เตย/ใบเตย เตย หรือ ใบเตย เป็นพืชล้มลุกที่มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ใบเตยมีกลิ่นหอมและเป็นที่นิยมใช้ในอาหารและเครื่องดื่มต่างๆ นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณทางยาต่างๆ อีกด้วย สรรพคุณของเตย ช่วยคลายเครียดและทำให้ผ่อนคลาย บำรุงหัวใจ ช่วยลดความดันโลหิต ช่วยลดน้ำตาลในเลือด ช่วยลดอาการท้องเสีย ช่วยขับปัสสาวะ ช่วยบำรุงสายตา ช่วยดับกระหาย ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ วิธีปลูกเตย การเตรียมดิน: เลือกดินร่วนซุยที่มีความชื้นสูงโดยมีค่า pH 5.5-6.5 ขุดดินให้ลึกประมาณ 30-40 เซนติเมตร ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก และพรวนดินให้ละเอียด การปลูก: แบ่งกอเตยออกเป็นกอเล็กๆ 4-6 ต้น จุ่มรากของเตยลงในน้ำที่ผสมยากันเชื้อรา แล้วปลูกเตยลงในหลุมที่เตรียมไว้โดยให้รากกระจายออก กดดินรอบๆ โคนเตยให้แน่น การดูแลรักษา: รดน้ำเตยทุกวันในช่วงเช้าหรือเย็น ให้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักทุกๆ 1-2 เดือน กำจัดวัชพืชออกจากแปลงเตยเป็นประจำ การเก็บเกี่ยว: เมื่อใบเตยมีความสูงประมาณ 1 เมตร ก็สามารถเก็บเกี่ยวได้ โดยการตัดใบเตยบริเวณโคนต้นแล้วนำไปล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นใช้ใบเตยในการปรุงอาหารหรือทำเครื่องดื่มได้ตามต้องการ
Tag Archives: สมุนไพร
เพกา/ลิ้นฟ้า สรรพคุณของเพกา ช่วยบำรุงสายตา บำรุงกระดูก บำรุงผิวหนัง และร่างกายให้แข็งแรง ช่วยลดความเครียดและช่วยทำให้ใจเย็นลง บำบัดอาการทางจิต ช่วยแก้อาการคลื่นไส้อาเจียนและอาการเมาเรือ ช่วยดับกระหาย แก้ไข้ ช่วยดับพิษร้อน และช่วยลดความดันโลหิตสูง ช่วยขับลม และช่วยแก้อาการท้องเฟ้อ ช่วยแก้อาการท้องเสีย ช่วยแก้อาการท้องผูก ช่วยแก้ยาพิษ ช่วยแก้พิษงูกัด ตะขาบกัด และแมงป่องกัด วิธีปลูกเพกา เลือกพันธุ์เพกาที่ต้องการปลูก จำแนกตามลักษณะผลดังนี้ พันธุ์พื้นเมือง ลูกค่อนข้างกลม รสหวานอมเปรี้ยว เล็กกว่าพันธุ์เบา พันธุ์ใต้ รสหวานอมเปรี้ยวเป็นเอกลักษณ์ ผลมีขนาดเล็ก ออกลูกดก พันธุ์กลาง รสหวานอมเปรี้ยวออกเปรี้ยว เนื้อละเอียดกรอบ ผลใหญ่กว่าพันธุ์อื่น ๆ พันธุ์เหนือ รสหวานกรอบ เนื้อกรอบ ผลขนาดใหญ่ พันธุ์เบา รสหวาน เนื้อกรอบ ผลใหญ่ ไม่มีกลิ่น เลือกสถานที่ปลูกที่เหมาะสม เพกาเป็นต้นไม้ที่ชอบแดด ต้องการแสงแดดจัดๆ ตลอดทั้งวัน และชอบดินร่วนระบายน้ำได้ดี ขุดหลุมปลูกขนาดกว้างประมาณ 50 เซนติเมตร ลึกประมาณ […]
เร่วหอม เร่วหอม หรือที่รู้จักกันดีในชื่ออื่นๆ เช่น โกหยีเงี่ยม โกนุน จันทน์แดง เป็นพืชที่อยู่ในวงศ์ Zingiberaceae ที่มีลักษณะเป็นหัวใต้ดิน มีกลิ่นหอมแรง ซึ่งกลิ่นหอมนี้มาจากสารเคมีที่ชื่อว่า terpene นั่นเอง โดยหัวใต้ดินของเร่วหอมนี้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งในด้านการปรุงอาหารและการรักษาโรค สรรพคุณของเร่วหอม ช่วยบำรุงร่างกาย โดยเฉพาะหัวใต้ดินมีสรรพคุณช่วยบำรุงร่างกายให้ชุ่มชื่น ไม่เหนื่อยง่าย แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ด้วยการนำหัวใต้ดินของเร่วหอมมาตำหรือคั้นน้ำ แล้วนำน้ำนั้นมาดื่ม จะช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อได้ เนื่องจากเร่วหอมมีฤทธิ์ในการยับยั้งการบีบตัวของกล้ามเนื้อเรียบในระบบทางเดินอาหารและเพิ่มการสร้างเมือกในกระเพาะอาหาร จึงช่วยลดการระคายเคืองและอาการปวดท้อง บรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียนได้ดี ช่วยขับลมในกระเพาะอาหารและลำไส้ แก้ปัญหาอาหารไม่ย่อย กระตุ้นการขับปัสสาวะให้มากยิ่งขึ้น ช่วยขับเหงื่อได้ดี จึงมักนำมาใช้เป็นส่วนผสมในยาหอมและยาแก้ไข้ เพื่อช่วยขับเหงื่อและลดไข้ ช่วยบรรเทาอาการไอ ช่วยลดอาการปวดฟัน โดยพืชชนิดนี้มีฤทธิ์ในการต้านเชื้อแบคทีเรียบางชนิด จึงช่วยบรรเทาอาการปวดฟันได้ ช่วยขับเลือดประจำเดือน โดยช่วยทำให้ประจำเดือนไหลเวียนดีขึ้น การปลูกเร่วหอม การเตรียมดิน ควรใช้ดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำดี และมีความเป็นกรดเป็นด่างประมาณ 6.0-6.5 การเตรียมหัวพันธุ์ ควรเลือกหัวพันธุ์ที่สมบูรณ์ ไม่มีร่องรอยของโรคและแมลง จากนั้นให้แบ่งหัวพันธุ์ออกเป็นแง่งเล็กๆ แล้วนำไปแช่ในน้ำยาฆ่าเชื้อราประมาณ 15 นาที แล้วจึงนำไปปลูก การปลูก นำหัวพันธุ์ที่เตรียมไว้มาปลูกในดิน […]
หญ้ารังนก หญ้ารังนก (Dichanthium annulatum) เป็นพืชล้มลุกในวงศ์ Poaceae เป็นหญ้าพื้นเมืองของเอเชียใต้และตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย หญ้ารังนกมีชื่อสามัญอื่นๆ เช่น ขี้หมา เต่าร้างนก บัวดิน หญ้ารังไก่ หญ้าแดง หญ้าอีตื้อ หญ้าเจ้าชู้ หญ้าเจ้าชู้แดง หญ้าไหมแดง หญ้าไหม หญ้าไหมหางหนู หญ้าไหมหางหมา หญ้ารัง หญ้ารังไก่ หญ้าไหมหลอด หญ้ารังนกเป็นหญ้าที่มีลักษณะเป็นกอสูงประมาณ 30-60 เซนติเมตร ลำต้นและใบมีขนปกคลุม ใบมีลักษณะเรียวยาว ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ ดอกมีลักษณะเป็นช่อดอกแบบแยกแขนงออกจากกัน มีสีน้ำตาลแดงหรือสีม่วง ดอกตัวผู้และดอกตัวเมียแยกกันอยู่คนละดอก หญ้ารังนกเป็นหญ้าที่เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำดี ชอบแสงแดดจัด หญ้ารังนกสามารถใช้เป็นอาหารสัตว์ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัว ควาย และแพะ นอกจากนี้หญ้ารังนกยังสามารถใช้เป็นวัสดุคลุมดินเพื่อรักษาความชื้นในดินและป้องกันการพังทลายของดินได้อีกด้วย ข้อเสียของหญ้ารังนก หญ้ารังนกเป็นหญ้าที่เจริญเติบโตได้รวดเร็วและสามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นวัชพืชในบางพื้นที่ได้ หญ้ารังนกสามารถแพร่กระจายไปได้โดยการขยายพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ โดยการสร้างไหลที่สามารถงอกเป็นต้นใหม่ได้ ประโยชน์ของหญ้ารังนก หญ้ารังนกมีประโยชน์มากมาย เช่น ใช้เป็นอาหารสัตว์: หญ้ารังนกสามารถใช้เป็นอาหารสัตว์เลี้ยงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัว ควาย และแพะ […]
ต้นจาก และประโยชน์ต้นจาก ต้นจากเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ที่พบได้ในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนทั่วโลก ต้นจากมีลำต้นสูงได้ถึง 30 เมตร เปลือกต้นเป็นสีเทาหรือสีน้ำตาล ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก ออกเรียงเวียนสลับกัน ใบย่อยมีรูปร่างยาวและแหลม ดอกเป็นดอกช่อสีขาวหรือสีเหลือง ผลเป็นผลแห้งมีเปลือกแข็ง ภายในมีเมล็ดจำนวนมาก ต้นจากมีประโยชน์มากมาย โดยเฉพาะในด้านอาหารและวัสดุก่อสร้าง ใบจากสามารถนำมาใช้มุงหลังคา ทำเสื่อและกระเป๋า ส่วนลำต้นสามารถนำมาใช้ทำบ้านเรือน เรือ และเฟอร์นิเจอร์ นอกจากนี้ เมล็ดจากยังสามารถนำมารับประทานได้ โดยมีรสชาติหวานและมัน คุณสมบัติของต้นจาก ต้นจากเป็นไม้ยืนต้นที่มีอายุยืนยาวได้หลายปี ต้นจากมีลำต้นสูงได้ถึง 30 เมตร เปลือกต้นเป็นสีเทาหรือสีน้ำตาล ใบมีลักษณะเป็นใบประกอบแบบขนนก ออกเรียงเวียนสลับกัน ใบย่อยมีรูปร่างยาวและแหลม ดอกออกเป็นช่อสีขาวหรือสีเหลือง ผลมีเปลือกแข็ง ภายในมีเมล็ดจำนวนมาก ต้นจากมีคุณสมบัติที่ทนทานต่อสภาพดินฟ้าอากาศ สามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินทรายหรือดินร่วนปนทราย ประโยชน์ของต้นจาก ใบจากสามารถนำมาใช้มุงหลังคา ทำเสื่อ และกระเป๋า ลำต้นสามารถนำมาใช้ทำบ้านเรือน เรือ และเฟอร์นิเจอร์ เมล็ดจากสามารถนำมารับประทานได้ โดยมีรสชาติหวานและมัน ต้นจากยังสามารถนำมาใช้เป็นไม้ประดับได้อีกด้วย การปลูกต้นจาก ต้นจากสามารถปลูกได้ทั้งในดินและในกระถาง แต่จะเจริญเติบโตได้ดีกว่าในดิน การปลูกต้นจากในดินควรเลือกดินที่มีความอุดมสมบูรณ์และระบายน้ำได้ดี ส่วนการปลูกต้นจากในกระถางควรใช้ดินร่วนปนทรายผสมกับปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก
ตะไคร้ต้น ตะไคร้ต้นเป็นพืชสมุนไพรในวงศ์หญ้า เป็นพืชล้มเหลวอายุหลายปี มีลำต้นกลมสูง 1-2 เมตร ลำต้นมีปล้องและมีร่องตามยาว ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงสลับกันเป็นวงรอบลำต้น ใบมีสีเขียวเข้มและมีกลิ่นหอม ดอกเป็นดอกช่อขนาดเล็ก สีขาวนวล ออกที่ปลายยอด ผลเป็นผลแห้ง แตกเป็นสองซีก เมล็ดเล็ก สีดำ ตะไคร้ต้นมีสรรพคุณทางยาหลายประการ เช่น ช่วยย่อยอาหาร แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยบรรเทาอาการปวดท้อง ช่วยแก้อาการท้องเสีย ช่วยลดอาการคลื่นไส้ ช่วยไล่แมลง ช่วยดับกลิ่นปาก ช่วยขับเหงื่อ ช่วยแก้ไข้ ช่วยรักษาแผล ช่วยลดอาการอักเสบ ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา นอกจากนี้ ตะไคร้ต้นยังใช้เป็นเครื่องปรุงรสอาหาร และใช้ในอุตสาหกรรมผลิตน้ำมันหอมระเหย ประโยชน์ของตะไคร้ต้น ตะไคร้ต้นมีประโยชน์หลากหลาย เช่น ใช้เป็นเครื่องปรุงรสอาหาร ตะไคร้ต้นมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวที่ช่วยเพิ่มรสชาติและกลิ่นให้กับอาหาร ใช้ทำน้ำสมุนไพร ตะไคร้ต้นสามารถนำมาต้มหรือแช่ในน้ำร้อนเพื่อทำน้ำสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยาต่างๆ เช่น ช่วยย่อยอาหาร แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยบรรเทาอาการปวดท้อง ช่วยแก้อาการท้องเสีย ช่วยลดอาการคลื่นไส้ ช่วยไล่แมลง ฯลฯ ใช้ไล่แมลง ตะไคร้ต้นมีกลิ่นที่แมลงไม่ชอบ จึงสามารถใช้ไล่แมลงได้ โดยการนำตะไคร้ต้นมาปลูกไว้บริเวณบ้านหรือสวน หรือนำตะไคร้ต้นมาวางไว้ในบริเวณที่ต้องการไล่แมลง ใช้ดับกลิ่นปาก […]
ปวยเล้ง/ปวยเหล็ง (spinach) ปวยเล้ง หรือ ปวยเหล็ง (ชื่อทางวิทยาศาสตร์: Amaranthus tricolor) เป็นผักใบเขียวที่นิยมรับประทานกันอย่างกว้างขวางในหลายประเทศทั่วโลก มีถิ่นกำเนิดในอเมริกาใต้ แต่ปัจจุบันสามารถพบได้ในหลายประเทศในเอเชียและแอฟริกา รวมถึงประเทศไทย สรรพคุณของปวยเล้ง ปวยเล้งประกอบด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายชนิด เช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินเค แคลเซียม ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม และใยอาหาร ซึ่งล้วนแต่มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายทั้งสิ้น โดยมีสรรพคุณที่สำคัญดังนี้ ช่วยบำรุงสายตา ปวยเล้งมีปริมาณวิตามินเอสูงมาก วิตามินเอเป็นสารที่ช่วยให้ตาสามารถปรับตัวกับความมืดได้ดีขึ้น รวมถึงช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคตาต่างๆ เช่น ต้อกระจก และจอประสาทตาเสื่อม ช่วยป้องกันโรคหัวใจ ปวยเล้งมีปริมาณใยอาหารสูง ซึ่งช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้ จึงช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจได้ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน วิตามินซีในปวยเล้งมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ช่วยให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ ได้ดีขึ้น ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ปวยเล้งมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์จากการถูกทำลาย ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งต่างๆ ช่วยบำรุงผิวพรรณ วิตามินเอ วิตามินซี และวิตามินเคในปวยเล้งมีส่วนช่วยในการบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส ช่วยลดริ้วรอยเหี่ยวย่นและจุดด่างดำบนใบหน้า การปลูกปวยเล้ง ปวยเล้งเป็นผักที่ปลูกง่าย สามารถปลูกได้ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศไทย โดยมีวิธีการปลูกดังนี้ เตรียมดินโดยการไถพรวนดินให้ร่วนซุย ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักลงไปเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับดิน หว่านเมล็ดปวยเล้งลงไปในแปลงปลูก […]
ประยงค์ สรรพคุณ และการปลูกประยงค์ ประยงค์ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Dillenia suffruticosa Griff.) เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงกลาง ต้นสูงได้ถึง 15 เมตร ลำต้นเปลาตรง เปลือกต้นสีเทา แตกเป็นสะเก็ด เปลือกชั้นในสีชมพู หรือสีแดง ใบเดี่ยวออกตรงข้ามกัน ใบรูปไข่ หรือรูปไข่กลับ เนื้อใบค่อนข้างหนา ปลายใบหยักเว้าเป็นคลื่น ขอบใบหยักมน ดอกเดี่ยว ออกบริเวณปลายกิ่ง ดอกใหญ่สีเหลืองสด มีกลีบดอก 5-6 กลีบ ออกดอกช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน ผลเดี่ยว รูปไข่ ปลายผลมีสัน 6-10 สัน จะมีเส้นบางๆ ยกขึ้นค่อนข้างเด่นชัด ผลสีเขียว แก่แล้วสีน้ำตาล ผลแก่ประมาณ 4-6 เดือน หลังจากออกดอก นิยมรับประทานทั้งสดและเชื่อม ผลสุกมีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เนื้อร่วนคล้ายละมุด สรรพคุณของประยงค์ ผลประยงค์มีสรรพคุณช่วยบำรุงร่างกาย กล้ามเนื้อ ใบมีสรรพคุณช่วยแก้อาการวิงเวียนศีรษะ เป็นยาขับลม รสขมใช้แก้อาการท้องร่วง ขับเสมหะ แก้คออักเสบ รักษาแผล […]
เผือกคืออะไร เผือกมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Colocasia esculenta เป็นพืชจำพวกหัวที่ปลูกกันอย่างแพร่หลายในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จนถึงหมู่เกาะแปซิฟิก มีหลายสายพันธุ์ บางชนิดปลูกเพื่อบริโภคหัว บางชนิดปลูกเพื่อความสวยงาม เผือกเป็นพืชที่มีอายุหลายปี ลำต้นอวบน้ำ ใบกว้างใหญ่เป็นรูปหัวใจ ดอกมีสีขาวหรือเหลืองอ่อน ผลเป็นแบบผลเบอร์รี่สีแดงหรือสีม่วง สรรพคุณของเผือก เผือกมีคุณค่าทางอาหารสูง อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ เช่น วิตามินซี วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินบี6 โพแทสเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส และสังกะสี เผือกมีสรรพคุณเป็นยาบำรุงร่างกาย ช่วยแก้อาการอ่อนเพลีย ช่วยเจริญอาหาร ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดียิ่งขึ้น ช่วยแก้อาการท้องผูก ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยลดความดันโลหิตสูง ช่วยป้องกันโรคหัวใจ ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง ช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส การปลูกเผือก เผือกสามารถปลูกได้ทั้งในดินและในน้ำ ในประเทศไทยนิยมปลูกเผือกในนาข้าวหลังจากที่เก็บเกี่ยวข้าวเสร็จแล้ว การปลูกเผือกในดิน เตรียมดินโดยไถพรวนให้ละเอียด ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ทำหลุมปลูกให้มีระยะห่างกันประมาณ 30-40 เซนติเมตร ลึกประมาณ 10-15 เซนติเมตร หว่านเมล็ดเผือกหรือหัวเผือกที่ผ่านการคัดเลือกแล้วลงในหลุมปลูก ก ลบดินและรดน้ำให้ชุ่ม การปลูกเผือกในน้ำ เตรียมบ่อปลูกเผือก โดยขุดบ่อขนาดใหญ่ที่มีความลึกประมาณ […]
ทุเรียน สรรพคุณ และการปลูกทุเรียน ทุเรียนเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศไทย ทุเรียนมีรสชาติหวาน มัน และมีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ นอกจากนี้ ทุเรียนยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอีกมากมาย สรรพคุณของทุเรียน ทุเรียนช่วยบำรุงสมอง บำรุงประสาท และเสริมสร้างความจำ ทุเรียนช่วยบำรุงกระดูกและฟัน ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน ทุเรียนช่วยบำรุงผิวพรรณ ช่วยทำให้ผิวขาวใสเปล่งปลั่ง ทุเรียนช่วยลดความดันโลหิต ทุเรียนช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ ทุเรียนมีฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็ง ควรบริโภคทุเรียนในปริมาณที่พอเหมาะ เนื่องจากทุเรียนมีพลังงานและไขมันสูง หากบริโภคมากเกินไปอาจส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพได้ การปลูกทุเรียน ดินที่เหมาะสำหรับการปลูกทุเรียน มีสภาพเป็นดินร่วนซุย มีความอุดมสมบูรณ์สูง และมีการระบายน้ำที่ดี ควรปลูกทุเรียนในช่วงต้นฤดูฝน เพื่อให้ต้นทุเรียนได้มีเวลาในการเจริญเติบโตอย่างแข็งแรงก่อนที่จะเข้าสู่ฤดูหนาว การปลูกทุเรียนควรเว้นระยะห่างระหว่างต้นอย่างน้อย 8-10 เมตร เพื่อให้ต้นทุเรียนมีพื้นที่เพียงพอในการเจริญเติบโต ต้นทุเรียนต้องการน้ำในปริมาณมาก ควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอโดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง ควรใส่ปุ๋ยให้กับต้นทุเรียนอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เพื่อให้ต้นทุเรียนได้มีสารอาหารที่เพียงพอในการเจริญเติบโตและออกผล ควรตัดแต่งกิ่งต้นทุเรียนเป็นประจำเพื่อให้ต้นทุเรียนมีรูปทรงที่สวยงามและให้ผลผลิตได้มาก