งช่วยลดความดันโลหิตสูง ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด: ระกำมีสารที่ช่วยยับยั้งการดูดซึมน้ำตาลในเลือด จึงช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยบำรุงผิว: ระกำมีวิตามินซีสูง ซึ่งช่วยบำรุงผิวให้เปล่งปลั่งสดใส ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง: ระกำมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง ประโยชน์ของระกำ ใช้รับประทานเป็นผลไม้: ระกำสามารถรับประทานเป็นผลไม้สด หรือนำไปแปรรูปเป็นน้ำผลไม้ แยม และเยลลี่ ใช้ทำยาสมุนไพร: ระกำสามารถนำไปใช้ทำยาสมุนไพร โดยใช้ทั้งผล ใบ และดอก เพื่อรักษาอาการต่างๆ เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย ความดันโลหิตสูง ระดับน้ำตาลในเลือดสูง และโรคผิวหนัง ใช้ตกแต่งอาหาร: ระกำสามารถนำไปใช้ตกแต่งอาหาร เช่น สลัด ผลไม้รวม และขนมหวาน
ดอกดินพืชสมุนไพรที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ ใช้หุงนึ่งข้าวเป็นเลิศ ต้านมะเร็ง แก้ไอ ลดไข้ แก้โรคข้อกระดูก ดอกดินเป็นดอกไม้ที่มีสีสันสวยงาม นอกจากความสวยงาม ดอกดินยังมีสรรพคุณทางยาอีกด้วย ดอกดินสามารถใช้หุงนึ่งข้าวเพื่อให้ข้าวมีกลิ่นหอมและรสชาติที่อร่อยยิ่งขึ้น นอกจากนี้ดอกดินยังสามารถช่วยต้านมะเร็ง แก้ไอ ลดไข้ และแก้โรคข้อกระดูกได้อีกด้วย วิธีใช้ดอกดินหุงนึ่งข้าว เด็ดดอกดินแล้วล้างให้สะอาด นำดอกดินมาแช่น้ำเกลือประมาณ 15 นาที เทน้ำเกลือออกแล้วนำดอกดินมาผึ่งให้แห้ง นำดอกดินมาตำให้ละเอียด นำข้าวสารมาซาวน้ำแล้วพักไว้ ใส่น้ำเปล่าลงในหม้อหุงข้าวในปริมาณที่พอเหมาะสำหรับหุงข้าว ใส่ดอกดินที่ตำละเอียดแล้วลงไปในหม้อหุงข้าว ใส่ข้าวสารที่ซาวน้ำแล้วลงไปในหม้อหุงข้าว ปิดฝาหม้อหุงข้าวและกดปุ่มหุงข้าว เมื่อข้าวสุกแล้วให้คนข้าวเบาๆ แล้วตักข้าวออกมาใส่จานพร้อมรับประทาน สรรพคุณของดอกดิน ต้านมะเร็ง แก้ไอ ลดไข้ แก้โรคข้อกระดูก บำรุงหัวใจ บำรุงไต แก้ท้องร่วง แก้ท้องเสีย แก้บิด แก้ประจำเดือนมาไม่ปกติ แก้มดลูกอักเสบ แก้ปวดประจำเดือน แก้ตกขาว แก้กลากเกลื้อน แก้โรคผิวหนัง แก้แผลเรื้อรัง
ว่านน้ำทอง ว่านน้ำทอง เป็นว่านที่มีลักษณะลำต้นแบบตั้งตรง มีความแข็งแรง ลำต้นสูงประมาณ 80-120 เซนติเมตร ใบเป็นใบเดี่ยว ออกตรงข้ามกันเป็นคู่ๆ ลักษณะรูปรี หรือรูปไข่ ปลายใบแหลม ขอบใบหยักมน พื้นใบสีเขียวอ่อน กลางใบมีแถบสีขาวพาดผ่านคล้ายหยดน้ำ มีความหนาประมาณ 5 มิลลิเมตร ดอกมีขนาดเล็ก สีเหลืองอ่อน ออกเป็นช่อแบบช่อกระจะที่ปลายยอด มีประมาณ 10-15 ดอก แต่ละดอกมีกลีบดอก 3 กลีบ ว่านน้ำทองเป็นว่านที่มีถิ่นกำเนิดในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบมากในประเทศไทย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ชอบขึ้นในพื้นที่ชื้นแฉะ ทนต่อสภาพแวดล้อมได้ดี ความเชื่อว่า ว่านน้ำทองเป็นว่านที่มีความศักดิ์สิทธิ์ เชื่อกันว่าเป็นว่านที่ช่วยให้ผู้ปลูกมีโชคลาภ เงินทองไหลมาเทมา จึงมักนิยมปลูกไว้ในบ้านหรือร้านค้าเพื่อเสริมสิริมงคล
แอปเปิ้ล แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่มีหลากหลายสายพันธุ์ เป็นผลไม้ป่าที่มีถิ่นกำเนิดในภูมิภาคยุโรปและเอเชียกลาง และได้แพร่พันธุ์ไปทั่วทั้งโลก เป็นไม้ผลเมืองหนาวในวงศ์กุหลาบ (Rosaceae) ผลของแอปเปิ้ลมักมีลูกกลมหรือรูปไข่ และมีหลายสี เช่น สีเขียว สีเหลือง สีแดง สรรพคุณของแอปเปิ้ล ลดความเสี่ยงมะเร็งบางชนิด แอปเปิ้ลมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่อาจนำไปสู่การเกิดมะเร็งได้ ป้องกันโรคหัวใจ แอปเปิ้ลมีเพคตินและสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด และช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจได้ ช่วยควบคุมน้ำหนัก แอปเปิ้ลมีปริมาณน้ำสูงและให้พลังงานต่ำ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก บำรุงสมอง แอปเปิ้ลมีสารฟลาโวนอยด์ที่ช่วยเพิ่มการทำงานของสมองและช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ ช่วยย่อยอาหาร แอปเปิ้ลมีไฟเบอร์สูง จึงช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น และช่วยป้องกันอาการท้องผูก การปลูกแอปเปิ้ล เลือกสายพันธุ์ แอปเปิ้ลมีหลากหลายสายพันธุ์ เลือกสายพันธุ์ที่เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศและพื้นที่ปลูก เตรียมดิน แอปเปิ้ลชอบดินร่วนซุยและมีการระบายน้ำที่ดี ขุดหลุมปลูก ขุดหลุมให้มีขนาดใหญ่กว่ารากของต้นแอปเปิ้ล ปลูกต้นแอปเปิ้ล วางต้นแอปเปิ้ลลงในหลุมปลูกและกลบดินให้แน่น รดน้ำ รดน้ำต้นแอปเปิ้ลสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ใส่ปุ๋ย ใส่ปุ๋ยให้ต้นแอปเปิ้ลทุกๆ 1-2 เดือน กำจัดวัชพืช กำจัดวัชพืชรอบๆ ต้นแอปเปิ้ลเพื่อป้องกันการแย่งอาหารและน้ำ ป้องกันศัตรูพืช ป้องกันศัตรูพืชโดยการใช้สารเคมีหรือวิธีธรรมชาติ เก็บเกี่ยว แอปเปิ้ลจะแก่และพร้อมเก็บเกี่ยวได้ในช่วงปลายฤดูร้อนถึงต้นฤดูใบไม้ร่วง
ว่านมหากาฬ ว่านมหากาฬ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Tacca leontopetaloides) เป็นพืชล้มลุกอายุหลายปีในตระกูล Dioscoreaceae มีถิ่นกำเนิดในภูมิภาคเขตร้อนของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ พบในอินเดีย เนปาล ภูฏาน บังกลาเทศ ศรีลังกา พม่า ไทย และมาเลเซีย ลักษณะเด่นของว่านมหากาฬได้แก่ มีหัวใต้ดินขนาดใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 15-20 เซนติเมตร เปลือกหัวมีสีน้ำตาลเข้ม เนื้อหัวมีสีขาวอมเหลือง มีรากจำนวนมาก ยาวประมาณ 15-20 เซนติเมตร ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงสลับ แผ่นใบรูปหอก ปลายใบแหลม โคนใบเว้าลึกเป็นรูปหัวใจ ขอบใบจักฟันถี่ ก้านใบยาวประมาณ 20-30 เซนติเมตร ดอกออกเดี่ยวบริเวณยอด มีกลีบเลี้ยง 6 กลีบ รูปใบหอก ปลายเรียวแหลม กลีบดอก 6 กลีบ รูปใบหอก ปลายเรียวแหลม สีน้ำเงินเข้ม มีเกสรตัวผู้ 6 อัน เกสรตัวเมีย 1 อัน ผลเป็นผลสด […]