ผักคะน้า ผักคะน้า (Brassica oleracea var. alboglabra) เป็นพืชผักชนิดหนึ่งในวงศ์ผักกาด (Brassicaceae) มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน ผักคะน้าเป็นพืชล้มลุกที่มีอายุ 1-2 ปี ลำต้นตั้งตรง สูงได้ถึง 1 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยว รูปไข่หรือรูปขอบขนาน มีหยักเว้าลึก ขอบใบหยักเป็นฟันเลื่อย ดอกมีสีเหลืองอ่อน ออกเป็นช่อที่ปลายยอด ผลเป็นฝักยาวและแบน เมล็ดมีขนาดเล็กและมีสีดำ การปลูกคะน้า ผักคะน้าเป็นพืชที่ปลูกง่าย สามารถปลูกได้ในดินแทบทุกชนิด แต่จะเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุยที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง ควรเตรียมดินโดยการไถพรวนและใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก จากนั้นจึงหยอดเมล็ดลงไปในหลุมที่เตรียมไว้ ควรรดน้ำให้ชุ่มและพรางแสงแดดในช่วงแรก หลังจากนั้นให้รดน้ำและใส่ปุ๋ยสม่ำเสมอ ผักคะน้าจะเริ่มเก็บเกี่ยวได้หลังจากปลูกประมาณ 60-70 วัน ประโยชน์ของผักคะน้า ผักคะน้ามีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ เช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินเค แคลเซียม แมกนีเซียม และโพแทสเซียม ผักคะน้ามีสรรพคุณทางยาช่วยบำรุงสายตา บำรุงกระดูกและฟัน ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน ช่วยขับปัสสาวะ บำรุงหัวใจ และป้องกันโรคมะเร็ง ศัตรูพืชและโรคของผักคะน้า ผักคะน้าอาจถูกทำลายโดยศัตรูพืชและโรคต่างๆ เช่น เพลี้ยอ่อน […]
Tag Archives: สมุนไพร
กล้วยตานี เด่นที่ใบตอง และช่วยเพิ่มน้ำนมแม่ กล้วยตานีเป็นกล้วยพื้นเมืองของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีปลูกกระจายอยู่ในเอเชียใต้และแอฟริกา ปลูกได้ในดินเกือบทุกประเภท แต่จะเจริญเติบโตได้ดีที่สุดในดินร่วนโปร่งระบายน้ำได้ดี กล้วยตานีเป็นไม้ผลที่เจริญเติบโตรวดเร็ว สามารถปลูกได้ทั้งในพื้นที่ราบและพื้นที่บนภูเขาสูง สามารถขยายพันธุ์ได้ทั้งทางเพศและทางไม่อาศัยเพศ กล้วยตานี เด่นตรงใบตอง หนา ทนทาน หอม และกันน้ำได้ดี จึงนำไปใช้ประกอบอาหารและของหวานต่างๆ เช่น ห่อหมก ขนมต้ม ขนมกล้วยตานี ส่วนหัวปลี กินได้ มีรสขมเล็กน้อย จึงนิยมนำไปประกอบอาหารโดยไม่รับประทานสด เนื่องจากมีสารที่อาจเป็นพิษได้หากกินสด ลำต้นของกล้วยตานีนั้นนิ่มและสามารถนำไปใช้ทำเป็นเชือกได้ เนื้อไม้สามารถนำไปใช้ทำเป็นเสาบ้าน หลังคา ของใช้ภายในบ้าน เครื่องดนตรี ฯลฯ กล้วยตานี มีสรรพคุณทางยา มีงานวิจัยหลายชิ้นระบุว่า ใบตองกล้วยตานีนั้นใช้ในการป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย สารสกัดจากลำต้นใช้บรรเทาอาการปวด และใบและดอกใช้ลดไข้ ส่วนหัวปลีในกล้วยตานีอุดมไปด้วยสารสำคัญที่มีฤทธิ์คุมกำเนิด และยังช่วยเพิ่มน้ำนมแม่อีกด้วย สรรพคุณเสริมน้ำนมแม่ ในหัวปลีกล้วยตานีมีสารจากพืชกลุ่มฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) และสารกาบา (GABA) เป็นสารสำคัญที่พบมากในหัวปลี โดยมีรายงานว่าสามารถช่วยบำรุงน้ำนมแม่, ช่วยแก้อาการผิดปกติ ระหว่างการตั้งครรภ์และหลังคลอด ช่วยเพิ่มน้ำนม, ช่วยขับน้ำคาวปลา บำรุงครรภ์ ช่วยขับปัสสาวะ และลดอาการไข้ วิธีรับประทานหัวปลีกล้วยตานีเพื่อช่วยเพิ่มน้ำนม […]
แมงลัก/ใบแมงลัก (hairy Basil) แมงลักหรือใบแมงลัก[ชื่อวิทยาศาสตร์:Ocimum basilicum var. thyrsiflora (Benth.) Baker] เป็นพืชล้มลุกอายุปีเดียวในวงศ์กะเพรา (Lamiaceae) มีถิ่นกำเนิดในอินเดีย พบได้ในภูมิอากาศเขตร้อนและอากาศร้อนชื้นทั่วโลก กลายเป็นวัฒนธรรมประจำถิ่นในหลายพื้นที่แล้ว แมงลักเป็นส่วนสำคัญของอาหารหลายชนิดจากทั่วโลก เนื่องจากใบมีกลิ่นแรงและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ สรรพคุณของแมงลัก ช่วยรักษาโรคผิวหนังต่างๆ เช่น สิว ฝ้า กระ ความคันผดผื่น รวมทั้งรักษาแผลหนองได้ด้วย ลดระดับน้ำตาลในเลือด และลดความเสี่ยงมะเร็งด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ รักษาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ ด้วยการนำใบแมงลักมาต้มกับน้ำ แล้วนำน้ำนั้นมารับประทานครั้งละ 1/2 แก้ว ช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และยับยั้งความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร ทั้งยังช่วยกระตุ้นการขับถ่ายได้ด้วย ประโยชน์ของแมงลักในด้านการบำรุงร่างกาย แมงลักมีวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงและรักษาสายตา ช่วยบำรุงเลือดและช่วยรักษาโรคโลหิตจางได้ด้วย การปลูกแมงลัก การเลือกพื้นที่ปลูกแมงลัก : แมงลักเป็นพืชที่ไม่ชอบน้ำขัง ดังนั้นควรเลือกพื้นที่ปลูกที่ระบายน้ำได้ดี โดยดินที่มีความเป็นกรดเป็นด่างอยู่ระหว่าง 6.5-7.5 ซึ่งเป็นช่วงค่าความเป็นกรดเป็นด่างที่เหมาะสำหรับการปลูกแมงลัก การเตรียมดินปลูกแมงลัก : ไถดินให้ลึกประมาณ 20-30 ซม จากนั้นใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตรา 1-2 ตันต่อไร่ […]
โสน โสน เป็นพืชล้มลุก ต้นสูงประมาณ 1-2 เมตร ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อยประมาณ 10-20 คู่ ดอกเป็นดอกช่อ สีเหลืองสดหรือเหลืองอ่อน ออกที่ปลายกิ่ง ผลเป็นฝักแบน ยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร ภายในมีเมล็ดจำนวนมาก สรรพคุณของโสน โสนมีสรรพคุณทางยาหลายประการ เช่น แก้ไข้ตัวร้อน แก้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ แก้ปวดศีรษะ แก้ท้องเสีย แก้ท้องร่วง แก้บิด แก้พยาธิ แก้พิษงู แก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย รักษาแผลติดเชื้อ บำรุงผิวพรรณ แก้วิงเวียนศีรษะ แก้เมารถ เมาเรือ การปลูกโสน โสนสามารถปลูกได้ในดินทุกประเภท แต่เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุยที่มีความชื้นสูง ขั้นตอนการปลูกโสนมีดังนี้ เตรียมดินโดยไถพรวนและใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก หว่านเมล็ดโสนลงไปในแปลงปลูก กดเมล็ดให้ติดกับดินเล็กน้อยแล้วรดน้ำให้ชุ่ม ดูแลรักษาต้นโสนโดยรดน้ำสม่ำเสมอและกำจัดวัชพืชออกจากแปลงปลูก ประมาณ 2-3 เดือน โสนจะเริ่มออกดอกและสามารถเก็บผลผลิตได้ ข้อควรระวังในการใช้โสน 雖然โสนมีสรรพคุณทางยาหลายประการ แต่ก็ไม่ควรใช้ในปริมาณมากหรือเป็นเวลานาน เนื่องจากอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน […]
มะกรูด/ใบมะกรูด ประโยชน์ และสรรพคุณมะกรูด ประโยชน์ของใบมะกรูด ดับกลิ่น: ใบมะกรูดมีกลิ่นหอมที่สามารถช่วยดับกลิ่นคาวจากเนื้อสัตว์ได้ดี ปรุงอาหาร: ใบมะกรูดเป็นส่วนผสมสำคัญในอาหารไทยหลายชนิด เช่น ต้มยำ แกงเผ็ด แกงเขียวหวาน ผัดเผ็ด เป็นต้น น้ำมันใบมะกรูด: น้ำมันใบมะกรูดสกัดจากใบมะกรูดมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์และมีสรรพคุณทางยาที่หลากหลาย เช่น ช่วยลดความเครียด บรรเทาอาการอักเสบ และรักษาโรคผิวหนัง เพิ่มรสชาติ: ใบมะกรูดมีรสชาติที่ออกเปรี้ยวและเผ็ดเล็กน้อย ซึ่งสามารถเพิ่มรสชาติให้กับอาหารได้เป็นอย่างดี สรรพคุณของมะกรูด ลดน้ำหนักและไขมันในเส้นเลือด: ใบมะกรูดมีสรรพคุณช่วยลดน้ำหนักและไขมันในเส้นเลือด ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา: ใบมะกรูดมีสรรพคุณในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราหลายชนิด แก้อาการท้องเสีย: ใบมะกรูดมีสรรพคุณช่วยแก้อาการท้องเสีย บำรุงหัวใจ: ใบมะกรูดมีสรรพคุณช่วยบำรุงหัวใจ แก้ไข้ แก้หวัด ไข้หวัดใหญ่: ใบมะกรูดมีสรรพคุณช่วยแก้ไข้ แก้หวัด ไข้หวัดใหญ่
ถั่วลันเตา ถั่วลันเตาเป็นพืชตระกูลถั่วที่มีลักษณะเป็นไม้เลื้อย ลำต้นเป็นสีเขียว มีใบประกอบแบบขนนก เรียงสลับกัน มีดอกสีขาวเล็กๆ และมีฝักยาวสีเขียว เมื่อแก่แล้วจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ถั่วลันเตานิยมนำมาปรุงอาหารต่างๆ เช่น ผัด แกง หรือต้ม สรรพคุณของถั่วลันเตา ถั่วลันเตาเป็นพืชที่มีสรรพคุณทางยาหลายประการ ได้แก่ ช่วยบำรุงร่างกาย แก้ไขอาการอ่อนเพลีย และช่วยเพิ่มพลัง ช่วยลดน้ำตาลในเลือด จึงเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ช่วยลดความดันโลหิตสูง ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด ช่วยบำรุงสายตา และป้องกันโรคตาต่างๆ เช่น ต้อกระจก และต้อหิน ช่วยป้องกันและรักษาโรคมะเร็ง และช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง ช่วยบำรุงสมอง ช่วยให้ความจำดีขึ้น และช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ ช่วยบำรุงผิวพรรณ ช่วยให้ผิวพรรณแลดูสดใส นุ่มนวล และช่วยลดริ้วรอยเหี่ยวย่น การปลูกถั่วลันเตา ถั่วลันเตาเป็นพืชที่สามารถปลูกได้ง่าย มีขั้นตอนดังนี้ เตรียมดิน โดยไถพรวนดินให้ละเอียด ปรับสภาพดินให้ร่วนซุย และมีการระบายน้ำที่ดี ปลูกถั่วลันเตา โดยหยอดเมล็ดลงในหลุมปลูกที่เตรียมไว้ ห่างกันประมาณ 20-30 เซนติเมตร กลบดินบางๆ รดน้ำให้ชุ่ม ดูแลรักษาถั่วลันเตา โดยรดน้ำสม่ำเสมอ พรวนดินกำจัดวัชพืช […]
ข่า สรรพคุณ และการปลูกข่า สรรพคุณ ข่า เป็นพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยาหลายประการ เช่น บำรุงธาตุ แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ แก้คลื่นไส้ อาเจียน แก้ไอ ขับเสมหะ แก้ปวดเมื่อยบริเวณต่างๆ ของร่างกาย แก้อ่อนเพลีย บำรุงผิวพรรณ แก้อักเสบ ฆ่าเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย ต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความดันโลหิต ช่วยลดน้ำหนัก การปลูกข่า ข่าสามารถปลูกได้ในดินร่วนซุยที่มีความชื้นสูงและระบายน้ำได้ดี โดยขั้นตอนการปลูกข่ามีดังนี้ เตรียมดินโดยไถดินให้ลึกประมาณ 20-30 เซนติเมตร ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในปริมาณที่เหมาะสม และคลุกเคล้าให้เข้ากัน ขุดหลุมปลูกโดยเว้นระยะห่างระหว่างหลุมประมาณ 30-40 เซนติเมตร และระหว่างแถวประมาณ 50-60 เซนติเมตร นำเหง้าข่ามาปลูกในหลุมโดยให้ส่วนหัวของเหง้าอยู่ด้านบนและฝังดินกลบประมาณ 5-10 เซนติเมตร รดน้ำให้ชุ่ม ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักรอบโคนต้นข่าทุกๆ 2-3 เดือน รดน้ำสม่ำเสมอโดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง เมื่อข่าเจริญเติบโตเต็มที่จะเริ่มมีการออกดอก เมื่อดอกแห้งและเริ่มร่วงหล่นแสดงว่าข่าแก่จัดก็สามารถขุดเหง้าได้ โดยปกติแล้วข่าจะใช้เวลาประมาณ 8-10 เดือนจึงจะแก่จัดและสามารถขุดเหง้าได้ เมื่อขุดเหง้าข่าขึ้นมาแล้วให้ทำความสะอาดและตากแดดให้แห้งก่อนนำไปใช้เป็นสมุนไพรหรือทำกับข้าวต่อไป
หญ้าชันกาด หญ้าชันกาด เป็นวัชพืชที่มีลักษณะเป็นหญ้าที่มีความสูงประมาณ 30-45 เซนติเมตร ลำต้นตรงมีสีเขียวหรือสีแดง เรียบเกลี้ยง ไม่แตกกอ ใบแตกใบเดี่ยว มีลักษณะคล้ายใบหญ้าทั่วไป ออกเป็นสองข้างเรียงสลับกัน มีขนาดความยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร ดอกออกเป็นช่อกระจุกแน่น มีสีเขียวหรือสีน้ำตาล หญ้าชันกาดเป็นวัชพืชที่เจริญเติบโตได้ดีในทุกสภาพแวดล้อม พบได้ทั่วไปตามข้างทาง ทุ่งนา ไร่ หากไม่สามารถควบคุมการเจริญเติบโตได้ หญ้าป่าชนิดนี้จะกลายเป็นวัชพืชที่จะเข้าแปดแย่งอาหารจากพืชไร่ได้ดี สรรพคุณของหญ้าชันกาด ช่วยแก้อาการแพ้ต่างๆ หญ้าชันกาดมีสรรพคุณช่วยแก้อาการแพ้ต่างๆ เช่น โรคภูมิแพ้ โรคผิวหนังอักเสบ โรคลมพิษ โดยนำใบของหญ้าชันกาดมาตำให้ละเอียด ผสมกับน้ำ แล้วนำมาดื่ม หรือใช้ใบหญ้าชันกาดมาต้มกับน้ำ แล้วนำน้ำที่ได้มาอาบ ข้อควรระวัง ไม่ควรรับประทานหรือใช้หญ้าชันกาดในผู้หญิงที่มีครรภ์ ผู้ที่ให้นมบุตร และผู้ที่มีอาการปวดกระเพาะ เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ ช่วยรักษาโรคปอด หญ้าชันกาดมีสรรพคุณช่วยรักษาโรคปอดต่างๆ เช่น โรคหลอดลมอักเสบ โรคหอบหืด โรคปอดบวม โดยนำรากของหญ้าชันกาดมาต้มกับน้ำ แล้วนำน้ำที่ได้มาดื่ม ข้อควรระวัง ไม่ควรรับประทานหรือใช้หญ้าชันกาดในผู้หญิงที่มีครรภ์ ผู้ที่ให้นมบุตร และผู้ที่มีอาการปวดกระเพาะ เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ ช่วยขับปัสสาวะ หญ้าชันกาดมีสรรพคุณช่วยขับปัสสาวะ โดยนำใบหญ้าชันกาดมาตำให้ละเอียด […]
ผักคะน้า ผักคะน้า (Brassica oleracea var. alboglabra) เป็นผักที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน มีอีกชื่อหนึ่งคือผักกาดเครา คะน้าเป็นพืชล้มลุก มีลำต้นตั้งตรง ใบมีลักษณะเป็นหยักมนคล้ายฟันเลื่อย ผลเป็นฝักกลมยาว ภายในมีเมล็ดสีน้ำตาลหรือสีดำ การปลูกคะน้า การเตรียมดิน ไถพรวนดินให้ร่วนซุย ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตรา 2-3 ตันต่อไร่ ยกร่องสูงประมาณ 20-30 เซนติเมตร กว้างประมาณ 70-80 เซนติเมตร การปลูก หว่านเมล็ดคะน้าให้ทั่วแปลงปลูก กดดินให้แน่นเพื่อให้เมล็ดสัมผัสกับดิน รดน้ำให้ชุ่ม การดูแลรักษา รดน้ำให้สม่ำเสมอ ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 ในอัตรา 50-100 กิโลกรัมต่อไร่ หลังจากปลูกได้ 15-20 วัน กำจัดวัชพืชเป็นประจำ ป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูพืช การเก็บเกี่ยว เก็บเกี่ยวคะน้าเมื่อมีอายุประมาณ 30-45 วันหลังจากปลูก ตัดคะน้าที่อยู่บริเวณโคนต้นด้วยมีดหรือกรรไกร ล้างคะน้าให้สะอาดก่อนนำไปปรุงอาหาร
ดอกกระเจียว หรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ “ดอกกระเจียวแดง” เป็นดอกไม้ป่าที่มีชื่อเสียงในความงามของสีแดงสดใสและรูปร่างที่เป็นเอกลักษณ์ ดอกกระเจียวพบได้ทั่วไปในพื้นที่ชื้นแฉะและป่าดิบเขาของประเทศไทย และขึ้นชื่อในเรื่องความงดงามของสีสันและความอุดมสมบูรณ์ของทุ่งดอกกระเจียวที่บานสะพรั่งในฤดูฝน ดอกกระเจียว ดอกกระเจียวมีลักษณะลำต้นสูงประมาณ 1-2 เมตร ลำต้นตั้งตรงและมีข้อปล้องชัดเจน ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับซับซ้อน ใบมีลักษณะเป็นรูปไข่หรือรูปใบหอก และมีสีเขียวสดใส ดอกกระเจียวมีสีแดงสดหรือแดงอมม่วง กลีบดอกมีลักษณะเป็นกลีบดอกเดียว โดยมีกลีบดอกด้านบนมีลักษณะเป็นกระโจมหรือทรงหมวก กลีบดอกด้านล่างมักยาวกว่ากลีบดอกด้านบนและมีปลายแหลม ดอกกระเจียวมักบานสะพรั่งในช่วงฤดูฝนระหว่างเดือนมิถุนายนถึงกันยายน ดอกกระเจียวเป็นดอกไม้ที่มีความหมายที่สำคัญในวัฒนธรรมไทย ดอกกระเจียวถือเป็นดอกไม้แห่งความรักและความซื่อสัตย์ ดอกกระเจียวมักถูกใช้เป็นของขวัญและเป็นสัญลักษณ์ของความรักและความซื่อสัตย์ ดอกกระเจียวเป็นดอกไม้ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย และมักใช้ในการจัดงานต่างๆ เช่น งานแต่งงาน งานเลี้ยง และงานเฉลิมฉลองต่างๆ ทุ่งดอกกระเจียว ทุ่งดอกกระเจียวเป็นทุ่งดอกไม้ที่เกิดขึ้นจากการเจริญเติบโตของดอกกระเจียวอย่างหนาแน่น ทุ่งดอกกระเจียวที่โด่งดังที่สุดในประเทศไทยได้แก่ ทุ่งดอกกระเจียวอุทยานแห่งชาติไทรทอง ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดชัยภูมิ ทุ่งดอกกระเจียวอุทยานแห่งชาติไทรทองมีพื้นที่กว่า 100 ไร่ และเป็นที่อยู่อาศัยของดอกกระเจียวกว่าล้านดอก ทุ่งดอกกระเจียวอุทยานแห่งชาติไทรทองบานสะพรั่งในช่วงฤดูฝนระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงกันยายนของทุกปี ทุ่งดอกกระเจียวเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย นักท่องเที่ยวสามารถชมความงามของทุ่งดอกกระเจียวและถ่ายรูปเพื่อเป็นที่ระลึก ทุ่งดอกกระเจียวยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งในประเทศไทย ทุ่งดอกกระเจียวยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทยและเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมในช่วงฤดูฝน