บัวกระด้งหรือบัววิคตอเรีย บัวกระด้งหรือบัววิคตอเรียเป็นพืชน้ำที่อยู่ในวงศ์ Nymphaeaceae มีถิ่นกำเนิดในอเมริกาใต้ โดยเฉพาะในประเทศบราซิลและโบลิเวีย พืชชนิดนี้มีใบขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยสามารถมีเส้นผ่านศูนย์กลางได้ถึง 3 เมตร และสามารถรับน้ำหนักได้ถึง 80 กิโลกรัม ลักษณะของบัวกระด้ง ใบของบัวกระด้งมีรูปร่างกลมหรือวงรีและขอบใบเป็นหยักฟันเลื่อยเล็กๆ ใบมีสีเขียวเข้มและมีเส้นใยที่แข็งแรง ซึ่งช่วยให้ใบสามารถรับน้ำหนักได้มาก โดยใบของบัวกระด้งมีอายุการใช้งานเพียงประมาณ 2 ถึง 3 สัปดาห์ ดอกของบัวกระด้งมีสีขาวและมีกลิ่นหอม ดอกมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 40 เซนติเมตร และมีกลีบดอกจำนวนมากกลีบ ดอกของบัวกระด้งจะบานเฉพาะในเวลากลางคืนและจะบานเพียงหนึ่งคืนเท่านั้น เหง้าของบัวกระด้งมีรูปร่างยาวและมีเส้นใยที่แข็งแรง เหง้าของบัวกระด้งมีหน้าที่ในการดูดซับสารอาหารจากน้ำและเป็นตัวเก็บสะสมอาหารสำหรับพืช รากของบัวกระด้งมีลักษณะเป็นเส้นยาวและมีขนอ่อนๆ รากของบัวกระด้งมีหน้าที่ในการยึดเกาะพืชไว้กับดินและดูดซับน้ำและสารอาหารจากน้ำ การปลูกและการดูแลบัวกระด้ง บัวกระด้งสามารถปลูกได้ในน้ำนิ่งหรือน้ำไหล โดยน้ำที่ใช้ปลูกบัวกระด้งควรมีค่า pH เป็นกลางถึงกรดเล็กน้อย และควรมีอุณหภูมิอยู่ระหว่าง 20 ถึง 28 องศาเซลเซียส บัวกระด้งต้องการแสงแดดเต็มวันและควรมีการใส่ปุ๋ยอย่างสม่ำเสมอ ประโยชน์ของบัวกระด้ง บัวกระด้งเป็นพืชที่มีความสวยงามและสามารถใช้เพื่อการประดับตกแต่งได้ บัวกระด้งยังสามารถใช้เป็นอาหารได้ โดยสามารถนำใบและดอกของบัวกระด้งมากินได้ ใบอ่อนของบัวกระด้งสามารถนำไปผัดหรือแกงได้ ส่วนดอกและเกสรของบัวกระด้งสามารถนำไปชงชาได้ ในบางประเทศมีการนำบัวกระด้งมาทำเป็นยาเพื่อรักษาโรคต่างๆ เช่น โรคผิวหนังและโรคบิด
Tag Archives: พืชไร่
บัวบกโขด/บัวบกโคก ไม้ป่าประดับยอดนิยม ใบทำวุ้น และสรรพคุณเด่น บัวบกโขด หรือ บัวบกโคก จัด เป็นไม้ป่าโบราณดึกดำบรรพ์ที่เพาะปลูกได้ในพื้นที่ร่มรื่น และเป็นไม้ประดับที่มีที่นิยมปลูกเลี้ยงกันมากในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นพืชที่เลี้ยงง่ายและ มีความสวยงาม มีวิธีการปลูกที่ไม่ยุ่งยาก อีกทั้งยังมีส่วนต่างๆสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทั้งใบและดอก ประโยชน์ด้านสุขภาพและความงาม บัวบกโขดมีสรรพคุณเด่นมากมาย โดยใบสามารถนำไปรับประทานเพื่อช่วยในการบำรุงสายตา เนื่องจากมีสารกลุ่มฟลาโวนอยด์ในปริมาณสูง และ ยังมีประโยชน์ในการช่วยบำรุงผิวพรรณและฆ่าเชื้อโรค นอกจากนี้ยังสามารถช่วยรักษาอาการท้องร่วงและอาการปวดท้องได้อีกด้วย ประโยชน์ในการประดับตกแต่ง บัวบกโขดนิยมปลูกเป็นไม้ประดับ เนื่องจากเป็นพืชที่เลี้ยงง่าย และมีการเจริญเติบโตค่อนข้างรวดเร็ว สามารถปลูกได้ทั้งในดินร่วนและดินทราย โดยมีความสูงของลำต้นระหว่าง 1–5 เมตร และมีดอกสีชมพูสดใสที่สวยงาม ทำให้เป็นไม้ที่เหมาะสำหรับปลูกเพื่อตกแต่งบริเวณบ้านเรือน หรือสำหรับนักจัดสวนที่ชื่นชอบไม้ป่าโบราณดึกดำบรรพ์ วิธีการปลูก การปลูกบัวบกโขดสามารถทำได้ง่ายๆ โดยการนำหน่อหรือรากของบัวบกโขดมาปลูกลงในหลุมที่มีความลึกประมาณ 15-20 เซนติเมตร และเว้นระยะห่างระหว่างหลุมประมาณ 30-50 เซนติเมตร จากนั้นรดน้ำให้ชุ่มและหมั่นดูแลให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยบัวบกโขดชอบดินที่มีความชื้นสูง จึงเหมาะกับการปลูกในพื้นที่ร่มรื่น การดูแลรักษา การดูแลรักษาบัวบกโขดนั้นไม่ยุ่งยากเพียงแค่หมั่นรดน้ำให้ชุ่มอยู่เสมอ และใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเป็นครั้งคราวก็เพียงพอแล้ว สรุป บัวบกโขด/บัวบกโคก เป็นไม้ป่าโบราณดึกดำบรรพ์ที่สวยงาม และมีประโยชน์มากมาย เนื่องจากมีสรรพคุณทางยาในการ ช่วยบำรุงสายตา บำรุงผิวพรรณ ฆ่าเชื้อโรค และช่วยรักษาอาการท้องร่วงและอาการปวดท้องได้ […]
พลู ใบพลู ประโยชน์ และสรรพคุณพลู พลู เป็นพืชในวงศ์ Piperaceae มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Piper betel L. มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบได้ทั่วไปในป่าและบริเวณที่มีความชื้นสูง ใบพลูมีลักษณะเป็นรูปหัวใจ สีเขียว เป็นพืชล้มลุกที่มีอายุหลายปี มีความสูงประมาณ 1-2 เมตร ใบพลูมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ประโยชน์ของพลู ใช้เป็นเครื่องเทศในการปรุงอาหาร โดยใช้ใบพลูเป็นเครื่องแกงต่างๆ เช่น แกงเขียวหวาน แกงเผ็ด แกงพะแนง เป็นต้น ใช้เป็นยาสมุนไพร โดยใช้ใบพลูรักษาอาการเจ็บคอ แก้ไอ ขับเสมหะ แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ และใช้รักษาโรคผิวหนัง ใช้เป็นเครื่องประดับ โดยใช้ใบพลูห่อดอกไม้และใบตองใช้สำหรับการไหว้พระ หรือการประดับตกแต่งบ้านเรือน สรรพคุณพลู แก้เจ็บคอ แก้ไอ ขับเสมหะ โดยใช้ใบพลู 10 ใบ ตำผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา กินก่อนนอนทุกวัน แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ โดยใช้ใบพลู 10 ใบ ตำผสมกับเกลือ […]
ว่านหางจระเข้ ว่านหางจระเข้เป็นพืชพื้นเมืองในแถบแอฟริกาและเอเชีย มีลักษณะเป็นพืชล้มลุกอายุหลายปี ลำต้นอวบน้ำเป็นข้อๆ มีใบยาวและแหลม สีเขียวเข้ม ขอบใบมีหนามเล็กๆ ดอกเป็นสีเหลืองอ่อน ออกเป็นช่อที่ปลายก้านช่อดอก ผลเป็นแบบผลแห้ง แก่แล้วแตกออกเป็นสามเหลี่ยม มีเมล็ดจำนวนมากอยู่ภายใน ว่านหางจระเข้มีสรรพคุณทางยาหลายประการ เช่น แก้แผลอักเสบและแผลไหม้ โดยนำวุ้นว่านหางจระเข้มาทาบริเวณที่เป็นแผล จะช่วยลดอาการปวดแสบปวดร้อนและเร่งให้แผลหายเร็วขึ้น รักษาสิว โดยนำวุ้นว่านหางจระเข้มาทาบริเวณที่เป็นสิว จะช่วยลดการอักเสบและฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว บำรุงผิวพรรณ โดยนำวุ้นว่านหางจระเข้มาผสมกับน้ำผึ้งหรือโยเกิร์ตแล้วนำมาพอกหน้า จะช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและเปล่งปลั่ง รักษาอาการท้องผูก โดยนำวุ้นว่านหางจระเข้มาปั่นผสมกับน้ำผึ้งแล้วดื่ม จะช่วยให้ขับถ่ายได้ง่ายขึ้น ลดน้ำตาลในเลือด โดยนำวุ้นว่านหางจระเข้มาปั่นผสมกับน้ำมะนาวแล้วดื่ม จะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ การปลูกว่านหางจระเข้ ว่านหางจระเข้สามารถปลูกได้ทั้งในดินและในน้ำ โดยมีวิธีการปลูกดังนี้ การปลูกในดิน เลือกพื้นที่ปลูกที่มีดินร่วนซุยและระบายน้ำได้ดี ขุดหลุมปลูกลึกประมาณ 30 เซนติเมตร กว้างประมาณ 30 เซนติเมตร ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักลงไปในหลุมปลูกแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน นำต้นว่านหางจระเข้ลงปลูกในหลุมปลูกแล้วกลบดินให้แน่น รดน้ำให้ชุ่ม การปลูกในน้ำ เลือกภาชนะปลูกที่มีขนาดใหญ่พอเหมาะ ใส่หินหรือกรวดลงไปที่ก้นภาชนะปลูก เติมน้ำลงไปในภาชนะปลูกจนเกือบเต็ม นำต้นว่านหางจระเข้ลงปลูกในภาชนะปลูกแล้วเติมน้ำให้เต็ม เปลี่ยนน้ำทุกสัปดาห์
ผักโขม ผักโขมเป็นผักใบเขียวที่อุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะวิตามินเค วิตามินเอ และแมกนีเซียม นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงซึ่งช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย. ประโยชน์ของการกินผักโขม ผักโขมนั้นมีประโยชน์ต่างๆ มากมายต่อร่างกาย ดังนี้ ช่วยให้มีสุขภาพดวงตาดี เนื่องจากผักโขมมีลูทีนและซีแซนทีนซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องดวงตาจากรังสียูวีและช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม ช่วยให้หัวใจแข็งแรง เพราะผักโขมมีโฟเลตซึ่งเป็นวิตามินที่จำเป็นต่อการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงและช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เนื่องจากผักโขมมีวิตามินซีสูงซึ่งเป็นวิตามินที่จำเป็นต่อการสร้างคอลลาเจนและช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง ผักโขมมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงซึ่งช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งได้ ช่วยให้ผิวสวย เนื่องจากผักโขมมีวิตามินเอสูงซึ่งเป็นวิตามินที่จำเป็นต่อการสร้างคอลลาเจนและช่วยบำรุงผิวให้แข็งแรง การปลูกผักโขม ผักโขมสามารถปลูกได้ในดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำดี มีค่า pH ระหว่าง 6-7 และได้รับแสงแดดอย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อวัน เตรียมดินโดยไถพรวนและใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก หว่านเมล็ดผักโขมลงในแปลงปลูกแล้วกลบด้วยดินบางๆ รดน้ำให้ทั่วบริเวณแปลงปลูก เมื่อผักโขมโตขึ้นให้ถอนแยกต้นที่อยู่ใกล้กันออกเพื่อให้มีพื้นที่เจริญเติบโต รดน้ำสม่ำเสมอและใส่ปุ๋ยทุกๆ 2-3 สัปดาห์ เมื่อผักโขมโตเต็มที่จะมีใบสีเขียวเข้มและสามารถเก็บเกี่ยวได้
ตะไคร้ต้น คืออะไร ตะไคร้ต้น เป็นพืชล้มลุก มีอายุอยู่ได้หลายปี ลำต้นสูงตรง มีเหง้าอยู่ใต้ดิน ลำต้นและใบมีกลิ่นหอม ใบมีลักษณะเรียวยาว ปลายใบแหลม ดอกมีสีขาวหรือสีชมพูอ่อน ออกเป็นช่อที่ปลายยอด ใช้เป็นเครื่องเทศปรุงอาหาร ช่วยดับกลิ่นคาว แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ขับลม ขับเสมหะ ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของตะไคร้ต้น ชื่อวิทยาศาสตร์: Cymbopogon citratus วงศ์: Poaceae ชื่อสามัญ: Lemongrass, Lemon grass ลักษณะทั่วไป: เป็นพืชล้มลุก อายุหลายปี ลำต้นสูงตรง มีกลิ่นหอม จัดอยู่ในวงศ์หญ้า ใบ: ใบเดี่ยว เรียงสลับ แผ่นใบยาวเรียว ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบเป็นคลื่นเล็กน้อย มีสีเขียวถึงเขียวอมเทา ดอก: ออกเป็นช่อที่ปลายยอด ช่อดอกมีลักษณะเป็นทรงกระบอก โคนช่อดอกมีกาบหุ้มซ้อน 3 ใบ กลีบรองกลีบดอกมี 2 กลีบ มีขนาดใกล้เคียงกัน กลีบดอกมี 1 กลีบ […]
ชะพลู ชะพลูเป็นพืชล้มลุกที่มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในประเทศไทยพบชะพลูขึ้นทั่วไปตามป่าโปร่งและริมลำธาร ลำคลอง ชะพลูมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Piper lolot และมีชื่ออื่น ๆ เรียกอีกว่า ผักพลู ใบพลู สรรพคุณของชะพลู ชะพลูมีสรรพคุณทางยาหลายประการ ได้แก่ แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย แก้ปวดท้อง แก้ท้องเสีย แก้แผลในกระเพาะอาหาร แก้โรคกระเพาะอาหารอักเสบ แก้โรคลำไส้ใหญ่อักเสบ แก้โรคลำไส้แปรปรวน แก้โรคริดสีดวงทวาร แก้ปวดฟัน แก้ปวดเหงือก แก้เจ็บคอ แก้ไอ แก้หอบหืด แก้ไข้หวัด แก้ปวดหัว แก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย แก้ผิวหนังอักเสบ แก้แผลเปื่อย แก้โรคซิฟิลิส แก้โรคเบาหวาน แก้โรคมะเร็ง ประโยชน์ของชะพลู นอกจากสรรพคุณทางยาแล้ว ชะพลูยังมีประโยชน์อื่น ๆ อีก ได้แก่ ใช้ปรุงอาหาร ชะพลูเป็นผักที่มีรสชาติเผ็ดเล็กน้อย นิยมนำมาใช้เป็นเครื่องเคียงในอาหารต่าง ๆ เช่น ยำ ส้มตำ ลาบ น้ำพริก ผัดเผ็ด ฯลฯ […]
ถั่วแปะยี (Lab Lab Bean) ถั่วแปะยี หรือที่รู้จักกันในชื่อ ถั่วคว่ำ, ถั่วสองฤดู, ถั่วป้า หรือถั่วงอก (กรณีเป็นถั่วงอกจากถั่วแปะยี) เป็นพืชล้มลุกในสกุล Lablab ซึ่งเจริญเติบโตเป็นเถาวัลย์ ถิ่นกำเนิดอยู่ที่ทวีปแอฟริกา แต่ปัจจุบันพบปลูกในหลายพื้นที่ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ถั่วแปะยีมีทั้งชนิดที่กินได้และชนิดที่ใช้เป็นไม้ประดับ มีดอกสีขาวหรือม่วงและฝักที่ยาวและเรียวซึ่งมีเมล็ดอยู่ภายใน ประโยชน์และสรรพคุณของถั่วแปะยี ถั่วแปะยีเป็นพืชที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ทั้งยังมีสรรพคุณทางยาอีกมากมาย เช่น อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามินและแร่ธาตุ ถั่วแปะยีมีปริมาณโปรตีนสูงถึง 20-25% ซึ่งจัดเป็นโปรตีนที่สมบูรณ์และมีกรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วน นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินเค แมกนีเซียม โฟเลต และใยอาหาร ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด สารสกัดจากถั่วแปะยีมีฤทธิ์ยับยั้งการดูดซึมน้ำตาลกลูโคสในลำไส้เล็ก จึงช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ ช่วยลดความดันโลหิต สารสกัดจากถั่วแปะยีมีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ ACE ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มขึ้นของความดันโลหิต จึงช่วยลดความดันโลหิตได้ ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล สารสกัดจากถั่วแปะยีมีฤทธิ์ยับยั้งการดูดซึมคอเลสเตอรอลจากอาหาร และช่วยเพิ่มการขับถ่ายคอเลสเตอรอลออกจากร่างกาย จึงช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้ ช่วยลดน้ำหนัก ถั่วแปะยีมีปริมาณใยอาหารสูง ซึ่งช่วยให้รู้สึกอิ่มนานขึ้นและช่วยลดความอยากอาหาร จึงอาจช่วยลดน้ำหนักได้ ช่วยต้านมะเร็ง ถั่วแปะยีมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ จึงอาจช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งได้ ช่วยบำรุงผิวพรรณ ถั่วแปะยีมีวิตามินซีและอีสูง ซึ่งเป็นวิตามินที่ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งและมีสุขภาพดี […]
มะกอก/มะกอกป่า (Hog Plum) มะกอกหรือมะกอกป่า (แก้วมังกรม) เป็นผลไม้ท้องถิ่นที่พบได้ทั่วไปทุกภูมิภาค เหมาะปลู กทั้งเพื่อบริโภ ก หรือปลู กเพื่อขาย แต่เดิมเป็นผลไม้ป่า ต่อมาได้มีการนำมาปลู กในสวน โดยมะกอกมีส ถานะเป็นพืชในรั บการส่งเ รมหนุนของรัฐบาล หรือเรียกอีกอย่างว่าพืชเศรษฐกิจ ทั้งยังได้ประกาศให้มะกอกเป็ น 1 ใน 7 ไม้มงคล ครั้งแรกมีการค้นพบว่ามะกอ กบริบูรณ์ไปด้ วยสารต้านอนุมูล อิสระ จากผลการทดลองใน จานเพตรี พบว่าน้ำคั่นมะกอกมีฤทธิ์ยับยั่งเชื้ อแบคที เรีอคลิติน ถือเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้ วยสารต้านอนุมูล อิสระ เมื่อบริโภ ก ด้ วยปริมาณที่เหมาะสม จะสามารถคุ้มครองร่างกายให้หลุดพ้น จากโรคร ้ายต่างๆ ด้ วย ปัจจัยที่มียอ งค์ประกอบร่างกายแบ บปลอดสารพิษ นักโภชนาการเ นำนำว่าควรบริโภ กผลไม้ที่มีสารอาหารหลากหลายชนิดในปริมาณที่เหมาะสม อย่างมะกอก ที่ยังเป็ นแหล่งของโฟเลต […]
ว่านเศรษฐีเรือนนอก ว่านเศรษฐีเรือนนอก มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Tradescantia zebrina เป็นพืชใบสวยที่มีลายใบที่โดดเด่น โดยทั่วไปมีถิ่นกำเนิดในเม็กซิโกและอเมริกากลาง และสามารถพบได้ทั่วไปในประเทศไทย ประโยชน์ของว่านเศรษฐีเรือนนอก ว่านเศรษฐีเรือนนอกเป็นไม้ประดับที่มีความสวยงามด้วยลวดลายใบที่เป็นเอกลักษณ์ สามารถนำมาใช้ประดับตกแต่งทั้งภายในและภายนอกอาคารได้ ว่านเศรษฐีเรือนนอกเป็นพืชที่ดูแลง่าย เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุย ที่มีการระบายน้ำดี ว่านเศรษฐีเรือนนอกมีความสามารถในการฟอกอากาศได้ดี และยังช่วยเพิ่มความชื้นให้กับอากาศได้ ว่านเศรษฐีเรือนนอกมีสรรพคุณทางยา โดยสามารถใช้ใบในการรักษาแผลและโรคผิวหนังต่างๆ ได้ ความเป็นมงคลของว่านเศรษฐีเรือนนอก ว่านเศรษฐีเรือนนอกมีความเชื่อว่าเป็นไม้มงคล ช่วยเสริมโชคลาภและความร่ำรวยให้กับผู้ปลูก จึงเป็นที่นิยมนำมาปลูกไว้ในบ้านเรือนและสถานที่ทำงาน วิธีปลูกว่านเศรษฐีเรือนนอก การปลูกว่านเศรษฐีเรือนนอกสามารถทำได้ทั้งในดินและในน้ำ โดยวิธีการปลูกนั้นมีดังนี้ การปลูกในดิน เตรียมดินโดยผสมดินร่วน ทราย และปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตราส่วนที่เท่าๆ กัน จากนั้นนำต้นว่านเศรษฐีเรือนนอกมาปลูกในกระถางที่มีขนาดเหมาะสม การปลูกในน้ำ นำต้นว่านเศรษฐีเรือนนอกมาปักในภาชนะใส่น้ำสะอาด โดยให้ระดับน้ำอยู่ต่ำกว่าโคนต้นเล็กน้อย เปลี่ยนน้ำทุกๆ 1-2 สัปดาห์