เคล็ดลับการปลูกและดูแลทุเรียนเล็กหลังปลูกจนถึงก่อนออกดอกให้รอด การเตรียมดินปลูก ขุดหลุมปลูกขนาด 50 x 50 x 50 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยมูลสัตว์ 10 กิโลกรัม และปุ๋ยร็อคฟอสเฟส 1 กิโลกรัม ผสมดินปลูกด้วยดินร่วน ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยมูลสัตว์ และทรายในอัตรา 2:1:1 กลบดินปลูกให้เต็มหลุม แล้วรดน้ำให้ชุ่ม การปลูก นำต้นกล้าทุเรียนเล็กที่แข็งแรงมาปลูก วางต้นกล้าทุเรียนเล็กไว้ตรงกลางหลุมปลูก กดดินปลูกให้แน่นรอบๆโคนต้น แล้วรดน้ำให้ชุ่ม การให้น้ำ ช่วงแรกหลังปลูกควรให้น้ำทุกวัน เมื่อต้นกล้าทุเรียนเล็กตั้งตัวได้แล้ว ให้ลดการให้น้ำลงเหลือสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ในช่วงฤดูแล้งควรรดน้ำเพิ่มเติมให้กับต้นกล้าทุเรียนเล็ก การใส่ปุ๋ย ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยมูลสัตว์ 5 กิโลกรัม ต่อนต้น 1 ปี ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 1 กิโลกรัม ต่อนต้น 2 ครั้งต่อปี ใส่ปุ๋ยสูตร 8-24-24 อัตรา 1 กิโลกรัม ต่อนต้น 2 […]
Tag Archives: ข้าว
ผักแพว ผักแพว เป็นพืชผักสวนครัวที่มีรสชาติหวานกรอบ สามารถนำไปปรุงอาหารได้หลายชนิด นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณทางยาที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย สรรพคุณของผักแพว แก้อาการท้องผูก: ผักแพวมีเส้นใยอาหารสูง ซึ่งช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น จึงช่วยแก้อาการท้องผูกได้ ลดน้ำตาลในเลือด: ผักแพวมีสารที่ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด จึงเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ลดความดันโลหิต: ผักแพวมีสารโพแทสเซียมสูง ซึ่งช่วยลดความดันโลหิตได้ ช่วยบำรุงสายตา: ผักแพวมีวิตามินเอสูง ซึ่งเป็นวิตามินที่จำเป็นต่อการมองเห็น เสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย: ผักแพวมีวิตามินซีสูง ซึ่งเป็นวิตามินที่ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย การปลูกผักแพว ผักแพวเป็นพืชที่ปลูกง่ายและดูแลรักษาง่าย สามารถปลูกได้ทั้งในดินและในน้ำ การปลูกผักแพวในดิน: เตรียมดินโดยไถพรวนและใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ปลูกผักแพวโดยใช้เมล็ดหรือต้นกล้า โดยให้ระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 30 เซนติเมตร รดน้ำผักแพวเป็นประจำวันละ 1-2 ครั้ง ใส่ปุ๋ยผสมสูตรเสมอ 15-15-15 ทุกๆ 15 วัน ผักแพวจะเริ่มออกดอกหลังจากปลูกประมาณ 60 วัน และจะเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตได้หลังจากออกดอกประมาณ 1 เดือน การปลูกผักแพวในน้ำ: เตรียมภาชนะปลูก โดยใช้ถังพลาสติกหรือกะละมัง เจาะรูที่ก้นภาชนะปลูก เพื่อให้น้ำสามารถระบายออกได้ ใส่ดินหรือวัสดุปลูกอื่นๆ เช่น ขุยมะพร้าวหรือเพอร์ไลต์ ลงในภาชนะปลูก ปลูกผักแพวโดยใช้เมล็ดหรือต้นกล้า […]
ผักแว่น ผักแว่นเป็นผักพื้นบ้านที่มีแหล่งกำเนิดในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นพืชล้มลุกอายุประมาณ 1 ปี ลำต้นสูงได้ถึง 1 เมตร มีขนนุ่มปกคลุม ใบเป็นใบเดี่ยวออกตรงข้ามกัน รูปไข่หรือรูปรี กว้างประมาณ 2-5 ซม. ยาวประมาณ 3-7 ซม. ขอบใบหยักมน ดอกสีขาวเล็กๆ ออกเป็นช่อที่ปลายยอด มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ประเภท ผักแว่นมีหลายประเภท ได้แก่ ผักแว่นใบใหญ่ (Ageratum conyzoides var. latifolium) – มีใบใหญ่และกว้างกว่าผักแว่นชนิดอื่นๆ ผักแว่นใบเล็ก (Ageratum conyzoides var. angustifolium) – มีใบเล็กและแคบกว่าผักแว่นชนิดอื่นๆ ผักแว่นดอกขาว (Ageratum conyzoides var. album) – มีดอกสีขาว ผักแว่นดอกม่วง (Ageratum conyzoides var. purpureum) – มีดอกสีม่วง ประโยชน์และสรรพคุณ ผักแว่นมีสรรพคุณทางยาหลายประการ ได้แก่ […]
ว่านขันหมากเศรษฐี ว่านขันหมากเศรษฐี (ชื่อวิทยาศาสตร์: Costus spectabilis syn. Costus comosus Waren ex Chithra) เป็นพืชล้มลุกอายุหลายปีในสกุล Costus อยู่ในวงศ์ Costaceae มีถิ่นกำเนิดในอินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และบรูไน ว่านขันหมากเศรษฐีมีลำต้นใต้ดิน ลักษณะเป็นเหง้าอวบและแตกแขนงออกไป มีใบเป็นใบเดี่ยว เรียงสลับเป็นกลุ่มที่โคนต้น ลักษณะเป็นใบยาว รูปใบรี ปลายใบแหลม ขอบใบหยักเว้าเล็กน้อย มีสีเขียวสดใส ออกดอกเป็นช่อที่ปลายยอด ดอกมีสีขาว มีกลีบดอก 3 กลีบ เรียงเป็นรูปสามเหลี่ยม กลีบดอกด้านในมีสีเหลืองอ่อน ดอกมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ออกดอกตลอดปี การปลูกว่านขันหมากเศรษฐี ว่านขันหมากเศรษฐีเป็นพืชที่ปลูกง่าย สามารถปลูกได้ทั้งในดินและในกระถาง ปลูกได้ในดินร่วนซุยที่มีความชื้นสูง ชอบแสงแดดรำไรถึงแดดเต็มวัน รดน้ำให้ชุ่มแต่ไม่แฉะมากเกินไป ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักทุกๆ 2-3 เดือน ขยายพันธุ์โดยการแยกเหง้าหรือเพาะเมล็ด ว่านขันหมากเศรษฐีมีสรรพคุณทางยา แก้เจ็บคอ บรรเทาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ท้องผูก แก้ปัสสาวะเป็นเลือด และช่วยให้เจริญอาหาร
หงส์เหิน/ดอกเข้าพรรษา ประโยชน์ สรรพคุณ และวิธีปลูกหงส์เหิน หงส์เหิน หรือ ดอกเข้าพรรษา เป็นไม้ล้มลุกตระกูล Araceae มีลักษณะใบคล้ายใบพลับพลึง ออกดอกเป็นช่อคล้ายหงส์สีขาว มีทั้งดอกตัวผู้และตัวเมีย ดอกตัวเมียมีลักษณะเป็นผลเล็กๆ สีแดง ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลว่ามีการนำมาใช้ประโยชน์ใดๆ แต่สามารถปลูกเป็นไม้ประดับได้ สรรพคุณของหงส์เหิน ไม่มีข้อมูล วิธีปลูกหงส์เหิน หงส์เหินสามารถปลูกได้โดยการเพาะเมล็ด โดยต้องเตรียมดินร่วนซุย ผสมกับปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยมูลสัตว์ จากนั้นนำเมล็ดไปแช่น้ำประมาณ 1 คืน ก่อนที่จะนำไปเพาะ จากนั้นรดน้ำให้ชุ่มและตั้งไว้ในที่ร่มที่มีอากาศถ่ายเทดี รอจนต้นกล้าเจริญเติบโตและแข็งแรงจึงย้ายปลูกลงดินได้
บัวดิน บัวดิน (Scientific name: Nymphaea lotus L.) เป็นไม้ล้มลุก มีอายุหลายปี มีเหง้าอยู่ใต้ดิน ใบอวบน้ำ ขอบใบหยักเป็นจักๆ สีเขียวเข้มหรือสีม่วง ปลูกได้ในดินหรือในน้ำ ใบมีลักษณะพิเศษคือแผ่กว้างออกด้านข้าง ประมาณ 10-30 เซนติเมตร แผ่นใบตัดจากกลางใบและเรียงเวียนตามขอบใบ ออกดอกเดี่ยว ดอกโผล่เหนือผืนน้ำ มี 3 กลีบ เป็นสีขาว ฟ้า หรือชมพู บานเต็มที่เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 5-10 เซนติเมตร ดอกบานในช่วงเช้าเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้าและหุบในช่วงบ่าย การปลูกบัวดิน บัวดินเป็นพืชที่เจริญเติบโตได้ดีในน้ำตื้นหรือในดินที่ชื้นแฉะ ดินร่วนซุย เหมาะสำหรับการปลูกบัวดินที่มีอายุยังน้อย และจะปลูกในดินเหนียวที่อุดมสมบูรณ์ บัวดินสามารถปลูกในภาชนะหรือในแปลงก็ได้ โดยขั้นตอนการปลูกบัวดินมีดังนี้ การเตรียมดิน: ปรับปรุงดินโดยการไถ พรวน ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักลงไป และกำจัดวัชพืชออก การปลูก: ขุดหลุมปลูกขนาดกว้างและลึกประมาณ 30-50 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยดินปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก จากนั้นนำต้นบัวดินลงปลูกโดยให้ส่วนโคนต้นอยู่ต่ำกว่าระดับดินเล็กน้อย แล้วกลบดินให้แน่น รดน้ำให้ชุ่ม การดูแลรักษา: รดน้ำบ่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อน ที่สำคัญคือ […]
บอนเต่า บอนป่า พืชพรรณที่อเนกประสงค์ บอนเต่าหรือบอนป่า เป็นไม้ล้มลุกขนาดใหญ่ แต่มีลำต้นใต้ดิน มีใบขนาดใหญ่และเป็นสีเขียวมรกตสวยงาม มักพบในป่าชื้นและป่าเบญจพรรณทั่วไปของไทย พืชชนิดนี้มีประโยชน์มากมาย โดยสามารถนำมาใช้ทั้งเป็นอาหาร เป็นไม้ประดับ และยังมีสรรพคุณทางยาที่โดดเด่น บอนเต่า บอนป่า ต้นไม้สารพัดประโยชน์สุดมหัศจรรย์ นำมาทำอาหาร ใบของบอนเต่านั้นสามารถนำไปทำอาหารได้โดยนำใบอ่อนมาต้มหรือนึ่ง ก่อนจะนำไปใช้เป็นผักจิ้มหรือรับประทานเป็นเครื่องเคียงร่วมกับอาหารหลักได้ นิยมใช้ปรุงอาหารในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยนำไปประกอบอาหาร诸如ยำขนมจีน ตำซั่ว แกงอ่อม ฯลฯ นอกจากนี้ยังสามารถนำไปปรุงอาหารอื่นๆ อย่างต้มยำ, ต้มข่าได้อีกด้วย ปลูกเป็นไม้ประดับ ตัวบอนเต่านี้มีใบขนาดใหญ่ สีเขียวสดใส ดูแลง่าย และทนต่อโรคและแมลง จึงนิยมปลูกเป็นไม้ประดับทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะเมื่อตระเตรียมให้มีความชื้นที่เพียงพอ สรรพคุณทางยา อีกคุณประโยชน์ของบอนเต่าก็คือสรรพคุณทางยาที่มีอยู่เป็นอย่างมาก ได้แก่ แก้ท้องร่วง: ใบของบอนเต่ามีฤทธิ์ฝาดสมาน แก้ท้องร่วง โดยนำยอดอ่อนและใบมาต้มดื่ม แก้บิด: บอนเต่ามีสรรพคุณช่วยแก้อาการบิดได้ โดยใช้ใบแก่ต้มกับน้ำ และดื่ม 2 มื้อ เช้า-เย็น แก้โรคเลือดออกตามไรฟัน: นำหัวบอนเต่าเผาไฟแล้วฝนกับน้ำดื่ม แล้วใช้คายกลั้ว ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน ลดความดันโลหิต: ในใบมี สาร oleanolic […]
ผักเหลียง: สรรพคุณและการปลูก ผักเหลียง (ผักเบี้ยง) ถูกจัดเป็นผักพื้นบ้านของภาคใต้และภาคตะวันออกของประเทศไทย แต่ชาวไทยรู้จักนำผักเหลียงมาใช้เป็นอาหารจนเกิดเป็นอาหารพื้นถิ่นหลายๆเมนูหลากหลายเมนูเลยทีเดียว นอกจากจะมีรสชาติอร่อยแล้ว ยังมีสรรพคุณที่ดีต่อสุขภาพอีกด้วย สรรพคุณของผักเหลียง ผักเหลียงมีหลายเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะอุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆ เช่น • มีฤทธิ์เป็นยาระบาย ช่วยในการขับถ่ายให้เป็นปกติ • ช่วยลดคลอเรสเตอรอลและไขมันในเลือด • บรรเทาอาการอักเสบ • ฟื้นฟูสภาพร่างกายให้มีเรี่ยวแรงและถ่ายใจ • ป้องกันมะเร็ง เพราะมีสารเบต้าแคโรทีและวิตามินเอสูง วิธีปลูกผักเหลียง ผักเหลียงเป็นพืชที่เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนปนทรายที่มีความชื้นสูงชอบแสงแดดจัดเพราะฉะนั้นในฤดูที่มีฝนตกชุกและแสงแดดไม่จัดเป็นฤดูที่เหมาะสำหรับการปลูกผักเหลียง และควรปลูกในช่วงต้นฤดูแล้งระหว่างเดือนตุลาคมถึงมิถุนายน การเลือกดิน ผักเหลียงเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุยและเป็นดินที่มีความชื้นเหมาะสม การรองก้นหลุม หากในดินที่ปลูกมีสารอาหารอยู่น้อย ให้รองก้นหลุมด้วยอินทรียวัตถุหรือปุ๋ยคอกก่อนแล้วจึงหยอดเมล็ดผักเหลียง หรือโรยลงหลุมลึก การปลูก ขุดหลุมพร้อมกันก่อนปลูกขนาดหลุมประมาณ 3 x 3 นิ้ว และวางระยะห่างระหว่างหลุมไว้ประมาณว่า 2-3 เมตร ปลูกเกษตรสลับหลุมกัน หลุมละ 3 ต้น การดูแล การรดน้ำ ในช่วงแรกควรให้น้ำเต็มที่ แต่้เมื่อเริ่มแตกกิ่งก้านแล้วจึงค่อยลดปริมาณน้ำลง การใส่ปุ๋ย ควรใส่ปุ๋ยหมักหรือป๋ยคอกทุกๆ 1-2 เดือน การป้องกันกำจัดศัตรูพืช […]
หญ้ากินนีสีม่วง หญ้ากินนีสีม่วง หรือหญ้าอเนกประสงค์ หรือชื่อทางการว่า Panicum maximum Jacq เป็นหญ้าที่มีต้นกำเนิดในแอฟริกา โดยหญ้าชนิดนี้มีลำต้นตั้งตรง สูงประมาณ 0.6 ถึง 2.5 เมตร ใบของหญ้ากินนีสีม่วงมีสีเขียวเข้มถึงเขียวอ่อน มีความกว้างประมาณ 2 ถึง 5 เซนติเมตร ส่วนดอกจะออกเป็นช่อที่ปลายยอด ประโยชน์ของหญ้ากินนีสีม่วง หญ้ากินนีสีม่วงเป็นหญ้าที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย โดยประโยชน์หลักๆ ของหญ้ากินนีสีม่วงมีดังต่อไปนี้ ใช้เป็นอาหารสัตว์ ได้แก่ วัว ควาย แพะ แกะ กระต่าย และสุกร โดยหญ้ากินนีสีม่วงมีโปรตีนสูงและมีคุณภาพดี จึงสามารถช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้กับสัตว์ได้ ใช้เป็นวัสดุคลุมดิน โดยหญ้ากินนีสีม่วงสามารถช่วยป้องกันการกัดเซาะของดินและรักษาความชื้นในดินได้ ใช้เป็นปุ๋ยพืชสด โดยหญ้ากินนีสีม่วงสามารถช่วยเพิ่มธาตุไนโตรเจนให้กับดินและช่วยปรับปรุงโครงสร้างของดินได้ ใช้เป็นพืชคลุมดิน โดยหญ้ากินนีสีม่วงสามารถช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของวัชพืชและช่วยรักษาความชื้นในดินได้ ใช้เป็นพืชสมุนไพร โดยในหญ้ากินนีสีม่วงมีสารที่ช่วยรักษาโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไข้หวัดใหญ่ และโรคทางเดินอาหารได้ การปลูกหญ้ากินนีสีม่วง หญ้ากินนีสีม่วงสามารถปลูกได้ในดินทุกประเภท แต่จะเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนปนทรายที่มีความเป็นกรดเป็นด่างประมาณ 5.5 ถึง 6.5 โดยขั้นตอนการปลูกหญ้ากินนีสีม่วงมีดังต่อไปนี้ เตรียมดิน โดยไถดินให้ลึกประมาณ 20 ถึง 30 […]
ส้มโอ ส้มโอ (Pomelo) เป็นผลไม้เมืองร้อนที่มีลักษณะเปลือกหนา และมีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศไทย จีน เวียดนาม และมาเลเซีย ส้มโอนั้นมีหลายสายพันธุ์ แต่สายพันธุ์ที่นิยมรับประทานกันในประเทศไทยได้แก่ ส้มโอขาวน้ำผึ้ง ส้มโอทับทิม ส้มโอทองดี ส้มโอหวาน และส้มโอนอก สรรพคุณของส้มโอ อุดมไปด้วยวิตามินซี: ส้มโอเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย และยังมีส่วนช่วยในการป้องกันโรคหวัดอีกด้วย ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ: ส้มโอมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด จึงช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจได้ ช่วยลดน้ำหนัก: ส้มโอมีแคลอรี่ต่ำ และมีเส้นใยอาหารสูง จึงช่วยให้รู้สึกอิ่มท้องได้นาน และยังช่วยลดความอยากอาหารได้ ช่วยบำรุงผิว: ส้มโอมีวิตามินซีและคอลลาเจนที่ช่วยบำรุงผิวให้เปล่งปลั่งสดใส และยังช่วยลดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้อีกด้วย ช่วยแก้อาการท้องผูก: ส้มโอมีเส้นใยอาหารสูง จึงช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น และช่วยป้องกันอาการท้องผูกได้ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด: ส้มโอมีสารเพกตินที่ช่วยลดการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด จึงช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง: ส้มโอมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งได้ การปลูกส้มโอ การเลือกพื้นที่ปลูก: ส้มโอชอบดินร่วนปนทรายที่มีความอุดมสมบูรณ์ และมีการระบายน้ำที่ดี พื้นที่ปลูกควรมีแสงแดดส่องถึงอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน การเตรียมดิน: ไถพรวนดินให้ลึกประมาณ 30-40 เซนติเมตร ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักลงไปตากแดดทิ้งไว้ประมาณ 15 […]