แมงลัก/ใบแมงลัก (hairy Basil) แมงลักหรือใบแมงลัก[ชื่อวิทยาศาสตร์:Ocimum basilicum var. thyrsiflora (Benth.) Baker] เป็นพืชล้มลุกอายุปีเดียวในวงศ์กะเพรา (Lamiaceae) มีถิ่นกำเนิดในอินเดีย พบได้ในภูมิอากาศเขตร้อนและอากาศร้อนชื้นทั่วโลก กลายเป็นวัฒนธรรมประจำถิ่นในหลายพื้นที่แล้ว แมงลักเป็นส่วนสำคัญของอาหารหลายชนิดจากทั่วโลก เนื่องจากใบมีกลิ่นแรงและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ สรรพคุณของแมงลัก ช่วยรักษาโรคผิวหนังต่างๆ เช่น สิว ฝ้า กระ ความคันผดผื่น รวมทั้งรักษาแผลหนองได้ด้วย ลดระดับน้ำตาลในเลือด และลดความเสี่ยงมะเร็งด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ รักษาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ ด้วยการนำใบแมงลักมาต้มกับน้ำ แล้วนำน้ำนั้นมารับประทานครั้งละ 1/2 แก้ว ช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และยับยั้งความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร ทั้งยังช่วยกระตุ้นการขับถ่ายได้ด้วย ประโยชน์ของแมงลักในด้านการบำรุงร่างกาย แมงลักมีวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงและรักษาสายตา ช่วยบำรุงเลือดและช่วยรักษาโรคโลหิตจางได้ด้วย การปลูกแมงลัก การเลือกพื้นที่ปลูกแมงลัก : แมงลักเป็นพืชที่ไม่ชอบน้ำขัง ดังนั้นควรเลือกพื้นที่ปลูกที่ระบายน้ำได้ดี โดยดินที่มีความเป็นกรดเป็นด่างอยู่ระหว่าง 6.5-7.5 ซึ่งเป็นช่วงค่าความเป็นกรดเป็นด่างที่เหมาะสำหรับการปลูกแมงลัก การเตรียมดินปลูกแมงลัก : ไถดินให้ลึกประมาณ 20-30 ซม จากนั้นใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตรา 1-2 ตันต่อไร่ […]
Tag Archives: พืชไร่
โสน โสน เป็นพืชล้มลุก ต้นสูงประมาณ 1-2 เมตร ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อยประมาณ 10-20 คู่ ดอกเป็นดอกช่อ สีเหลืองสดหรือเหลืองอ่อน ออกที่ปลายกิ่ง ผลเป็นฝักแบน ยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร ภายในมีเมล็ดจำนวนมาก สรรพคุณของโสน โสนมีสรรพคุณทางยาหลายประการ เช่น แก้ไข้ตัวร้อน แก้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ แก้ปวดศีรษะ แก้ท้องเสีย แก้ท้องร่วง แก้บิด แก้พยาธิ แก้พิษงู แก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย รักษาแผลติดเชื้อ บำรุงผิวพรรณ แก้วิงเวียนศีรษะ แก้เมารถ เมาเรือ การปลูกโสน โสนสามารถปลูกได้ในดินทุกประเภท แต่เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุยที่มีความชื้นสูง ขั้นตอนการปลูกโสนมีดังนี้ เตรียมดินโดยไถพรวนและใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก หว่านเมล็ดโสนลงไปในแปลงปลูก กดเมล็ดให้ติดกับดินเล็กน้อยแล้วรดน้ำให้ชุ่ม ดูแลรักษาต้นโสนโดยรดน้ำสม่ำเสมอและกำจัดวัชพืชออกจากแปลงปลูก ประมาณ 2-3 เดือน โสนจะเริ่มออกดอกและสามารถเก็บผลผลิตได้ ข้อควรระวังในการใช้โสน 雖然โสนมีสรรพคุณทางยาหลายประการ แต่ก็ไม่ควรใช้ในปริมาณมากหรือเป็นเวลานาน เนื่องจากอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน […]
แห้ว/แห้วจีน ประโยชน์ สรรพคุณ และการปลูกแห้ว ประโยชน์และสรรพคุณแห้ว/แห้วจีน แก้ร้อนใน คอแห้ง กระหายน้ำ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง ช่วยบำรุงสายตา ช่วยล้างสารพิษในตับ ขับปัสสาวะ บรรเทาอาการปัสสาวะขัด ช่วยลดความดันโลหิตสูง ช่วยบรรเทาอาการปวดหัว ช่วยบำรุงกำลังให้แก่ร่างกาย ช่วยแก้อาการเมาค้าง ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ช่วยบรรเทาอาการหวัด ไอ เจ็บคอ การปลูกแห้ว/แห้วจีน เตรียมดิน ให้ดินร่วนซุย มีความเป็นกรด-ด่างเป็นกลางหรือต่ำ ขยายพันธุ์แห้วโดยการเพาะเมล็ด หรือการใช้หน่อแห้ว ปลูกแห้วในช่วงเริ่มฤดูฝน ให้ความชื้นแก่แห้วโดยการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักให้กับแห้วทุกๆ 1-2 เดือน กำจัดวัชพืชในแปลงแห้วอย่างสม่ำเสมอ เก็บเกี่ยวแห้วเมื่อมีอายุประมาณ 7-8 เดือนนับจากวันปลูก
ยี่หุบ ประโยชน์ สรรพคุณ และการปลูก ยี่หุบ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Vitex negundo L.) เป็นพืชในวงศ์ Lamiaceae เป็นไม้พุ่มผลัดใบชนิดหนึ่ง พบทั่วไปตามป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง และป่าชายหาดทั่วไปมีความสูงประมาณ 1-3 เมตร ลำต้นเป็นเหลี่ยม ใบประกอบแบบขนนกชั้นเดียว ออกตรงข้ามกัน รูปไข่ ปลายแหลม ขอบจักฟัน ดอกช่อ ออกตามซอกใบและปลายกิ่ง ดอกเล็กสีขาว ผลแห้งแตกได้ มีเมล็ด 4 เมล็ด ประโยชน์ของยี่หุบ ใบ ใช้เป็นยาถ่ายพยาธิ แก้ปวดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยย่อยอาหาร บำรุงธาตุ บำรุงหัวใจ แก้ไข้ แก้ไอ แก้หอบหืด แก้ปวดประจำเดือน ขับน้ำคาวปลาหลังคลอดบุตร ดอก ใช้เป็นยาแก้ไข้ แก้ไอ แก้หอบหืด แก้ปวดประจำเดือน ขับน้ำคาวปลาหลังคลอดบุตร ผล ใช้เป็นยาถ่ายพยาธิ แก้ปวดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ […]
มะกรูด/ใบมะกรูด ประโยชน์ และสรรพคุณมะกรูด ประโยชน์ของใบมะกรูด ดับกลิ่น: ใบมะกรูดมีกลิ่นหอมที่สามารถช่วยดับกลิ่นคาวจากเนื้อสัตว์ได้ดี ปรุงอาหาร: ใบมะกรูดเป็นส่วนผสมสำคัญในอาหารไทยหลายชนิด เช่น ต้มยำ แกงเผ็ด แกงเขียวหวาน ผัดเผ็ด เป็นต้น น้ำมันใบมะกรูด: น้ำมันใบมะกรูดสกัดจากใบมะกรูดมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์และมีสรรพคุณทางยาที่หลากหลาย เช่น ช่วยลดความเครียด บรรเทาอาการอักเสบ และรักษาโรคผิวหนัง เพิ่มรสชาติ: ใบมะกรูดมีรสชาติที่ออกเปรี้ยวและเผ็ดเล็กน้อย ซึ่งสามารถเพิ่มรสชาติให้กับอาหารได้เป็นอย่างดี สรรพคุณของมะกรูด ลดน้ำหนักและไขมันในเส้นเลือด: ใบมะกรูดมีสรรพคุณช่วยลดน้ำหนักและไขมันในเส้นเลือด ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา: ใบมะกรูดมีสรรพคุณในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราหลายชนิด แก้อาการท้องเสีย: ใบมะกรูดมีสรรพคุณช่วยแก้อาการท้องเสีย บำรุงหัวใจ: ใบมะกรูดมีสรรพคุณช่วยบำรุงหัวใจ แก้ไข้ แก้หวัด ไข้หวัดใหญ่: ใบมะกรูดมีสรรพคุณช่วยแก้ไข้ แก้หวัด ไข้หวัดใหญ่
ถั่วลันเตา ถั่วลันเตาเป็นพืชตระกูลถั่วที่มีลักษณะเป็นไม้เลื้อย ลำต้นเป็นสีเขียว มีใบประกอบแบบขนนก เรียงสลับกัน มีดอกสีขาวเล็กๆ และมีฝักยาวสีเขียว เมื่อแก่แล้วจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ถั่วลันเตานิยมนำมาปรุงอาหารต่างๆ เช่น ผัด แกง หรือต้ม สรรพคุณของถั่วลันเตา ถั่วลันเตาเป็นพืชที่มีสรรพคุณทางยาหลายประการ ได้แก่ ช่วยบำรุงร่างกาย แก้ไขอาการอ่อนเพลีย และช่วยเพิ่มพลัง ช่วยลดน้ำตาลในเลือด จึงเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ช่วยลดความดันโลหิตสูง ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด ช่วยบำรุงสายตา และป้องกันโรคตาต่างๆ เช่น ต้อกระจก และต้อหิน ช่วยป้องกันและรักษาโรคมะเร็ง และช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง ช่วยบำรุงสมอง ช่วยให้ความจำดีขึ้น และช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ ช่วยบำรุงผิวพรรณ ช่วยให้ผิวพรรณแลดูสดใส นุ่มนวล และช่วยลดริ้วรอยเหี่ยวย่น การปลูกถั่วลันเตา ถั่วลันเตาเป็นพืชที่สามารถปลูกได้ง่าย มีขั้นตอนดังนี้ เตรียมดิน โดยไถพรวนดินให้ละเอียด ปรับสภาพดินให้ร่วนซุย และมีการระบายน้ำที่ดี ปลูกถั่วลันเตา โดยหยอดเมล็ดลงในหลุมปลูกที่เตรียมไว้ ห่างกันประมาณ 20-30 เซนติเมตร กลบดินบางๆ รดน้ำให้ชุ่ม ดูแลรักษาถั่วลันเตา โดยรดน้ำสม่ำเสมอ พรวนดินกำจัดวัชพืช […]
ข่า สรรพคุณ และการปลูกข่า สรรพคุณ ข่า เป็นพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยาหลายประการ เช่น บำรุงธาตุ แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ แก้คลื่นไส้ อาเจียน แก้ไอ ขับเสมหะ แก้ปวดเมื่อยบริเวณต่างๆ ของร่างกาย แก้อ่อนเพลีย บำรุงผิวพรรณ แก้อักเสบ ฆ่าเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย ต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความดันโลหิต ช่วยลดน้ำหนัก การปลูกข่า ข่าสามารถปลูกได้ในดินร่วนซุยที่มีความชื้นสูงและระบายน้ำได้ดี โดยขั้นตอนการปลูกข่ามีดังนี้ เตรียมดินโดยไถดินให้ลึกประมาณ 20-30 เซนติเมตร ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในปริมาณที่เหมาะสม และคลุกเคล้าให้เข้ากัน ขุดหลุมปลูกโดยเว้นระยะห่างระหว่างหลุมประมาณ 30-40 เซนติเมตร และระหว่างแถวประมาณ 50-60 เซนติเมตร นำเหง้าข่ามาปลูกในหลุมโดยให้ส่วนหัวของเหง้าอยู่ด้านบนและฝังดินกลบประมาณ 5-10 เซนติเมตร รดน้ำให้ชุ่ม ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักรอบโคนต้นข่าทุกๆ 2-3 เดือน รดน้ำสม่ำเสมอโดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง เมื่อข่าเจริญเติบโตเต็มที่จะเริ่มมีการออกดอก เมื่อดอกแห้งและเริ่มร่วงหล่นแสดงว่าข่าแก่จัดก็สามารถขุดเหง้าได้ โดยปกติแล้วข่าจะใช้เวลาประมาณ 8-10 เดือนจึงจะแก่จัดและสามารถขุดเหง้าได้ เมื่อขุดเหง้าข่าขึ้นมาแล้วให้ทำความสะอาดและตากแดดให้แห้งก่อนนำไปใช้เป็นสมุนไพรหรือทำกับข้าวต่อไป
โป๊ยเซียน/ดอกโป๊ยเซียน(crown Of Thorns Plant) ดอกโป๊ยเซียน เป็นดอกไม้ที่มีความโดดเด่นสะดุดตา ด้วยรูปทรงที่คล้ายมงกุฎหนาม และมีสีสันที่สดใส ดอกโป๊ยเซียนเป็นดอกไม้ที่มีความเป็นมงคลและมีความเชื่อว่าจะนำโชคลาภมาให้กับผู้ที่ปลูก ดอกโป๊ยเซียนยังเป็นดอกไม้ที่เลี้ยงง่ายและทนทานต่อสภาพอากาศ การปลูกโป๊ยเซียน โป๊ยเซียนเป็นพืชที่ปลูกง่าย การปลูกโป๊ยเซียนสามารถปลูกได้ทั้งในกระถางและลงดิน สำหรับการปลูกโป๊ยเซียนในกระถาง ควรเลือกใช้กระถางที่มีขนาดใหญ่และมีรูระบายน้ำที่ก้นกระถาง ดินที่ใช้ปลูกโป๊ยเซียนควรเป็นดินร่วนซุยและมีการระบายน้ำที่ดี สำหรับการรดน้ำโป๊ยเซียน ควรรดน้ำเพียงเล็กน้อยและรดน้ำสัปดาห์ละครั้ง สำหรับการใส่ปุ๋ยโป๊ยเซียน ควรใส่ปุ๋ยละลายช้าเดือนละครั้ง เพื่อช่วยให้โป๊ยเซียนเจริญเติบโตได้ดีและออกดอกได้อย่างสวยงาม โป๊ยเซียนเป็นดอกไม้ที่ชอบแสงแดดจัด ควรปลูกโป๊ยเซียนในที่ที่มีแสงแดดส่องถึงอย่างน้อยวันละ 6 ชั่วโมง การปลูกโป๊ยเซียนในที่ที่มีแสงแดดเพียงพอจะช่วยให้โป๊ยเซียนออกดอกได้อย่างสวยงามและมีสีสันที่สดใส โป๊ยเซียนเป็นดอกไม้ที่มีความเป็นมงคลและมีความเชื่อว่าจะนำโชคลาภมาให้กับผู้ที่ปลูก ดอกโป๊ยเซียนยังเป็นดอกไม้ที่เลี้ยงง่ายและทนทานต่อสภาพอากาศ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลามากนัก แต่ต้องการปลูกดอกไม้เพื่อความสวยงามและเป็นสิริมงคลให้กับบ้าน
เพกา/ลิ้นฟ้า สรรพคุณของเพกา เพกาจัดเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยาหลากหลาย โดยเฉพาะรากและใบมีสรรพคุณทางยาสูงสุด แต่ไม่นิยมนำมาใช้เป็นยาโดยทั่วไป เนื่องจากมีรสขมจัด แก้ร้อนในกระหายน้ำ แก้กระหายจากธาตุร้อน แก้ท้องร่วง แก้โรคกระเพาะ ใบเพกาตากแห้ง มีรสหวานอมเปรี้ยว รักษาอาการท้องเสีย ท้องร่วง หิด เชื้อรา กินใบหรือราก แล้วกัดผ้าพันแผล แล้วปิดที่บริเวณแผล แก้ไข้หัวลม ตับร้อน หัวใจเป็นพิษ บำรุงสายตา ลดไข้ อาเจียน แก้กระษัย เริม งูสวัด ช่วยขับลม แก้ท้องอืด รากเพกา มีสรรพคุณในการรักษาอาการท้องเสีย ท้องร่วง ตำรายาแผนโบราณใช้ใบใช้พอกแก้โรคผิวหนัง เช่นกลาก เกลื้อน กุดถัง แก้ตาอักเสบเป็นฝ้า แก้แมลงกัดต่อย การปลูกเพกา การเตรียมดิน ควรเลือกปลูกในดินร่วนซุยที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง โดยขุดหลุมปลูกขนาด 50 x 50 x 50 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก แล้วกลบดินให้แน่น จากนั้นรดน้ำให้ชุ่ม การปลูก ใช้ต้นกล้าเพกาอายุประมาณ 6-8 […]
หม่อน/ใบหม่อน (mulberry) คืออะไร? หม่อนหรือใบหม่อน (mulberry) เป็นพืชชนิดหนึ่งในวงศ์ Moraceae เป็นไม้ผลัดใบขนาดเล็กหรือขนาดกลาง มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออก แต่ในปัจจุบันสามารถพบได้ในหลายพื้นที่ทั่วโลก ใบหม่อนมีรูปร่างเป็นรูปหัวใจหรือรูปไข่ มีขอบหยักและมีสีเขียวสดใส ผลหม่อนมีรูปร่างเป็นทรงกลมหรือทรงยาว มีสีดำหรือสีแดงเข้ม มีรสชาติหวานและฉ่ำ หม่อนเป็นพืชที่ปลูกง่ายและสามารถเจริญเติบโตได้ในหลากหลายสภาพดิน ประโยชน์ของหม่อน ใบหม่อนมีประโยชน์ทางโภชนาการมากมาย โดยอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ เช่น วิตามินซี วิตามินเค โพแทสเซียม เหล็ก และแมกนีเซียม นอกจากนี้ ใบหม่อนยังเป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย นอกจากจะรับประทานสดเป็นผักแล้ว ใบหม่อนยังสามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น ชาใบหม่อน น้ำใบหม่อน ไวน์ใบหม่อน และยาสมุนไพร ผลหม่อนก็อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย สรรพคุณของหม่อน หม่อนมีสรรพคุณทางยาที่หลากหลาย เช่น บำรุงสายตา: สรรพคุณนี้ของใบหม่อนมาจากสารกลุ่มฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) และสารกลุ่มแอนโทไซยานิน (Anthocyanins) ซึ่งมีฤทธิ์ในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องดวงตาจากการเสื่อมสภาพเช่น โรคจอประสาทตาเสื่อม ลดระดับน้ำตาลในเลือด: ใบหม่อนมีสารกลุ่มแอนโทไซยานิน (Anthocyanins) ซึ่งมีฤทธิ์ในสารสกัดในการช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด และเพิ่มการผลิตอินซูลินในเซลล์ตับอ่อน ช่วยลดความดันโลหิต: มีงานวิจัยที่ค้นพบว่าใบหม่อนมีสรรพคุณในการช่วยลดความดันโลหิต ลดระดับคอเลสเตอรอล: […]