ชมพู่มะเหมี่ยว มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Syzygium oleosum Wall. ex Kurz ชื่ออื่นๆ ได้แก่ มะเหมี่ยว มะปรังพร้า เหมี่ยวดำ รากเป็นเชื้อรา มะเหมี่ยวลิง สรรพคุณ ผล ผลอ่อนรสเปรี้ยวฝาด เมื่อสุกแล้วมีรสหวานอมเปรี้ยว แก้กระหายน้ำ ขับเสมหะ แก้ไอ แก้บิด ลำไส้อักเสบ ปวดท้อง ถ่ายเป็นมูกเลือด เมล็ด แก้ธาตุพิการ แก้บิด ขับเสมหะ แก้ไอ ใบ ช่วยเจริญอาหาร แก้ไข้ บำรุงครรภ์ ขับน้ำนม เปลือกต้น แก้ไข้ แก้อาการปวดท้อง ถ่ายเป็นเลือด โรคบิด ราก ช่วยเจริญอาหาร บำรุงครรภ์ แก้ไอ แก้เลือดกำเดาไหล แก้ปวดท้อง ลำไส้อักเสบ วิธีปลูกชมพู่มะเหมี่ยว สามารถขยายพันธุ์ได้โดยเมล็ด ปักชำกิ่งตอนกิ่ง หรือติดตา เจริญเติบโตได้ดีในดินที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง แต่ควร ร่วนซุยระบายน้ำดี เพราะไม่ชอบน้ำขัง […]
Tag Archives: ข้าว
โลดทะนงแดง คืออะไร โลดทะนงแดง หรือ มังคุดทะเล เป็นผลไม้ตระกูลเดียวกับมังคุด ผิวเปลือกสีแดงสด ผลกลมรี มีเมล็ดใหญ่ 1 เมล็ด แหล่งกำเนิดอยู่ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศไทย ลาว และเวียดนาม สรรพคุณของโลดทะนงแดง โลดทะนงแดงมีสรรพคุณทางยาหลายประการ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีมาตั้งแต่โบราณ ดังนี้ 1. ช่วยบำรุงผิวพรรณให้ขาวกระจ่างใส โลดทะนงแดงมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง จึงช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว ทำให้ผิวพรรณแลดูอ่อนเยาว์ และสดใสยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดริ้วรอย จุดด่างดำ และความหมองคล้ำบนใบหน้าให้ดูจางลงอีกด้วย 2. ช่วยขัดเซลล์ผิวและลดรอยหมองคล้ำ ด้วยเนื้อสัมผัสของเปลือกโลดทะนงแดงที่มีความหยาบเล็กน้อย จึงสามารถนำมาใช้เป็นสครับขัดเซลล์ผิวได้ โดยช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วออกอย่างอ่อนโยน เผยผิวใหม่ที่สดใสเปล่งปลั่ง พร้อมทั้งช่วยลดรอยหมองคล้ำที่เกิดจากสิว ฝ้า หรือแผลเป็นได้อีกด้วย 3. ช่วยรักษาสิวและอาการอักเสบของผิวหนัง โลดทะนงแดงมีฤทธิ์ในการต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา จึงช่วยรักษาสิวและอาการอักเสบของผิวหนังได้เป็นอย่างดี 4. ช่วยบรรเทาอาการท้องเสียและอาการปวดท้อง เปลือกโลดทะนงแดงมีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการท้องเสียและอาการปวดท้องได้ โดยนำเปลือกโลดทะนงแดงมาต้มกับน้ำแล้วดื่ม 5. ช่วยแก้อาการแพ้และอาการคัน เปลือกโลดทะนงแดงมีสรรพคุณแก้พิษและช่วยลดอาการแพ้ได้ โดยนำเปลือกโลดทะนงแดงมาต้มกับน้ำแล้วใช้สำลีชุบน้ำมาประคบบริเวณผิวหนังที่แพ้ 6. ช่วยบรรเทาอาการปวดข้อและโรคกระดูก เปลือกโลดทะนงแดงมีสรรพคุณช่วยลดอาการปวดข้อและบรรเทาอาการโรคกระดูกต่างๆ ได้ 7. ช่วยบำรุงสุขภาพหัวใจ […]
พะยอม (White Meranti) พะยอม เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ มีความสูงได้ถึง 30 เมตร ลำต้นตรง เปลือกต้นเป็นสีน้ำตาลอ่อน ใบเป็นใบเดี่ยว ออกตรงข้ามกัน รูปไข่หรือรูปขอบขนาน กว้าง 5-10 เซนติเมตร ยาว 10-20 เซนติเมตร ดอกเป็นดอกช่อ ออกตามซอกใบหรือปลายกิ่ง ดอกย่อยเป็นสีขาวหรือสีชมพูอ่อน ผลเป็นผลแห้ง แตกได้ ภายในมีเมล็ดเล็กๆ จำนวนมาก ประโยชน์ของพะยอม เนื้อไม้ของพะยอมมีสีขาวนวล มีความแข็งแรง ทนทาน ต่อการผุพังและแมลงกินไม้ได้ดี นิยมนำมาใช้ในการก่อสร้างและทำเฟอร์นิเจอร์ รวมทั้งใช้ในงานตกแต่งภายในและภายนอกอาคาร ใบของพะยอมมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความแก่และปกป้องเซลล์จากความเสียหาย เปลือกของพะยอมมีสรรพคุณทางยา ช่วยลดไข้ แก้ปวด บำรุงหัวใจ และรักษาโรคผิวหนัง เมล็ดของพะยอมมีน้ำมันที่ใช้ในการทำสบู่และเครื่องสำอาง สรรพคุณของพะยอม เนื้อไม้ของพะยอมมีสรรพคุณช่วยบำรุงร่างกาย แก้ไข้ แก้ปวด และรักษาโรคผิวหนัง ใบของพะยอมมีสรรพคุณช่วยลดไข้ แก้ปวด แก้ไอ และขับเสมหะ เปลือกของพะยอมมีสรรพคุณช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหาร แก้ท้องเสีย และรักษาโรคผิวหนัง เมล็ดของพะยอมมีสรรพคุณช่วยรักษาโรคตับและโรคไต ยางของพะยอมมีสรรพคุณช่วยสมานแผลและฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
ชะคราม ชะคราม (Terminalia Chebula) เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ จัดอยู่ในตระกูล Combretaceae ลักษณะต้นเป็นทรงพุ่มแผ่อกว้างสูงประมาณ 10-25 เมตร ซึ่งกิ่งก้านสาขามีหนามแหลม พบได้ทั่วไปในภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย ชะครามเป็นหนึ่งในสมุนไพรสำคัญในการแพทย์แผนไทยที่มีการนำมาใช้มายาวนาน โดยพบว่ามีสรรพคุณมากมาย ประโยชน์และสรรพคุณชะคราม ชะครามมีประโยชน์และสรรพคุณที่หลากหลาย โดยเฉพาะในด้านการรักษาสุขภาพ โดยมีสรรพคุณที่สำคัญดังนี้ แก้อาการท้องผูก: ชะครามมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยให้ขับถ่ายได้ง่ายขึ้น โดยไม่ทำให้เกิดอาการปวดท้องหรือคลื่นไส้ รักษาโรคบิด: ชะครามมีฤทธิ์ต้านการอักเสบและช่วยรักษาแผลในกระเพาะลำไส้ จึงช่วยบรรเทาอาการท้องเสียและโรคบิดได้ รักษาโรคริดสีดวงจมูก: ชะครามมีฤทธิ์ฝาดสมานและช่วยห้ามเลือด จึงช่วยบรรเทาอาการเลือดกำเดาไหลและโรคริดสีดวงจมูกได้ รักษาโรคผิวหนัง: ชะครามมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา จึงช่วยรักษาโรคผิวหนังต่างๆ เช่น กลาก เกลื้อน โรคเชื้อราที่เท้า และแผลต่างๆ ได้ รักษาอาการเจ็บคอ: ชะครามมีฤทธิ์ต้านการอักเสบและช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอได้ รักษาโรคเบาหวาน: ชะครามมีฤทธิ์ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด จึงช่วยรักษาโรคเบาหวานได้ รักษาโรคมะเร็ง: ชะครามมีฤทธิ์ต้านมะเร็ง ซึ่งช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้
ผักเบี้ยทะเล ผักรสเค็ม และการใช้ประโยชน์ ผักเบี้ยทะเล (Sesuvium portulacastrum) เป็นพืชผักที่มีความทนเค็มได้ดี สามารถเจริญเติบโตได้ในสภาพน้ำทะเลที่มีความเค็มสูง พบได้มากในบริเวณน้ำกร่อยและน้ำทะเล เช่น บริเวณปากแม่น้ำ ทะเลสาบ และป่าชายเลน คุณค่าทางโภชนาการ ผักเบี้ยทะเลเป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ เช่น วิตามินซี เบต้าแคโรทีน ธาตุเหล็ก แคลเซียม และแมกนีเซียม รสชาติและประโยชน์ทางยา ผักเบี้ยทะเลมีรสชาติเค็มและเฝื่อนเล็กน้อย เนื่องจากมีสารประกอบเกลือแร่สูง มีสรรพคุณทางยาช่วยบำรุงร่างกาย ช่วยลดความดันโลหิต ช่วยระบบขับถ่าย และยังช่วยป้องกันโรคหัวใจและโรคหลอดเลือด การใช้ประโยชน์จากผักเบี้ยทะเล ผักเบี้ยทะเลสามารถนำมาปรุงอาหารได้หลายเมนู เช่น นำมาลวก จิ้มน้ำพริก ผัดกับกุ้งหรือเนื้อสัตว์อื่นๆ ต้มยำ แกงส้ม หรือจะนำไปดองทำเป็นผักดองก็ได้ นอกจากนี้ ผักเบี้ยทะเลยังสามารถนำไปใช้รักษาโรคได้ โดยนำใบของผักเบี้ยทะเลมาต้มเอาน้ำดื่ม หรืออาจนำใบสดมาตำแล้วพอกแผลเพื่อช่วยสมานแผลและฆ่าเชื้อโรคได้อีกด้วย
เห็ดนางฟ้า เห็ดนางฟ้ามีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Pleurotus ostreatus เป็นเห็ดชนิดหนึ่งที่มีคุณค่าทางอาหารและสรรพคุณทางยาสูง มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน สามารถนำไปปรุงอาหารได้หลากหลายเมนู ทั้งต้ม ผัด แกง ทอด รวมไปถึงนำไปแช่อิ่มและดอง เห็ดนางฟ้ามีคุณสมบัติเด่นในการช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและน้ำตาลในเลือด รวมถึงมีฤทธิ์ในการต้านมะเร็งและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน การเพาะเห็ดฟ้า การเพาะเห็ดนางฟ้าสามารถทำได้ง่ายๆ ที่บ้าน โดยมีขั้นตอนดังนี้ วัสดุอุปกรณ์ เชื้อเห็ดนางฟ้า ก้อนเชื้อเห็ดฟาง ฟางข้าว แกลบ ขี้เลื่อย น้ำตาลทรายแดง เกลือ ปูนขาว ถุงพลาสติก อุปกรณ์ฆ่าเชื้อโรค ขั้นตอนการเพาะเห็ดนางฟ้า เตรียมก้อนเชื้อเห็ด โดยการนำก้อนเชื้อเห็ดนางฟ้าออกจากถุงพลาสติกแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แช่ก้อนเชื้อเห็ดนางฟ้าในน้ำสะอาดประมาณ 30 นาที เพื่อให้ก้อนเชื้อเห็ดฟื้นตัว ผสมวัสดุเพาะเห็ด โดยผสมฟางข้าว แกลบ ขี้เลื่อย น้ำตาลทรายแดง เกลือ และปูนขาว ในอัตราส่วนที่เหมาะสม นำวัสดุเพาะเห็ดที่ผสมแล้วใส่ในถุงพลาสติก จากนั้นนำเชื้อเห็ดที่แช่น้ำแล้วลงไปผสมกับวัสดุเพาะเห็ดในถุงพลาสติกให้ทั่ว ปิดปากถุงพลาสติกให้แน่น แล้วเจาะรูเล็กๆ ที่ปากถุงเพื่อให้เห็ดงอกออกมา วางถุงพลาสติกที่มีวัสดุเพาะเห็ดอยู่ในที่ร่ม ที่มีอุณหภูมิประมาณ 25-30 องศาเซลเซียส รดน้ำให้เห็ดทุกวัน โดยรดน้ำให้ชุ่มแต่ไม่แฉะ […]
ละหุ่ง (castor) ละหุ่ง เป็นพืชล้มลุก มีลำต้นสูงตรง ลำต้นแตกกิ่งก้านสาขาน้อย ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ กลมมน ปลายใบแหลม ขอบใบหยัก ดอกออกเป็นช่อตามซอกใบ ดอกตัวผู้และดอกตัวเมียแยกกันอยู่คนละช่อ ดอกตัวผู้มีขนาดเล็ก สีขาว ส่วนดอกตัวเมียมีขนาดใหญ่กว่า สีเขียวอมเหลือง ผลเป็นผลแห้ง เปลือกแข็ง มีเมล็ดอยู่ภายใน เมล็ดละหุ่งมีน้ำมันอยู่มาก และน้ำมันละหุ่งมีคุณสมบัติเป็นยาระบายอ่อนๆ จึงนิยมนำน้ำมันละหุ่งไปเป็นส่วนประกอบของยาระบาย สรรพคุณละหุ่ง ละหุ่งมีสรรพคุณทางยา ดังนี้ การระบายอ่อนๆ น้ำมันละหุ่งมีคุณสมบัติเป็นยาระบายอ่อนๆ จึงช่วยแก้ปัญหาท้องผูกได้ดี โดยน้ำมันละหุ่งจะไปเคลือบผนังลำไส้ใหญ่ ทำให้ถ่ายได้สะดวก แต่ไม่ควรใช้เป็นเวลานาน เพราะจะทำให้เกิดภาวะขาดวิตามินที่ละลายในไขมัน การลดการอักเสบ น้ำมันละหุ่งมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ จึงสามารถช่วยลดการอักเสบได้ในหลายๆ ส่วนของร่างกาย เช่น การอักเสบของกระเพาะอาหารและลำไส้ การรักษาโรคผิวหนัง น้ำมันละหุ่งมีคุณสมบัติช่วยรักษาโรคผิวหนังได้หลายชนิด เช่น เกลื้อน กลาก เริม สิว และโรคสะเก็ดเงิน การรักษาโรคไขข้อ น้ำมันละหุ่งมีคุณสมบัติช่วยลดอาการปวดและอักเสบของข้อได้ดี จึงสามารถช่วยรักษาโรคไขข้อได้ การปลูกละหุ่ง ละหุ่งเป็นพืชที่ปลูกง่าย สามารถปลูกได้ในหลายๆ สภาพดิน แต่เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุย […]
ชมพูภูคา ไม้ดอกหายากบนดอยภูคา ชมพูภูคา เป็นไม้ดอกหายากที่พบได้เฉพาะบนดอยภูคา จังหวัดน่าน มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Prunus cerasoides D. Don เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก สูงประมาณ 5-10 เมตร ลำต้นเกลี้ยงเกลา ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ รูปไข่แกมรูปขอบขนาน ขอบใบหยักมน ดอกออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง กลีบดอกสีชมพูอ่อน มี 5 กลีบ ผลเป็นทรงกลมสีแดง ชมพูภูคาเป็นไม้ดอกที่หายากและมีคุณค่าทางอนุรักษ์สูง มีการกระจายพันธุ์เฉพาะบนดอยภูคาและบริเวณใกล้เคียงเท่านั้น ปัจจุบันชมพูภูคาถูกคุกคามจากการทำลายถิ่นที่อยู่ การตัดไม้ทำลายป่า และการเก็บดอกไปจำหน่าย จึงทำให้จำนวนประชากรของชมพูภู칼ดลงอย่างรวดเร็ว ชมพูภูคาเป็นไม้ดอกที่สวยงามและหายาก จึงเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวและนักสะสมพันธุ์ไม้ แต่การเก็บดอกชมพูภูคาไปจำหน่ายถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เพราะชมพูภูคาเป็นไม้ดอกที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายห้ามมิให้มีการซื้อขาย หากฝ่าฝืนจะมีโทษทั้งจำและปรับ การอนุรักษ์ชมพูภูคาเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากเป็นไม้ดอกที่หายากและมีคุณค่าทางอนุรักษ์สูง หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนได้ร่วมมือกันในการอนุรักษ์ชมพูภูคา โดยมีการจัดตั้งเขตห้ามล่าสัตว์ป่าดอยภูคา เพื่อเป็นพื้นที่อนุรักษ์ชมพูภูคาและสัตว์ป่าอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีการปลูกชมพูภูคาในสถานที่ต่างๆ เพื่อเป็นการขยายพันธุ์และอนุรักษ์ชมพูภูคาให้คงอยู่ต่อไป
ดอกดิน พืชพื้นบ้านที่มีประโยชน์มากมาย ดอกดิน เป็นพืชพื้นบ้านที่พบได้ทั่วไปในประเทศไทย มีดอกสีขาวเล็กๆ และมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ดอกดินสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง เช่น นำมาหุงนึ่งข้าว ซึ่งจะทำให้ข้าวมีกลิ่นหอมและน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ดอกดินยังมีสรรพคุณทางยาที่หลากหลาย เช่น ต้านมะเร็ง: ดอกดินมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดโรคมะเร็ง แก้ไอ: ดอกดินมีฤทธิ์ช่วยบรรเทาอาการไอ โดยสามารถนำดอกดินมาต้มกับน้ำแล้วดื่ม ลดไข้: ดอกดินมีฤทธิ์ช่วยลดไข้ โดยสามารถนำดอกดินมาต้มกับน้ำแล้วดื่ม แก้โรคข้อกระดูก: ดอกดินมีฤทธิ์ช่วยบรรเทาอาการปวดและอักเสบของโรคข้อกระดูก โดยสามารถนำดอกดินมาต้มกับน้ำแล้วดื่ม หรือใช้ดอกดินมาพอกบริเวณที่ปวด ป้องกันโรคหัวใจ: หลายๆ งานวิจัยได้รายงานเกี่ยวกับความสามารถในการปกป้องโรคหัวใจของดอกมะลิ เช่น การป้องกันหลอดเลือดหัวใจอุดตัน การลดระดับคอเลสเตอรอล การปกป้องหัวใจจากพิษของสารเคมี ต้านเชื้อแบคทีเรีย: ซึ่งมีการใช้สารสกัดดอกมะลินำมาเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางค์ เช่น สบู่ แชมพู ครีม ต้านการอักเสบ: Flavonoids ที่มีในดอกมะลิจะไปขัดขวางกระบวนการอักเสบ และส่งผลให้หัวใจปลอดภัยจากภาวะหัวใจอักเสบต่างๆ บรรเทาอาการเหนื่อยล้า: ดอกดินมีฤทธิ์ช่วยบรรเทาอาการเหนื่อยล้า โดยสามารถนำดอกดินมาต้มกับน้ำแล้วดื่ม รักษาการติดเชื้อ: ดอกดินมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และไวรัส จึงสามารถนำดอกดินมาใช้รักษาการติดเชื้อต่างๆ ได้
มะเฟือง มะเฟืองเป็นผลไม้ที่มีลักษณะผลเป็นรูปดาวห้าแฉก มีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน เนื้อ กรอบ มีสรรพคุณทางยาและสามารถปลูกได้ง่ายในประเทศไทย สรรพคุณของมะเฟือง แก้กระหาย แก้ไอ บำรุงผิวพรรณ บำรุงสายตา ลดความดันโลหิต ลดไข้ ช่วยย่อยอาหาร รักษาโรคบิด แก้ปัญหาท้องผูก บำรุงธาตุ รักษาโรคเลือดกำเดาไหล แก้ปัญหาเหงือกบวม รักษาโรคเบาหวาน แก้โรคพยาธิในลำไส้ แก้ปัญหาผมร่วง การปลูกมะเฟือง การปลูกมะเฟือง ควรเลือกสถานที่ที่เหมาะสม ได้แก่ พื้นที่โล่งแจ้ง มีแสงแดดส่องถึงและมีน้ำเพียงพอ การเตรียมดินสำหรับปลูกมะเฟือง ควรไถพรวนดินให้ลึกประมาณ 30 เซนติเมตร ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักลงไปในดิน แล้วตากดินทิ้งไว้ประมาณ 1-2 สัปดาห์ การปลูกมะเฟือง ควรขุดหลุมปลูกขนาดกว้างประมาณ 60 เซนติเมตร ลึกประมาณ 60 เซนติเมตร แล้วนำต้นมะเฟืองมาลงปลูกในหลุมปลูก จากนั้นกลบดินและรดน้ำให้ชุ่ม การดูแลรักษามะเฟือง ควรรดน้ำให้ชุ่มเป็นประจำ โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง ควรใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักให้กับต้นมะเฟืองทุกๆ 3-4 เดือน ควรพรวนดินรอบโคนต้นมะเฟืองเป็นประจำเพื่อกำจัดวัชพืชและระบายน้ำ การเก็บเกี่ยวผลผลิตมะเฟือง ควรเก็บเกี่ยวผลผลิตเมื่อผลมะเฟืองมีขนาดโตเต็มที่และมีสีเหลืองอมเขียว โดยปกติแล้วจะใช้เวลาประมาณ […]