ถั่วขาว ถั่วขาวเป็นพืชตระกูลถั่วที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ ถั่วขาวมีถิ่นกำเนิดในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ ถั่วขาวเป็นพืชล้มลุกอายุประมาณ 6 เดือน ถั่วขาวมีลักษณะเป็นเมล็ดทรงกลมเล็กๆ มีสีขาวหรือสีครีม ถั่วขาวมีรสชาติที่อ่อนและเป็นถั่วที่สามารถรับประทานได้ทั้งแบบดิบหรือแบบสุก ประโยชน์ของถั่วขาว ถั่วขาวมีประโยชน์ต่อสุขภาพดังนี้ ถั่วขาวช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดและช่วยปรับปรุงการทำงานของอินซูลิน ถั่วขาวช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ ถั่วขาวช่วยลดความดันโลหิตสูง ถั่วขาวช่วยลดน้ำหนัก ถั่วขาวช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง ถั่วขาวช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง ถั่วขาวช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ถั่วขาวช่วยให้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น ถั่วขาวช่วยป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุน สรรพคุณของถั่วขาว สรรพคุณของถั่วขาวมีดังนี้ ถั่วขาวเป็นยาบำรุงกำลัง ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ถั่วขาวเป็นยาบำรุงหัวใจ ช่วยให้หัวใจทำงานได้ดี ถั่วขาวเป็นยาบำรุงกระดูกและฟัน ช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง ถั่วขาวเป็นยาบำรุงระบบประสาท ช่วยให้ระบบประสาททำงานได้ดี ถั่วขาวเป็นยาบำรุงเลือด ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดี ถั่วขาวเป็นยาบำรุงสายตา ช่วยให้สายตาดีขึ้น ถั่วขาวเป็นยาแก้อาการอ่อนเพลีย ช่วยให้ร่างกายสดชื่น การปลูกถั่วขาว ถั่วขาวเป็นพืชที่ปลูกง่ายและเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนปนทรายที่มีความเป็นกรดเล็กน้อย ถั่วขาวต้องการแสงแดดจัดและอุณหภูมิที่อบอุ่นประมาณ 25-30 องศาเซลเซียส ถั่วขาวสามารถปลูกได้ทั้งในฤดูฝนและฤดูหนาว วิธีการปลูกถั่วขาวมีดังนี้ เตรียมดินโดยไถหรือพรวนดินให้ลึกประมาณ 20 เซนติเมตร ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักลงในดินประมาณ 1-2 ตันต่อไร่ หว่านเมล็ดถั่วขาวลงในดินโดยเว้นระยะห่างระหว่างเมล็ดประมาณ 10-15 เซนติเมตร กกลบเมล็ดถั่วขาวด้วยดินบางๆ รดน้ำให้ดินชุ่มชื้น เมื่อต้นถั่วขาวงอกแล้วให้พรวนดินและกำจัดวัชพืชเป็นประจำ […]
Tag Archives: ข้าว
ว่านกุมารทอง/ว่านแสงสุริยา ว่านกุมารทองหรือที่รู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่าว่านแสงสุริยาเป็นไม้ล้มลุที่มีหัวใต้ดิน ใบสีเขียวมีขนปกคลุมเล็กน้อย ดอกสีเหลืองสดใสจัดอยู่ในกลุ่มพืชสมุนไพรชนิดหนึ่ง ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ลำต้น: เป็นพืชล้มลุขนาดเล็กมีความสูงประมาณ 10-60 cm มีหัวใต้ดินขนาดเล็ก ใบ: ใบเป็นใบเดี่ยวออกสลับ เยื้องในแนวตั้งฉากเรียงเป็น 2 แถว ใบมีสีเขียวเข้ม ปลายใบแหลมเล็กน้อย มีขนาดใบเล็กๆ มีขนอ่อนปกคลุมเบาๆ ดอก: ออกเป็นช่อที่ปลายยอด ดอกมีสีเหลืองสดใส ดอกมีขนาดเล็กซี่ ดอกมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1-2 เซนต์ กลีบดอกมี 5 กลีบ เมล็ด: เมล็ดมีขนาดเล็กเป็นสีน้ำตาลเข้ม เมื่อส่องแสงแดดจะมองเห็นเป็นสีแดง ระยะเวลาออกดอก: ออกดอกในฤดูร้อนถึงฤดูฝน ความเชื่อ ว่านกุมารทองเป็นว่านที่นิยมปลูฏเพื่อความเป็นสิริมงคลเชื่อว่าการปลูตพืชชนิดี้จะช่วยในเรื่องของโชค=ลทรัพย์ ความเจริญรุ่งเรือง รวมถึงการมีโอกาส สำหรับผู้ที่ขยันมุมานะ เพราะมีคเาวมเชื่อว่าพืชชนิดมีพาโชค ช่วยแก้ไขดวงให้ดีขึ้น คนโบราณเชื่อว่าบ้านใดปลูดว่านกุมารทองไว้จะทำให้ค้าขายร่ำรวย การใช้งาน สมุนไพร: ต้นว่านกุมารทองถูกนำมาแปรเปลี่ยนเป็นยาต้มแก้โรคต่างๆ เช่น โรคผิวหนัง โรคท้องอืด ตัวร้อน หรือโรคปวดเมื่อยต่างๆได้ ศิลปะหัตถกรรม: ต้นว่านกุมารทองสามารถนำมาประดิษฐ์เป็นเครื่องประดับสำหรับผู้หญิง ซึ่งเชื่อว่าเครื่องประดับที่ประดิษฐ์มาจาต้นว่านกุมารทองจะช่วยอำนวยโชคให้อย่างไม่รู้จบสิ้น การดูแลรักษา แสงแดด: […]
ดอกดิน สมุนไพรไทยที่มีประโยชน์หลากหลาย ดอกดิน เป็นพืชล้มลุกที่มีถิ่นกำเนิดในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สามารถพบได้ในประเทศไทย, ลาว, กัมพูชา, เวียดนาม และจีน ดอกดินมีดอกสีม่วงอ่อนถึงสีน้ำเงินเข้ม กลีบดอกมี 5 กลีบ โคนกลีบติดกันเป็นหลอด ปลายกลีบแยกออกจากกันเป็น 5 แฉก ผลของดอกดินเป็นฝักรูปทรงกระบอก ภายในฝักมีเมล็ดขนาดเล็กจำนวนมาก ดอกดินมีสรรพคุณทางยาหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของรากและดอก ด้วยสารสำคัญในส่วนของรากและดอกพบว่ามีสารจำพวก dihydrokaempferol glucoside ซึ่งมีสรรพคุณทางยา ทั้งในเรื่องของการต้านซึมเศร้า ลดอาการอักเสบ บรรเทาอาการเจ็บปวด และลดไข้ รวมไปถึงสารในกลุ่ม mannitol ซึ่งมีฤทธิ์ในการขับเสมหะ ประโยชน์ของดอกดินต่อสุขภาพ แก้อาการไอและปวดศีรษะ ดอกดินมีสรรพคุณในการช่วยบรรเทาอาการไอ ลดไข้ แก้ปวดศีรษะ และขับเสมหะ โดยสามารถใช้ดอกดินมาต้มกับน้ำแล้วดื่ม หรือนำไปผสมกับน้ำผึ้งแล้วใช้กลั้วคอ รักษาโรคกระเพาะอาหาร ดอกดินช่วยบรรเทาอาการอักเสบของกระเพาะอาหาร แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และอาหารไม่ย่อย รักษาโรคข้อกระดูก ดอกดินสามารถช่วยลดอาการปวดบวมของโรคข้อกระดูกอักเสบ ต้านมะเร็ง ดอกดินมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการเกิดมะเร็ง บำรุงหัวใจและหลอดเลือด ดอกดินมีส่วนช่วยในการลดระดับคอเลสเตอรอลและป้องกันการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
คนทีสอ คนทีสอ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Symplocoscochinchinensis (Lour.) S.Moore) เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ตระกูลเดียวกับมะขาม ลำต้นสูงประมาณ 5-10 เมตร มีหนามแหลมคมแทงออกตามกิ่งก้าน ทั้งต้นมีขนนิ่มปกคลุม ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงตรงข้าม รูปไข่ หรือรูปขอบขนาน ยาวประมาณ 5-10 เซนติเมตร ดอกออกเป็นช่อที่ปลายกิ่งแต่ละกิ่งจะมีดอกย่อยประมาณ 3-5 ดอก กลีบดอกสีขาวหรือสีเหลืองอ่อน ผลเป็นผลสด รูปกลมรีหรือรูปไข่ เมื่อสุกมีสีดำ ประโยชน์ของคนทีสอ ใช้เป็นไม้ประดับ คนทีสอเป็นไม้ยืนต้นที่มีทรงพุ่มสวยงาม นิยมปลูกเป็นไม้ประดับในสวนสาธารณะ สถานที่ราชการ วัด และบ้านเรือนทั่วไป ใช้เป็นไม้พคุภัณฑ์ เนื้อไม้ของคนทีสอมีความแข็งแรง ทนทาน นิยมนำมาใช้ทำเครื่องเรือน เฟอร์นิเจอร์ และของใช้ต่างๆ ใช้เป็นสมุนไพร ทุกส่วนของคนทีสอสามารถนำมาใช้ประโยชน์ทางยาได้ เช่น ใบใช้เป็นยาแก้ท้องร่วง แก้บิด แก้ปวดท้อง แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ไข้ แก้หวัด แก้ไอ ขับเสมหะ แก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย รากใช้เป็นยาแก้ท้องร่วง แก้บิด แก้ไข้ […]
หญ้านวลน้อย: ประโยชน์และการปลูก หญ้านวลน้อยเป็นหญ้าชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมนำมาปลูกเพื่อใช้ตกแต่งสวน ตกแต่งพื้นที่ว่าง ตกแต่งสวนหย่อม และสนามหญ้าในบ้าน เป็นหญ้าที่มีอายุยืนต้นที่ไม่สูงมากนัก ขึ้นเป็นกอ ส่วนใหญ่จะปลูกคลุมดินเพื่อความสวยงาน หญ้านวลน้อยมีถูมกำเนิดตามธรรมชาติจากประเทศมาเลเซียและทางตอนใต้ของประเทศไทย หญ้านวลน้อยนั้นมีใบมีขนาดเล็กและแคบ สีเขียวสด ถึงเขียวเข้ม ใบหนาตัดแล้วไม่เป็นสีน้ำตาลเร็วเหมือนหญ้าบางชนิด มีอายุยืนต้น ปลูกแล้วใช้เวลาไม่น้อยกว่า 4 ปี อาจจะถึง 5 ปีขึ้นไปจึงจะเสื่อม ประโยชน์ของหญ้านวลน้อย ใช้ปลูกคลุมดิน ป้องกันดินพังทลาย ใช้ปลูกเพื่อตกแต่งสวนหย่อม สวนสาธารณะ บ้านและสถานที่ต่างๆ ช่วยเพิ่มออกซิเจนให้กับอากาศ ช่วยกรองฝุ่นละอองและมลพิษต่างๆ ช่วยซับน้ำและช่วยควบคุมปริมาณฝุ่นละออง ช่วยรักษาความชื้นในดิน การปลูกหญ้านวลน้อย เตรียมดินโดยการไถพรวนดินให้ละเอียด และกำจัดวัชพืชออกให้หมด ปรับปรุงดินโดยการใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตรา 1-2 ตันต่อไร่ แล้วไถพรวนให้เข้ากัน หว่านเมล็ดหญ้านวลน้อยในอัตรา 10-15 กิโลกรัมต่อไร่ แล้วใช้คราดหรือรถเกลี่ยดินกลบเมล็ดหญ้าให้หนา ประมาณ 0.5-1 เซนติเมตร รดน้ำให้ชุ่ม น้อยวันละ2-3ครั้ง จนหญ้าเริ่มงอกและเจริญเติบโต หลังจากหญ้าเริ่มงอกแล้ว ให้รดน้ำสม่ำเสมอดูแลแปลงหญ้าให้ปราศจากวัชพืช ตัดแต่งหญ้าเมื่อหญ้าสูง 10-15 เซนติเมตร โดยตัดให้สูงจากพื้นดิน ประมาณ […]
ปอเทือง ปอเทืองเป็นพืชตระกูลถั่ว มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Crotalaria juncea L. มีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดีย ปัจจุบันมีการปลูกอย่างแพร่หลายในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลำต้นมีขนเล็กน้อย ใบประกอบแบบขนนกปลายใบแหลม ดอกสีเหลืองออกเป็นช่อที่ปลายยอด ผลเป็นฝักแบน มีเมล็ดสีน้ำตาล ประโยชน์ของปอเทือง เป็นพืชตระกูลถั่วที่มีไนโตรเจนสูงจึงสามารถตรึงไนโตรเจนจากอากาศมาใช้ได้ ทำให้ช่วยปรับปรุงดินให้มีความอุดมสมบูรณ์ เป็นพืชที่ทนแล้งและทนดินเค็มได้ดี จึงสามารถปลูกได้ในพื้นที่ที่แห้งแล้งหรือดินเค็ม เป็นพืชที่ให้ผลผลิตสูงและสามารถเก็บเกี่ยวได้หลายครั้งในหนึ่งปี สามารถใช้เป็นอาหารสัตว์ได้ทั้งลำต้น ใบ และดอก สามารถใช้เป็นปุ๋ยพืชสดได้ สามารถใช้เป็นวัสดุคลุมดินเพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำจากการระเหย การปลูกปอเทือง เตรียมดินโดยไถพรวนและใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก หว่านเมล็ดปอเทืองในอัตรา 10-15 กิโลกรัมต่อไร่ กดเมล็ดลงในดินเล็กน้อยแล้วกลบด้วยดินบางๆ รดน้ำให้ชุ่ม เมื่อต้นกล้าเริ่มงอก ให้ถอนต้นกล้าที่ขึ้นหนาแน่นออก เพื่อให้ต้นกล้ามีพื้นที่ในการเจริญเติบโต พรวนดินและกำจัดวัชพืชเป็นประจำ ใส่ปุ๋ยยูเรียในอัตรา 10-20 กิโลกรัมต่อไร่ หลังจากที่ต้นปอเทืองเริ่มออกดอก เก็บเกี่ยวผลผลิตเมื่อฝักปอเทืองเริ่มแก่และมีสีน้ำตาล ปอเทืองเป็นพืชที่ปลูกง่ายและให้ผลตอบแทนสูง จึงเหมาะสำหรับเกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชเพื่อปรับปรุงดินและเป็นอาหารสัตว์
กล้วย และการปลูกกล้วย กล้วย เป็นผลไม้ที่ปลูกกันแพร่หลายในประเทศไทย สามารถปลูกได้ทั้งในดินและในน้ำ กล้วยมีหลายสายพันธุ์ แต่ละสายพันธุ์มีความแตกต่างกันทั้งในเรื่องของรูปร่าง ลักษณะ รสชาติ และการนำไปใช้ประโยชน์ พันธุ์กล้วย ในประเทศไทยมีกล้วยหลายสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยม เช่น กล้วยหอม เป็นกล้วยที่มีผลขนาดใหญ่ เนื้อนิ่ม รสชาติหวาน นิยมรับประทานสด กล้วยน้ำว้า เป็นกล้วยที่มีผลยาว ผิวบาง เนื้อนิ่ม รสชาติหวานอมเปรี้ยว นิยมนำไปทำอาหาร กล้วยไข่ เป็นกล้วยที่มีผลขนาดเล็ก ผิวหนา เนื้อแน่น รสชาติหวาน นิยมนำไปทำกะทิ ทอด หรือย่าง การปลูกกล้วย กล้วยเป็นพืชที่ปลูกง่าย สามารถปลูกได้ในดินทุกประเภท แต่ดินที่เหมาะสมกับการปลูกกล้วยคือดินร่วนซุย มีความชื้นสูง สามารถระบายน้ำได้ดี ขั้นตอนการปลูกกล้วย เลือกหน่อกล้วยที่สมบูรณ์ เตรียมหลุมปลูก โดยขุดหลุมขนาดกว้าง 60 เซนติเมตร ลึก 60 เซนติเมตร ใส่ปุ๋ยคอกและปุ๋ยเคมีลงในหลุมปลูก นำหน่อกล้วยลงปลูกในหลุมปลูก กดดินให้แน่น รดน้ำให้ชุ่ม พรวนดินและกำจัดวัชพืชเป็นประจำ 施用ปุ๋ยบำรุงต้นกล้วยทุก 1-2 เดือน […]
ชมพู่ ชมพู่ (Rose apple) เป็นชื่อของผลไม้และพันธุ์ไม้ในสกุล Syzygium ซึ่งอยู่ในวงศ์ Myrtaceae ที่พบทั่วไปในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย สรรพคุณของชมพู่ แก้อาการท้องเสีย ช่วยย่อยอาหาร แก้ไข้ ช่วยลดอาการอักเสบ ช่วยลดความดันโลหิตสูง ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด ช่วยลดน้ำหนัก บำรุงสายตา บำรุงผิว การปลูกชมพู่ การปลูกชมพู่สามารถทำได้ทั้งการเพาะเมล็ดและการตอนกิ่ง การเพาะเมล็ดชมพู่ นำเมล็ดชมพู่ที่สมบูรณ์มาแช่น้ำอุ่นประมาณ 1 ชั่วโมง นำเมล็ดชมพู่ไปเพาะในถุงเพาะชำที่เตรียมไว้ รดน้ำให้ชุ่ม วางถุงเพาะชำในที่ร่มรำไร เมื่อต้นกล้าชมพู่มีอายุประมาณ 1 เดือน ให้ย้ายลงปลูกในกระถางหรือแปลงปลูก การตอนกิ่งชมพู่ เลือกกิ่งชมพู่ที่สมบูรณ์ ปาดเปลือกกิ่งชมพู่ให้เป็นวงกลม 2 รอบ โดยให้ระยะห่างระหว่างรอยปาดประมาณ 1-2 นิ้ว โรยผงเร่งรากที่แผลปาด ใช้ดินหรือขุยมะพร้าวห่อแผลปาด รดน้ำให้ชุ่ม ประมาณ 1-2 เดือน รากจะงอกออกมาจากแผลปาด เมื่อรากงอกออกมามาก ให้ตัดกิ่งชมพู่ที่ตอนออกจากต้นแม่ นำกิ่งชมพู่ที่ตอนไปปลูกในกระถางหรือแปลงปลูก
ผักหนาม ผักพื้นบ้านใบกรอบหวาน ผักหนาม เป็นไม้ล้มลุก อายุหลายปี แตกกอเป็นกลุ่มเล็ก มีเหง้าอยู่ใต้ดิน ลำต้นเหนือดินมีลักษณะเป็นไม้เนื้ออ่อน มีหนามเล็กๆปกคลุมอยู่ทั่วทั้งลำต้น ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก ชั้นเดียว รูปใบหอก เรียงสลับกันเป็นคู่ตามลำต้น กว้างประมาณ 1-2 เซนติเมตร ยาวประมาณ 2-4 เซนติเมตร ขอบใบหยักเป็นซี่ฟัน ดอกออกเป็นช่อตามซอกใบ ดอกย่อยมีขนาดเล็ก สีขาวหรือสีชมพู ผลเป็นฝักแบน ยาวประมาณ 3-4 เซนติเมตร ภายในมีเมล็ดสีน้ำตาลจำนวนมาก สรรพคุณของผักหนาม ใบใช้รับประทานเป็นผักสด โดยนำมาลวกหรือต้มจิ้มน้ำพริก หรือใช้เป็นส่วนผสมในอาหารประเภทแกง เช่น แกงส้ม แกงเลียง แกงอ่อม แกงแค มีสรรพคุณช่วยขับเสมหะ แก้ไอ แก้เจ็บคอ ช่วยลดความดันโลหิตสูง ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ช่วยบำรุงสายตา ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส
พลับพลึงธาร/หญ้าช้อง/หอมน้ำ พืชน้ำที่พบแห่งเดียวบนโลก พลับพลึงธาร หรือ หญ้าช้อง หรือ หอมน้ำ เป็นพืชน้ำที่หายากชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Aneilema longirachis, มีลักษณะเป็นไม้น้ำ ใบเป็นแผ่นกลมกว้างประมาณ 1.5-2 ซม. ขอบใบเรียบ ดอกมีสีม่วงหรือม่วงอมชมพู แซมขาวหรือเหลือง เป็นช่อดอกแบบกระจะ ดอกย่อยจำนวนมากขนาดเล็ก กลีบดอกมี 6 กลีบ ผลเป็นแบบแคปซูล ขนาดเล็ก ภายในมีเมล็ดขนาดเล็กจำนวนมาก พลับพลึงธาร จัดเป็นพืชน้ำที่พบได้แห่งเดียวบนโลก พบที่บริเวณป่าดงดิบชื้นในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดชุมพร และจังหวัดระนอง ในประเทศไทยเท่านั้น นิยมปลูกเป็นไม้ประดับในบ่อน้ำ เนื่องจากมีดอกสีสันสวยงาม และมีความหายาก คุณสมบัติทางยาของพลับพลึงธาร รากของพลับพลึงธารมีรสชาติขมเล็กน้อย มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงโลหิต แก้ประจำเดือนไม่มา แก้เมนส์ขาด บำรุงหัวใจ แก้เกลื้อน แก้ผื่นคัน แก้แผลเรื้อรัง ช่วยสมานแผล ป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย ช่วยเร่งให้แผลหายเร็วขึ้น วิธีใช้พลับพลึงธารเป็นยา แก้ประจำเดือนไม่มา แก้เมนส์ขาด: นำรากสดประมาณ 5-10 กรัม มาต้มกับน้ำ 1 […]