เสาวรส/กะทกรกฝรั่ง เสาวรสหรือกะทกรกฝรั่ง เป็นผลไม้ตระกูลเดียวกับมะละกอและฟักข้าว มีลักษณะเป็นผลกลมแป้น เปลือกมีขนสั้นๆ มีหลายสายพันธุ์ ตั้งแต่ผลสีเขียวไปจนถึงสีม่วง เมื่อสุกจะมีรสชาติหวานอมเปรี้ยวที่มีเอกลักษณ์ เสาวรสมีประโยชน์และสรรพคุณมากมาย และยังเป็นผลไม้ที่ปลูกง่ายอีกด้วย ประโยชน์และสรรพคุณของเสาวรส อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ: เสาวรสอุดมไปด้วยวิตามิน C, วิตามิน A, โพแทสเซียม และแมกนีเซียม ซึ่งล้วนแต่เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง: เสาวรสมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น วิตามินซีและเบตาแคโรทีน ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ช่วยย่อยอาหาร: เสาวรสมีย่อยเอนไซม์ซึ่งช่วยในการย่อยอาหาร โดยเฉพาะการย่อยโปรตีน ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด: โพแทสเซียมในเสาวรสช่วยลดความดันโลหิต และวิตามินซีช่วยลดคอเลสเตอรอล ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน: วิตามินซีในเสาวรสช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันการติดเชื้อ มีฤทธิ์สงบประสาท: เสาวรสมีสารที่ออกฤทธิ์คล้ายยากล่อมประสาท จึงช่วยให้ผ่อนคลายและลดความเครียด ช่วยลดน้ำหนัก: เสาวรสมีแคลอรีต่ำและมีไฟเบอร์สูง จึงช่วยให้อิ่มท้องได้นานและช่วยลดน้ำหนัก การปลูกเสาวรส เสาวรสเป็นไม้เถาที่ปลูกง่าย สามารถปลูกได้ทั้งในดินและในกระถาง การเตรียมดิน ดินที่เหมาะสำหรับปลูกเสาวรสควรเป็นดินร่วนซุยและระบายน้ำได้ดี ปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก เพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ การปลูก ขุดหลุมปลูกขนาด 50×50 ซม. เว้นระยะห่างระหว่างหลุมประมาณ 2-3 เมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก นำต้นกล้าเสาวรสลงปลูกในหลุม กลบดินและกดให้แน่น […]
Tag Archives: พืชผัก
ผักคะน้า ผักคะน้า (Brassica oleracea var. alboglabra) เป็นพืชผักชนิดหนึ่งในวงศ์ผักกาด (Brassicaceae) มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน ผักคะน้าเป็นพืชล้มลุกที่มีอายุ 1-2 ปี ลำต้นตั้งตรง สูงได้ถึง 1 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยว รูปไข่หรือรูปขอบขนาน มีหยักเว้าลึก ขอบใบหยักเป็นฟันเลื่อย ดอกมีสีเหลืองอ่อน ออกเป็นช่อที่ปลายยอด ผลเป็นฝักยาวและแบน เมล็ดมีขนาดเล็กและมีสีดำ การปลูกคะน้า ผักคะน้าเป็นพืชที่ปลูกง่าย สามารถปลูกได้ในดินแทบทุกชนิด แต่จะเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุยที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง ควรเตรียมดินโดยการไถพรวนและใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก จากนั้นจึงหยอดเมล็ดลงไปในหลุมที่เตรียมไว้ ควรรดน้ำให้ชุ่มและพรางแสงแดดในช่วงแรก หลังจากนั้นให้รดน้ำและใส่ปุ๋ยสม่ำเสมอ ผักคะน้าจะเริ่มเก็บเกี่ยวได้หลังจากปลูกประมาณ 60-70 วัน ประโยชน์ของผักคะน้า ผักคะน้ามีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ เช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินเค แคลเซียม แมกนีเซียม และโพแทสเซียม ผักคะน้ามีสรรพคุณทางยาช่วยบำรุงสายตา บำรุงกระดูกและฟัน ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน ช่วยขับปัสสาวะ บำรุงหัวใจ และป้องกันโรคมะเร็ง ศัตรูพืชและโรคของผักคะน้า ผักคะน้าอาจถูกทำลายโดยศัตรูพืชและโรคต่างๆ เช่น เพลี้ยอ่อน […]
หงส์เหิน/ดอกเข้าพรรษา ดอกหงส์เหิน ใช้ประโยชน์ได้ทั้งลำต้น กิ่งใบ ดอก และราก ด้วยวิธีการนำมาต้มเป็นน้ำดื่ม เพื่อรักษาโรคต่างๆ มากมาย โดยส่วนต่างๆ ของหงส์เหินประกอบด้วยสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ที่สำคัญ คือ ฟลาโวนอยด์ แทนนิน และอัลคาลอยด์ ซึ่งสามารถช่วยรักษาธาตุในร่างกายให้สมดุล ช่วยทำให้เจริญอาหาร และช่วยลดความดันโลหิตได้ และยังมีสรรพคุณในด้านการรักษาอื่นๆ อีกด้วย สรรพคุณของหงส์เหิน หงส์เหินมีสรรพคุณทางยามากมาย ดังนี้ ช่วยลดความดัน โลหิตสูง ด้วยการนำเอาดอกมาต้มดื่ม ช่วยในการบำรุงกำลัง โดยการนำรากมาต้มดื่ม ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อย โดยการให้เอาดอกสดมาโขลกแล้วพอกบริเวณที่ปวด ช่วยในการรักษาโรคไข้จับสั่น ช่วยบรรเทาอาการปัสสาวะขัด โดยการนำเปลือกไม้มาต้มดื่ม ช่วยบรรเทาอาการไอ แก้ไอ โดยการใบและรากมาต้มดื่ม ช่วยแก้อาการท้องร่วง โดยการเอาดอกมาต้มดื่ม ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรงมากยิ่งขึ้น ช่วยในเรื่องผิวพรรณ ช่วยทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส ลดริ้วรอยต่างๆ วิธีปลูกหงส์เหิน เตรียมดิน: หงส์เหินชอบดินที่ร่วนซุย มีความชื้นระดับปานกลาง และมีการระบายน้ำที่ดี ปักกิ่ง: เลือกกิ่งตอนหรือกิ่งทาบของหงส์เหินที่มีความสมบูรณ์แข็งแรง ปักลงในดินให้กิ่งมิดประมาณ 2/3 […]
คะน้าใบหยิก (Curly Kale) ราชินีแห่งผักใบเขียว ผักเคล (Kale) หรือคะน้าใบหยิกเป็นผักใบสีเขียวเข้มชนิดหนึ่งที่มีรูปร่างหยิกหยักคล้ายใบไม้อื่นๆ มีแหล่งกำเนิดในแถบยุโรป นิยมปลูในสวนทั่วไป มีสภาพที่นิยมปลูคือกลางคืนเย็น กลางวันอบอุ่น สาเหตุที่คะน้าชนิดนี้นิยมรับประทับนอกเหนือไปสวนรสชาติของมันที่ออกจะขม หืนๆ แต่กลับได้มาซึ่งสภาพโภชนาการที่สูงยิ่งๆ โดยสภาพโภชนาการของคะน้าใบหยิกได้แก่ วิตามินเอ วิตามินบี 2 หรือที่รู้ในชื่อไรโบเฟลวิน วิตามินบี 9 หรือโฟเลต วิตามินบี 6 วิตามินบี 3 หรือไนอะซิน แมกนีเซียม โพแทสเซียม แคลเซี่ยม วิตามินเอ วิตามินบี 1 หรือไทอามีน วิตามินบี 5 หรือ Pantothenic Acid, วิตามินC, คาร์โบไฮเดรต โปรตีน สารอาหารไฟเบรแปลน ฟอสฟอรัส แมงกานีส ซีลีเนียม ฯลฯ การศึกษาวิจัยที่ผ่านมาพบว่า คุณประการทางโภชนาการของผักหรือพืชผักนั้นมีหลากหลายชนิด ซึ่งถ้าเราศึกษลึลงไปในหน่วยที่ลึดลง เราอาจจะได้ค้นพบนานาประการในหน่วยที่เล็ลงที่ไม่จำเป็นปรากฎสิทธิ์ทางโภชนาการอันต่างๆในผู้บริโภคโดยตรง เมื่อเราศึกษลึลงไปในผักเคลหรือคะน้าใบหยิก ผู้ศึกษาวิจัยได้ค้นพบว่าผักเคลมีสารต้านอนุมูลอย่างฟลาวโนล เอพิกัลกาเตชิน ซึ่งสามารถยับยันสารอนุมูลที่มีหมายสร้างมะเร็งโดยตรง […]
ต้นจาก (Arenga Pinnata) ต้นจากเป็นต้นไม้ที่พบได้ทั่วไปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ ต้นจากมีลำต้นสูงใหญ่และมีหนามแหลมปกคลุมอยู่ทั่วทั้งต้น ใบของต้นจากมีลักษณะเป็นใบประกอบแบบขนนก มีขนาดใหญ่และมีสีเขียวเข้ม ผลของต้นจากมีลักษณะเป็นผลกลมเล็กๆ มีสีดำหรือสีน้ำตาลแดง เมื่อสุกแล้วจะมีกลิ่นหอมหวาน ประโยชน์ต้นจาก อาหารและเครื่องดื่ม: น้ำตาลจาก: ได้มาจากการหมักน้ำหวานจากช่อดอกจาก น้ำตาลจากมีรสชาติหวาน หอม และอุดมไปด้วยแคลเซียม โพแทสเซียม และแมกนีเซียม น้ำมันจาก: ได้มาจากการสกัดเมล็ดจาก น้ำมันจากมีคุณสมบัติที่หลากหลาย เช่น บำรุงผิว บำรุงผม ยาและสมุนไพร: รากและลำต้นของต้นจากมีสรรพคุณในการขับปัสสาวะ แก้พิษร้อน แก้ไข้ และขับลม ใบของต้นจากมีสรรพคุณในการแก้ท้องเดิน แก้บิด และรักษาบาดแผล วัสดุธรรมชาติ: ใบและกาบของต้นจากสามารถนำมาใช้มุงหลังคา ทำเสื่อ ทำกระจาด และทำเครื่องจักสานต่างๆ ลำต้นของต้นจากสามารถนำมาใช้สร้างบ้านเรือนและทำเฟอร์นิเจอร์ อื่นๆ: ต้นจากเป็นแหล่งอาหารและที่พักพิงให้กับสัตว์ป่าต่างๆ เช่น นกและกระรอก ต้นจากช่วยป้องกันการกัดเซาะของดินและรักษาความชื้นในดิน ต้นจากเป็นต้นไม้ที่สวยงามและเป็นที่นิยมปลูกเพื่อการตกแต่ง
ชะพลู: สรรพคุณและประโยชน์ ชะพลูเป็นพืชล้มลุกอายุปีเดียวในวงศ์กะเพรา มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปกติจะปลูกเป็นพืชล้มลุก แต่มันสามารถกลายเป็นไม้ยืนต้นได้หากสภาพแวดล้อมเอื้ออำนวย ชะพลูมีลำต้นสีเขียวอ่อน สูงได้ถึง 1 เมตร ใบมีกลิ่นหอม ลักษณะเป็นใบเดี่ยว รูปไข่แกมขอบขนาน ขอบใบหยักเป็นซี่ฟัน ดอกมีขนาดเล็ก สีขาวหรือสีชมพูอ่อน ผลมีขนาดเล็ก สีดำ ชะพลูเป็นพืชที่ปลูกง่าย ขึ้นได้ในดินทุกประเภท ชอบดินร่วนซุย ระบายน้ำดี แสงแดดจัด ต้องการน้ำปานกลาง สรรพคุณของชะพลู ช่วยขับลม แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ชะพลูมีสารไกลโคไซด์ ซึ่งช่วยกระตุ้นการบีบตัวของกล้ามเนื้อลำไส้ ช่วยขับลมและบรรเทาอาการท้องอืดท้องเฟ้อได้ ช่วยเจริญอาหาร ชะพลูมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวที่ช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร และช่วยย่อยอาหารได้ดีขึ้น ช่วยแก้อาการท้องเสีย ชะพลูมีสารแทนนิน ซึ่งมีฤทธิ์ฝาดสมาน ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของอาการท้องเสีย และช่วยบรรเทาอาการท้องร่วงได้ ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร ชะพลูมีสารโพลีฟีนอล ซึ่งมีฤทธิ์ต้านการอักเสบและช่วยสมานแผล ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารได้ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ชะพลูมีสารไกลโคไซด์ ซึ่งช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ ช่วยป้องกันโรคเบาหวานได้ ช่วยลดความดันโลหิตสูง ชะพลูมีสารโพแทสเซียมสูง ซึ่งช่วยลดความดันโลหิตได้ ช่วยขับปัสสาวะ ชะพลูมีฤทธิ์เป็นยาขับปัสสาวะ ช่วยขับปัสสาวะได้มากขึ้น ช่วยป้องกันการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะได้ ช่วยบำรุงผิวพรรณ ชะพลูมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง […]
ผักหนาม ผักป่า ใบกรอบหวาน และสรรพคุณ ผักหนามเป็นผักพื้นบ้านที่มีรสชาติหวานกรอบ และมีสรรพคุณทางยาอีกด้วย ผักหนามสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู เช่น แกงจืดผักหนาม ผัดผักหนามน้ำมันหอย ผักหนามชุบแป้งทอด เป็นต้น สรรพคุณของผักหนาม ช่วยลดความดันโลหิตสูง สารสกัดจากผักหนามมีฤทธิ์ช่วยลดความดันโลหิตสูงได้ โดยกลไกการขยายตัวของหลอดเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด มีการศึกษาที่พบว่าสารสกัดจากผักหนามสามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ โดยกลไกการยับยั้งการดูดซึมน้ำตาลจากอาหาร ช่วยต้านมะเร็ง ผักหนามมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์จากการถูกทำลาย โดยเฉพาะเซลล์มะเร็ง จึงช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งได้ ช่วยบำรุงสายตา ผักหนามอุดมไปด้วยวิตามินเอ ซึ่งเป็นวิตามินที่จำเป็นสำหรับการมองเห็น ช่วยป้องกันโรคตาบอดกลางคืนและช่วยรักษาโรคตาแห้ง ช่วยบำรุงผิวพรรณ ผักหนามมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องผิวจากการถูกทำลาย ช่วยทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส ช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหาร ผักหนามมีฤทธิ์ช่วยบรรเทาอาการปวดท้องและท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหารได้ ช่วยรักษาโรคลำไส้ใหญ่ ผักหนามมีกากใยสูง ช่วยเพิ่มการขับถ่ายและป้องกันโรคลำไส้ใหญ่อักเสบ ผักหนามเป็นผักที่มีสรรพคุณทางยาหลากหลาย นอกจากนี้ยังเป็นผักที่หาได้ง่ายและมีราคาถูก จึงเหมาะสำหรับการนำมารับประทานเป็นประจำ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาสุขภาพด้านความดันโลหิตสูง เบาหวาน และโรคกระเพาะอาหาร
แมงลัก/ใบแมงลัก (hairy Basil) แมงลักหรือใบแมงลัก[ชื่อวิทยาศาสตร์:Ocimum basilicum var. thyrsiflora (Benth.) Baker] เป็นพืชล้มลุกอายุปีเดียวในวงศ์กะเพรา (Lamiaceae) มีถิ่นกำเนิดในอินเดีย พบได้ในภูมิอากาศเขตร้อนและอากาศร้อนชื้นทั่วโลก กลายเป็นวัฒนธรรมประจำถิ่นในหลายพื้นที่แล้ว แมงลักเป็นส่วนสำคัญของอาหารหลายชนิดจากทั่วโลก เนื่องจากใบมีกลิ่นแรงและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ สรรพคุณของแมงลัก ช่วยรักษาโรคผิวหนังต่างๆ เช่น สิว ฝ้า กระ ความคันผดผื่น รวมทั้งรักษาแผลหนองได้ด้วย ลดระดับน้ำตาลในเลือด และลดความเสี่ยงมะเร็งด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ รักษาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ ด้วยการนำใบแมงลักมาต้มกับน้ำ แล้วนำน้ำนั้นมารับประทานครั้งละ 1/2 แก้ว ช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และยับยั้งความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร ทั้งยังช่วยกระตุ้นการขับถ่ายได้ด้วย ประโยชน์ของแมงลักในด้านการบำรุงร่างกาย แมงลักมีวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงและรักษาสายตา ช่วยบำรุงเลือดและช่วยรักษาโรคโลหิตจางได้ด้วย การปลูกแมงลัก การเลือกพื้นที่ปลูกแมงลัก : แมงลักเป็นพืชที่ไม่ชอบน้ำขัง ดังนั้นควรเลือกพื้นที่ปลูกที่ระบายน้ำได้ดี โดยดินที่มีความเป็นกรดเป็นด่างอยู่ระหว่าง 6.5-7.5 ซึ่งเป็นช่วงค่าความเป็นกรดเป็นด่างที่เหมาะสำหรับการปลูกแมงลัก การเตรียมดินปลูกแมงลัก : ไถดินให้ลึกประมาณ 20-30 ซม จากนั้นใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตรา 1-2 ตันต่อไร่ […]
โสน โสน เป็นพืชล้มลุก ต้นสูงประมาณ 1-2 เมตร ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อยประมาณ 10-20 คู่ ดอกเป็นดอกช่อ สีเหลืองสดหรือเหลืองอ่อน ออกที่ปลายกิ่ง ผลเป็นฝักแบน ยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร ภายในมีเมล็ดจำนวนมาก สรรพคุณของโสน โสนมีสรรพคุณทางยาหลายประการ เช่น แก้ไข้ตัวร้อน แก้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ แก้ปวดศีรษะ แก้ท้องเสีย แก้ท้องร่วง แก้บิด แก้พยาธิ แก้พิษงู แก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย รักษาแผลติดเชื้อ บำรุงผิวพรรณ แก้วิงเวียนศีรษะ แก้เมารถ เมาเรือ การปลูกโสน โสนสามารถปลูกได้ในดินทุกประเภท แต่เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุยที่มีความชื้นสูง ขั้นตอนการปลูกโสนมีดังนี้ เตรียมดินโดยไถพรวนและใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก หว่านเมล็ดโสนลงไปในแปลงปลูก กดเมล็ดให้ติดกับดินเล็กน้อยแล้วรดน้ำให้ชุ่ม ดูแลรักษาต้นโสนโดยรดน้ำสม่ำเสมอและกำจัดวัชพืชออกจากแปลงปลูก ประมาณ 2-3 เดือน โสนจะเริ่มออกดอกและสามารถเก็บผลผลิตได้ ข้อควรระวังในการใช้โสน 雖然โสนมีสรรพคุณทางยาหลายประการ แต่ก็ไม่ควรใช้ในปริมาณมากหรือเป็นเวลานาน เนื่องจากอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน […]
แห้ว/แห้วจีน ประโยชน์ สรรพคุณ และการปลูกแห้ว ประโยชน์และสรรพคุณแห้ว/แห้วจีน แก้ร้อนใน คอแห้ง กระหายน้ำ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง ช่วยบำรุงสายตา ช่วยล้างสารพิษในตับ ขับปัสสาวะ บรรเทาอาการปัสสาวะขัด ช่วยลดความดันโลหิตสูง ช่วยบรรเทาอาการปวดหัว ช่วยบำรุงกำลังให้แก่ร่างกาย ช่วยแก้อาการเมาค้าง ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ช่วยบรรเทาอาการหวัด ไอ เจ็บคอ การปลูกแห้ว/แห้วจีน เตรียมดิน ให้ดินร่วนซุย มีความเป็นกรด-ด่างเป็นกลางหรือต่ำ ขยายพันธุ์แห้วโดยการเพาะเมล็ด หรือการใช้หน่อแห้ว ปลูกแห้วในช่วงเริ่มฤดูฝน ให้ความชื้นแก่แห้วโดยการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักให้กับแห้วทุกๆ 1-2 เดือน กำจัดวัชพืชในแปลงแห้วอย่างสม่ำเสมอ เก็บเกี่ยวแห้วเมื่อมีอายุประมาณ 7-8 เดือนนับจากวันปลูก