ฟิลเลอร์แก้มส้ม เป็นเทคนิคการฉีดสารเติมเต็มชนิดหนึ่ง ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์กว่าวัยได้ โดยฟิลเลอร์แก้มส้มนั้น จะช่วยเติมเต็มริ้วรอยและร่องลึกบนใบหน้าให้ดูตื้นขึ้น ทำให้ใบหน้าดูเรียบเนียน กระชับมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในบริเวณแก้มส้มหรือร่องแก้มที่มักจะปรากฏให้เห็นเมื่อยิ้มหรือหัวเราะ ซึ่งเป็นหนึ่งในสัญญาณของความร่วงโรย ฟิลเลอร์แก้มส้มจะช่วยเติมเต็มบริเวณนี้ให้เต็มขึ้น ทำให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัยนั่นเอง นอกจากนี้ ฟิลเลอร์แก้มส้มยังช่วยปรับรูปหน้าให้ดูสมส่วนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่ใบหน้าตอบหรือมีรูปหน้าที่ไม่สมดุลกัน ฟิลเลอร์แก้มส้มจะช่วยเติมเต็มบริเวณที่ตอบให้เต็มขึ้น ทำให้ใบหน้าดูมีมิติมากยิ่งขึ้น จึงส่งผลให้ใบหน้าดูสมส่วนและอ่อนเยาว์กว่าวัย การฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มถือเป็นวิธีที่ปลอดภัยและไม่เจ็บปวด โดยแพทย์จะใช้เข็มฉีดยาขนาดเล็กฉีดสารเติมเต็มเข้าไปในบริเวณแก้มส้มอย่างช้าๆ โดยจะรู้สึกเพียงความรู้สึกเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น หลังจากฉีดฟิลเลอร์แล้ว แพทย์จะนวดเบาๆ เพื่อให้ฟิลเลอร์กระจายตัวได้อย่างทั่วถึง และเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการนอนราบหรือนวดใบหน้าหลังจากการฉีดฟิลเลอร์เป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง สำหรับผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มนั้น สามารถอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้และการดูแลรักษาหลังการฉีด หากต้องการคงผลลัพธ์ให้นานขึ้น อาจจำเป็นต้องฉีดฟิลเลอร์ซ้ำ
Tag Archives: โบท็อกซ์กราม
ขมับตอบ ขมับยุบ เกิดจากอะไร แก้ไขอย่างไรดี ขมับตอบ ขมับยุบ เป็นปัญหาที่พบได้บ่อย ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุ สาเหตุของการเกิด การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วมากเกินไป เมื่อคุณลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วร่างกายของคุณอาจสูญเสียไขมันในบริเวณใบหน้า ซึ่งทำให้ใบหน้าของคุณแลดูตอบและยุบลง การขาดน้ำ เมื่อคุณร่างกายขาดน้ำ ผิวหนังของคุณจะเริ่มสูญเสียความชุ่มชื้นและทำให้ใบหน้าของคุณแลดูตอบและยุบลง การอดนอนเรื้อรัง เมื่อคุณอดนอนเรื้อรัง ร่างกายของคุณจะผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอลในระดับสูง ซึ่งฮอร์โมนนี้จะทำให้ใบหน้าของคุณแลดูตอบและยุบลง การมีความเครียดมากเกินไป เมื่อคุณมีความเครียดมากเกินไป ร่างกายของคุณจะผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอลในระดับสูง ซึ่งฮอร์โมนนี้จะทำให้ใบหน้าของคุณแลดูตอบและยุบลง การสูบบุหรี่ สารนิโคตินในบุหรี่ทำให้เส้นเลือดในบริเวณใบหน้าหดตัวลง ทำให้เลือดไปเลี้ยงผิวหนังบริเวณใบหน้าน้อยลง การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป แอลกอฮอล์ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำ ทำให้ผิวหนังบริเวณใบหน้าขาดความชุ่มชื้นและแลดูตอบและยุบลง พันธุกรรม บางคนอาจมีลักษณะทางพันธุกรรมที่ทำให้ขมับตอบ ขมับยุบได้ง่ายกว่าคนอื่น การรักษา ควบคุมน้ำหนัก เพื่อป้องกันไม่ให้ใบหน้าของคุณตอบและยุบลง คุณควรควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกายเป็นประจำ ดื่มน้ำให้เพียงพอ คุณควรดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายขาดน้ำซึ่งเป็นสาเหตุของการทำให้ใบหน้าตอบและยุบลง นอนหลับให้เพียงพอ เพื่อป้องกันไม่ให้ใบหน้าของคุณตอบและยุบลง คุณควรนอนหลับให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายของคุณได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ หลีกเลี่ยงความเครียด เพื่อป้องกันไม่ให้ใบหน้าของคุณตอบและยุบลง คุณควรหลีกเลี่ยงความเครียดด้วยการทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย เช่น การออกกำลังกาย การทำสมาธิ หรือการนวด เลิกสูบบุหรี่ หากคุณสูบบุหรี่อยู่ […]
สิวหัวดำคือหนึ่งในสิวที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน สิวหัวดำมีลักษณะเป็นตุ่มเล็กๆ สีดำ ปรากฏบนผิวหนังบริเวณที่มีรูขุมขน เช่น ใบหน้า หลัง และหน้าอก สิวหัวดำเกิดจากการอุดตันของรูขุมขนจากน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว รวมทั้งแบคทีเรีย ซึ่งทำให้เกิดการอักเสบและทำให้รูขุมขนขยายใหญ่ขึ้น สาเหตุที่ทำให้เกิดสิวหัวดำ ได้แก่ การผลิตน้ำมันส่วนเกิน: ร่างกายของเราผลิตน้ำมันตามธรรมชาติเพื่อหล่อเลี้ยงและปกป้องผิวหนัง ในบางครั้ง ร่างกายอาจผลิตน้ำมันมากเกินไป ซึ่งอาจทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนและนำไปสู่การเกิดสิวหัวดำ การสะสมของเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว: เซลล์ผิวหนังจะหลุดออกมาตามปกติ แต่ในบางครั้ง เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วอาจสะสมตัวและอุดตันรูขุมขน นำไปสู่การเกิดสิวหัวดำ การอุดตันของรูขุมขน: การอุดตันของรูขุมขนสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น เครื่องสำอาง สิ่งสกปรก และฝุ่นละออง ซึ่งอาจทำให้เกิดการอักเสบและนำไปสู่การเกิดสิวหัวดำ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน: การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงวัยรุ่นและวัยทอง อาจกระตุ้นให้ร่างกายผลิตน้ำมันมากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดสิวหัวดำ แบคทีเรีย: แบคทีเรียที่อาศัยอยู่บนผิวหนังของเรา อาจทำให้เกิดสิวได้เมื่อมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ยาบางชนิด: ยาบางชนิด เช่น ยาคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนและโพรเจสเตอโรน อาจกระตุ้นให้เกิดสิวหัวดำได้ พันธุกรรม: หากคุณมีพ่อหรือแม่ที่มีปัญหาสิวหัวดำ คุณก็มีแนวโน้มที่จะมีปัญหาสิวหัวดำเช่นเดียวกัน
การฉีดโบท็อกซ์กรามเป็นวิธีช่วยปรับรูปหน้าที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ทำให้หน้าเรียวขึ้นได้ โดยการฉีดโบท็อกซ์เข้าไปในกล้ามเนื้อกราม บริเวณที่อยู่ด้านข้างของใบหน้า โดยปกติแล้ว เมื่อเรายิ้มหรือหัวเราะ กล้ามเนื้อกรามจะหดตัวทำให้เห็นเป็นเส้นกล้ามที่เรียกว่า “เจ้าเนื้อปลิ้น” บางรายมีกล้ามเนื้อกรามที่ใหญ่และหนา ทำให้หน้าดูใหญ่และหยาบกร้าน ซึ่งเมื่อฉีดโบท็อกซ์เข้าไป สารโบทูลินั่ม ท็อกซินจะเข้าไปยับยั้งการหลั่งสารสื่อประสาทที่กระตุ้นให้กล้ามเนื้อหดตัว เมื่อกล้ามเนื้อไม่หดตัวแล้วก็จะไม่เกิดเส้นกล้ามหรือเจ้าเนื้อปลิ้นบริเวณกราม ทำให้กรามดูเล็กลงและหน้าเรียวลงโดยรวม อย่างไรก็ตาม การฉีดโบท็อกซ์กรามไม่ได้เหมาะกับทุกคน เนื่องจากผลการรักษาขึ้นอยู่กับโครงสร้างพื้นฐานของใบหน้าแต่ละคน บางรายอาจเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน ในขณะที่บางรายอาจไม่เห็นผลที่แตกต่างมากนัก นอกจากนี้ การฉีดโบท็อกซ์กรามไม่ใช่การผ่าตัดตกแต่งใบหน้า จึงมีข้อจำกัดบางประการ เช่น กล้ามเนื้อกรามที่โตมากอาจไม่สามารถฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดขนาดได้ หรือผลการรักษาอาจอยู่ได้ไม่นานเท่ากับการผ่าตัดตกแต่งใบหน้า อย่างไรก็ตาม หากคุณมีกล้ามเนื้อกรามที่ใหญ่หรือหนา และต้องการให้ใบหน้าเรียวลง การฉีดโบท็อกซ์กรามอาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับคุณ โดยทั่วไปแล้ว การฉีดโบท็อกซ์กรามถือว่าเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง ผลข้างเคียงที่พบบ่อย ได้แก่ อาการเจ็บเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด อาการบวมช้ำเป็นเวลา 1-2 วัน และอาจมีอาการปวดศีรษะ แต่ผลข้างเคียงเหล่านี้มักจะหายไปภายในเวลาไม่กี่วัน อย่างไรก็ตาม หากคุณมีข้อกังวลใดๆ เกี่ยวกับการฉีดโบท็อกซ์กราม คุณควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจรับการรักษา
ไหมโครงตาข่าย (Tesslift) เป็นเทคนิคยกกระชับใบหน้าวิธีหนึ่งที่ช่วยปรับปรุงรูปร่างของใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น โดยการใช้ไหมละลายได้ชนิดพิเศษที่มีลักษณะเป็นโครงตาข่ายเข้าไปยกกระชับผิวหนังและชั้นไขมันบริเวณที่หย่อนคล้อย โดยไหมเหล่านี้จะช่วยพยุงผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ใบหน้าดูเต่งตึงและมีริ้วรอยลดลง ข้อดีของการทำไหมโครงตาข่าย เป็นเทคนิคที่ปลอดภัยและมีแผลเป็นน้อย เนื่องจากใช้ไหมละลายที่ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง ช่วยยกกระชับใบหน้าและปรับปรุงรูปร่างของใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น ช่วยลดริ้วรอยและความหย่อนคล้อยของใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณแก้ม ใต้ตา และคาง ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวหน้าดูเต่งตึงและมีสุขภาพดี ใช้เวลาในการพักฟื้นน้อย สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติหลังจากทำเพียงไม่กี่วัน ข้อควรระวังในการทำไหมโครงตาข่าย ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทำ เพื่อประเมินความเหมาะสมและเลือกเทคนิคที่เหมาะกับสภาพผิวและความต้องการของแต่ละบุคคล หลังจากทำอาจมีอาการบวมหรือช้ำบริเวณที่ทำ แต่โดยทั่วไปจะหายไปภายใน 1-2 สัปดาห์ ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าและการออกกำลังกายหนักในช่วงแรกหลังจากทำ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและหลีกเลี่ยงผลข้างเคียง โดยรวมแล้วการทำไหมโครงตาข่าย (Tesslift) เป็นเทคนิคยกกระชับใบหน้าที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง โดยสามารถช่วยปรับปรุงรูปร่างของใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้นและลดริ้วรอยต่างๆ ได้อย่างเห็นได้ชัด
เลเซอร์ขนจิมิ หรือ เลเซอร์ขนบริเวณน้องสาว คือ การกำจัดขนในบริเวณอวัยวะเพศหญิงด้วยเทคโนโลยีเลเซอร์ ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากให้ผลลัพธ์ที่ดีและถาวร โดยเลเซอร์จะทำงานโดยการปล่อยลำแสงไปยังรากขน ซึ่งจะทำให้เซลล์รากขนถูกทำลายจนไม่สามารถงอกใหม่ได้อีก ประโยชน์ของการเลเซอร์ขนจิมิ กำจัดขนได้อย่างถาวร: การเลเซอร์ขนจิมิเป็นวิธีเดียวที่สามารถกำจัดขนได้อย่างถาวร โดยไม่ทำให้เกิดแผลเป็น ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว: การเลเซอร์ขนจิมิใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีต่อครั้ง และหลังจากการทำเลเซอร์เพียง 6-8 ครั้ง ขนก็จะหลุดร่วงไปหมด ไม่เจ็บปวด: การเลเซอร์ขนจิมิแทบไม่รู้สึกเจ็บ เนื่องจากแสงเลเซอร์จะมีความยาวคลื่นที่สามารถเลี่ยงผิวหนังไปได้โดยตรง จึงไม่ทำให้เกิดความร้อนหรือความเจ็บปวด ปลอดภัย: การเลเซอร์ขนจิมิเป็นวิธีที่ปลอดภัย โดยได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ใครที่เหมาะกับการเลเซอร์ขนจิมิ ผู้ที่มีปัญหาขนบริเวณอวัยวะเพศหญิงมากเกินไป ผู้ที่ต้องการกำจัดขนบริเวณอวัยวะเพศหญิงอย่างถาวร ผู้ที่ไม่ต้องการโกนหรือถอนขนบริเวณอวัยวะเพศหญิงอีกต่อไป ผู้ที่ต้องการมีผิวบริเวณอวัยวะเพศหญิงที่เรียบเนียน ขั้นตอนการเลเซอร์ขนจิมิ ปรึกษาแพทย์: ก่อนการเลเซอร์ขนจิมิ จำเป็นต้องปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสมในการทำเลเซอร์ รวมถึงเพื่อรับคำแนะนำในการเตรียมตัวก่อนการเลเซอร์ เตรียมตัวก่อนการเลเซอร์: ผู้เข้ารับการเลเซอร์ขนจิมิควรโกนขนบริเวณที่จะทำเลเซอร์ออกก่อนล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วัน และควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่อาจทำให้ผิวระคายเคือง เช่น ครีมกันแดด โลชั่น และน้ำหอม การเลเซอร์ขนจิมิ: แพทย์จะทำความสะอาดบริเวณที่จะทำเลเซอร์ขนจิมิ จากนั้นจึงใช้เครื่องเลเซอร์ยิงไปยังบริเวณดังกล่าว ซึ่งการเลเซอร์ขนจิมิใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีต่อครั้ง การดูแลหลังการเลเซอร์: หลังการเลเซอร์ขนจิมิ อาจมีอาการบวมแดงหรือแสบร้อนเล็กน้อย ซึ่งสามารถบรรเทาได้ด้วยการประคบเย็นบริเวณดังกล่าว […]
หลังจากการร้อยไหม อาการบวมเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ โดยทั่วไปแล้ว อาการบวมจะเริ่มลดลงหลังจาก 2-3 วัน และจะค่อยๆ หายไปภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่ในบางรายอาจมีอาการบวมนานกว่านั้น ซึ่งมีวิธีในการลดอาการบวมได้ดังนี้ ประคบเย็นและประคบอุ่น: การประคบเย็นในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรกหลังการร้อยไหมจะช่วยลดอาการบวมได้ หลังจากนั้นให้ประคบอุ่นเพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น แต่ต้องประคบภายนอกเท่านั้น ไม่ประคบโดยตรงที่แผลร้อยไหม นอนหนุนหมอนสูง: การนอนหนุนหมอนสูงจะช่วยลดการไหลเวียนของเลือดที่มาที่บริเวณใบหน้า ช่วยลดอาการบวมได้ หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์: การสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดีและทำให้แผลเกิดอาการบวมได้ งดออกกำลังกาย: การออกกำลังกายจะทำให้ร่างกายมีการไหลเวียนของเลือดที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เกิดอาการบวมได้ทั้งในช่วงแรกและระยะยาว ทานยาและอาหารเสิรม: การทานยาและอาหารเสิรมที่ช่วยลดอาการอักเสบและบวมจะช่วยลดอาการบวมได้ แต่ต้องทานตามคำสั่งของแพทย์เท่านั้น หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแสงแดดและความร้อน: การสัมผัสกับแสงแดดและความร้อนจะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบและบวมได้ จึงควรงดออกแดดจัดในช่วงที่แผลยังไม่สมบูรณ์
ร้อยไหมเป็นหัตถการที่ช่วยให้ผิวหนังและกล้ามเนื้อที่หย่อนคล้อยกลับมาดูเต่งตึง เรียบเนียนอีกครั้ง โดยใช้เข็มสอดนำเส้นไหมละลายเข้าไปที่ชั้นใต้ผิว โดยทั่วไปแล้ว การร้อยไหมจะไม่เจ็บปวดมาก เนื่องจากใช้ยาชาเฉพาะที่ก่อนทำหัตถการ แต่ก็อาจรู้สึกไม่สบายได้บ้าง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ร้อยไหมและความอดทนต่อความเจ็บปวดของแต่ละบุคคล ขั้นตอนการร้อยไหมโดยทั่วไปมีดังนี้ แพทย์จะทำความสะอาดบริเวณที่จะร้อยไหมด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ฉีดยาชาเฉพาะที่บริเวณที่จะร้อยไหม แพทย์จะใช้เข็มพิเศษสอดนำเส้นไหมละลายเข้าไปที่ชั้นผิวหนัง ตามแนวที่กำหนดไว้ แพทย์จะดึงเส้นไหมให้เข้าที่และตัดส่วนที่เกินออก แพทย์จะทำความสะอาดบริเวณที่ร้อยไหมอีกครั้ง หลังจากนั้น อาจมีการประคบเย็นหรือทายาเพื่อลดอาการบวมและรอยช้ำ หลังการร้อยไหม อาจมีอาการบวมและรอยช้ำได้ ซึ่งจะค่อยๆ หายไปภายใน 1-2 สัปดาห์ ทั้งนี้ ผลลัพธ์ที่ได้จากการร้อยไหมจะปรากฏชัดเจนหลังจาก 1 เดือน และจะคงอยู่ได้ประมาณ 1-2 ปี
ฟิลเลอร์ E.p.t.q. เป็นฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีดเพื่อเติมเต็มริ้วรอยและร่องลึกบนใบหน้า ฟิลเลอร์ตัวนี้เป็นแบบชั่วคราว ซึ่งจะมีอายุการใช้งานประมาณ 6-12 เดือน ซึ่งจัดเป็นสารสังเคราะห์ ชนิด Polymethylmethacrylate Microspheres (PMMA) เป็นสารที่ใช้ในทางการแพทย์มานานกว่า 50 ปี จึงมีความปลอดภัยสูง โดยร่างกายจะค่อยๆ กำจัด PMMA ออกจากร่างกาย โดยจะหมดไปภายใน 2 ปี ฟิลเลอร์ E.p.t.q. นั้นมีหลายรุ่น โดยแต่ละรุ่นจะมีคุณสมบัติและราคาที่แตกต่างกันไป ดังนี้ E.p.t.q. S เป็นฟิลเลอร์ที่มีความนุ่มและมีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับการเติมเต็มริ้วรอยและร่องลึกขนาดเล็ก เช่น ริ้วรอยร่องแก้ม ริ้วรอยหน้าผาก และริ้วรอยหางตา ราคาอยู่ที่ประมาณ 10,000-20,000 บาทต่อครั้ง E.p.t.q. M เป็นฟิลเลอร์ที่มีความหนาแน่นปานกลาง เหมาะสำหรับการเติมเต็มริ้วรอยและร่องลึกขนาดกลาง เช่น ริ้วรอยร่องแก้มที่ลึก ริ้วรอยหน้าผากที่ลึก และริ้วรอยหางตาที่ลึก ราคาอยู่ที่ประมาณ 15,000-25,000 บาทต่อครั้ง E.p.t.q. L เป็นฟิลเลอร์ที่มีความหนาแน่นสูง เหมาะสำหรับการเติมเต็มริ้วรอยและร่องลึกขนาดใหญ่ เช่น […]
การกำจัดขนด้วยเลเซอร์เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและยาวนานกว่าวิธีอื่นๆ โดยทั่วไปแล้วจะต้องทำการรักษาประมาณ 6-8 ครั้ง ทุกๆ 4-6 สัปดาห์ จึงจะได้ผลลัพธ์ที่ถาวร ผลลัพธ์ของการกำจัดขนด้วยเลเซอร์นั้นแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น สีผิว สีขน ความหนาของขน และบริเวณที่ทำการรักษา โดยทั่วไปแล้วจะเริ่มเห็นผลได้หลังจากการรักษาครั้งที่ 3-4 โดยขนจะบางลงและขึ้นช้าลง การกำจัดขนด้วยเลเซอร์ไม่เจ็บปวดอย่างที่คิด โดยรู้สึกเพียงแค่เหมือนมีเข็มเล็กๆ ทิ่มเบาๆ เท่านั้น อาจมีอาการแสบร้อนเล็กน้อยหลังการรักษา ซึ่งจะหายไปได้เองภายในไม่กี่ชั่วโมง ข้อควรปฏิบัติก่อนและหลังการกำจัดขนด้วยเลเซอร์ หลีกเลี่ยงการถอนหรือแว็กซ์ขนบริเวณที่จะทำการรักษาเป็นเวลาอย่างน้อย 4 สัปดาห์ หลีกเลี่ยงการอาบน้ำหรือว่ายน้ำเป็นเวลาอย่างน้อย 4 ชั่วโมงหลังการรักษา ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 หรือสูงกว่าบริเวณที่ทำการรักษาเป็นประจำ หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมากเป็นเวลาอย่างน้อย 48 ชั่วโมงหลังการรักษา