ฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ คืออะไร? การฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ คือการฉีดสารไฮยาลูโรนิคแอซิด (Hyaluronic acid) เข้าไปที่บริเวณริมฝีปาก เพื่อให้ริมฝีปากดูอวบอิ่มและได้รูปทรงที่สวยงามมากยิ่งขึ้น ฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ มีลักษณะอย่างไร? การฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับจะช่วยให้ริมฝีปากมีลักษณะที่อวบอิ่มขึ้น โดยเฉพาะบริเวณริมฝีปากบนที่จะดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น และส่วนของริมฝีปากล่างจะเพิ่มความหนาและชัดเจนมากขึ้น ส่วนบริเวณมุมปากจะยกขึ้นเล็กน้อย ทำให้ริมฝีปากดูได้รูปสวยงามมากยิ่งขึ้น ฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ เหมาะกับใคร? การฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับเหมาะกับบุคคลที่มีลักษณะปากบาง ปากเล็ก หรือมีริมฝีปากไม่สมดุลกัน และต้องการให้ริมฝีปากดูสวยงามมากยิ่งขึ้น แต่สำหรับผู้ที่มีริมฝีปากหนา หรือริมฝีปากที่ได้รูปอยู่แล้ว อาจไม่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ ฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ ปลอดภัยหรือไม่? การฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับโดยทั่วไปถือว่าปลอดภัย เพราะสารไฮยาลูโรนิคแอซิดเป็นสารที่พบได้ตามธรรมชาติในร่างกายอยู่แล้ว และเมื่อฉีดเข้าไปแล้วก็จะสลายตัวได้เองภายในระยะเวลา 6-12 เดือน ฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ ราคาเท่าไร? ราคาของการฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ประเภทของฟิลเลอร์ที่ใช้ ปริมาณของฟิลเลอร์ และสถานที่ให้บริการ โดยทั่วไปราคาของการฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับจะอยู่ที่ประมาณ 10,000-20,000 บาท
Category Archives: Skincare
การเลเซอร์ขนแขนเป็นวิธีการกำจัดขนถาวรที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน ด้วยความรวดเร็ว สะดวก และให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ แต่หลายคนก็ยังคงสงสัยว่าเลเซอร์ขนแขนกี่ครั้งจึงจะเห็นผล และเจ็บไหม โดยทั่วไปแล้ว การเลเซอร์ขนแขนจะใช้เวลาประมาณ 6-10 ครั้ง โดยแต่ละครั้งจะห่างกันประมาณ 4-6 สัปดาห์ ซึ่งจำนวนครั้งในการเลเซอร์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ความหนาของขน สีของขน และบริเวณที่เลเซอร์ ในระหว่างการเลเซอร์ขนแขน อาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณที่มีขนหนาและแข็งแรง อย่างไรก็ตาม ความเจ็บปวดมักจะไม่รุนแรงจนทนไม่ได้ และสามารถบรรเทาได้ด้วยการใช้ยาชาเฉพาะที่ หลังจากการเลเซอร์ขนแขน ขนบริเวณที่เลเซอร์จะค่อยๆ หลุดร่วงไปภายใน 1-2 สัปดาห์ และจะไม่กลับขึ้นมาอีก อย่างไรก็ตาม อาจมีขนบางส่วนที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ซึ่งอาจจำเป็นต้องเลเซอร์ซ้ำเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบ การเลเซอร์ขนแขนเป็นวิธีการกำจัดขนถาวรที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ควรเลือกสถานที่ที่มีความน่าเชื่อถือและมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้มั่นใจได้ถึงความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่น่าพอใจ
โบท็อกซ์รักแร้ (Botox for Underarm) คือ การฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดเหงื่อและกลิ่นตัวที่รักแร้ โดยโบท็อกซ์จะออกฤทธิ์ในการยับยั้งการทำงานของต่อมเหงื่อและต่อมกลิ่น ทำให้เหงื่อและกลิ่นตัวลดลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นวิธีการที่ใช้เวลาในการทำไม่นาน เห็นผลได้รวดเร็ว และไม่มีแผลเป็น ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีเหงื่อมากหรือกลิ่นตัวแรง โดยมีรายละเอียดดังนี้ โบท็อกซ์รักแร้คืออะไร โบท็อกซ์รักแร้คือการฉีดสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน (Botulinum Toxin) เข้าไปที่รักแร้ โดยสารนี้จะออกฤทธิ์เข้าไปยับยั้งการทำงานของต่อมเหงื่อและต่อมกลิ่น ซึ่งจะส่งผลให้ลดการผลิตเหงื่อและกลิ่นตัวในบริเวณที่ฉีดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โบท็อกซ์รักแร้จึงเป็นวิธีการลดเหงื่อและกลิ่นตัวที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน ประโยชน์ของโบท็อกซ์รักแร้ ลดเหงื่อและกลิ่นตัวบริเวณรักแร้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้เสื้อผ้าไม่เปียกชื้น ไม่ก่อให้เกิดคราบเหลืองใต้รักแร้ ช่วยเพิ่มความมั่นใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นตัว ช่วยให้รู้สึกแห้งสบายตลอดวัน เห็นผลได้รวดเร็วหลังทำทันที ใช้เวลาในการทำไม่นานและไม่เกิดแผลเป็น โบท็อกซ์รักแร้เหมาะกับใคร โบท็อกซ์รักแร้เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะเหงื่อออกมากบริเวณรักแร้ หรือผู้ที่มีกลิ่นตัวแรงจนเกิดความไม่มั่นใจ โดยเฉพาะผู้ที่รักแร้เปียกชื้นอยู่ตลอดเวลา แม้ในวันที่อากาศไม่ร้อนหรือไม่ได้ทำกิจกรรมที่ต้องออกแรง อีกทั้งผู้ที่มีกลิ่นตัวแรงจนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความสัมพันธ์กับผู้อื่นหรือการไปพบปะผู้คนในที่ต่างๆ ขั้นตอนการทำโบท็อกซ์รักแร้ แพทย์จะทำการซักประวัติคนไข้ ตรวจรักแร้ และอาจให้คนไข้ยกแขนเพื่อเช็คบริเวณที่มีเหงื่อออกมาก เช็ดทำความสะอาดรักแร้เพื่อเตรียมฉีดโบท็อกซ์ แพทย์จะทำการฉีดโบท็อกซ์เข้าไปที่รักแร้ โดยทั่วไปจะใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีต่อข้าง หลังจากฉีดโบท็อกซ์แล้ว แพทย์จะนวดบริเวณที่ฉีดเพื่อให้โบท็อกซ์กระจายตัวได้ทั่วบริเวณ หลังทำสามารถกลับบ้านได้ทันที สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตามปกติ แต่ไม่ควรออกกำลังกายหนักหรืออาบน้ำร้อนในช่วง 24 ชั่วโมงแรก ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดโบท็อกซ์รักแร้ งดอาบน้ำภายใน […]
ฟิลเลอร์ Biohyalux เป็นฟิลเลอร์ที่ผลิตในประเทศจีน ได้การรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) ของจีน และองค์การอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอเมริกา จึงมั่นใจได้ว่ามีความปลอดภัย โดยฟิลเลอร์ชนิดนี้เป็นฟิลเลอร์ประเภทไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารที่พบได้ตามธรรมชาติในผิวหนังของเรา มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำและช่วยให้ผิวหนังชุ่มชื้นเต่งตึง ฟิลเลอร์ Biohyalux มีให้เลือกหลากหลายชนิด เช่น Biohyalux Fine เป็นฟิลเลอร์ที่มีความเหลว เหมาะสำหรับการฉีดเพื่อเติมเต็มริ้วรอยเล็กๆ เช่น ริ้วรอยตื้นๆ รอบดวงตา ร่องแก้ม และริมฝีปาก Biohyalux Intense เป็นฟิลเลอร์ที่มีความหนาแน่นปานกลาง เหมาะสำหรับการฉีดเพื่อเติมเต็มริ้วรอยที่ลึกขึ้น เช่น รอยย่นระหว่างคิ้ว ร่องแก้ม และร่องมุมปาก Biohyalux Ultra เป็นฟิลเลอร์ที่มีความหนาแน่นสูง เหมาะสำหรับการฉีดเพื่อเติมเต็มบริเวณที่ต้องการการเติมเต็มมากเป็นพิเศษ เช่น ใต้ตา แก้ม และคาง ราคาของฟิลเลอร์ Biohyalux จะแตกต่างกันไปตามปริมาณและชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้ โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินและแนะนำขนาดของการฉีดฟิลเลอร์ให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล อย่างไรก็ตาม ราคาโดยประมาณของฟิลเลอร์ Biohyalux โดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 10,000-20,000 บาทต่อครั้ง
ประคบเย็น การประคบเย็นเป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยลดอาการขอบตาดำได้อย่างรวดเร็ว เพียงนำผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นจัดหรือถุงน้ำแข็งมาประคบบริเวณขอบตาประมาณ 10-15 นาที ทำซ้ำวันละ 2-3 ครั้งเป็นประจำ จะช่วยลดอาการบวมและความหมองคล้ำของขอบตาได้ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับสุขภาพโดยรวม และยังช่วยลดอาการขอบตาดำได้ด้วย เนื่องจากเมื่อร่างกายได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ ก็จะสามารถซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้อย่างเต็มที่ และช่วยลดอาการบวมและความหมองคล้ำของขอบตาได้ ดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำให้เพียงพอช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังช่วยลดอาการขอบตาดำได้ด้วย เนื่องจากน้ำช่วยในการขับสารพิษออกจากร่างกายและช่วยให้ผิวพรรณสดใสขึ้น ใช้ครีมบำรุงใต้ตา การใช้ครีมบำรุงใต้ตาสามารถช่วยลดอาการขอบตาดำได้ด้วยเช่นกัน โดยควรเลือกครีมที่มีส่วนผสมที่ช่วยในการลดความหมองคล้ำของผิว เช่น วิตามินซี, วิตามินเค, ไฮยาลูโรนิกแอซิด และเรตินอล ควรใช้ครีมบำรุงใต้ตาเป็นประจำทุกเช้าและก่อนนอนเป็นประจำ
การฉีดฟิลเลอร์เป็นหนึ่งในวิธีการเสิรมความงามที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถช่วยปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้นได้ในเวลาอันรวดเร็วจึงทำให้หลายคนให้ความสนใจ แต่ทราบหรือไม่ว่า การฉีดฟิลเลอร์นั้นก็มีความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ด้วย ผลข้างเคียงที่อาจพบได้จากการฉีดฟิลเลอร์มีดังนี้ อาการบวมช้ำ หรือและรอยฟกซ้ำบริเวณที่ฉีด อาการบวมช้ำ หรือและรอยฟกซ้ำ อาจเกิดขึ้นเป็นเวลาไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์หลังจากการฉีดฟิลเลอร์ อย่างไรก็ตาม อาการบวมช้ำ หรือและ รอยฟกมักจะดีขึ้นตามกาลเวลา อาการปวด บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ อา จรู้สึกเจ็บบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ในช่วงแรกๆ หลังจากการฉีด ซึ่งสามารถรับประทานยาแก้อักเสบเพื่อลดอาการปวดได้ อาการแพ้ อาการแพ้จากการฉีด ฟิลเลอร์ มักพบได้น้อย แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นได้ โดยอาการแพ้ อาจแสดงออกมาในรูปแบบต่างๆ เช่น ผื่นคัน บวม ตาบวม คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย หรือมีปัญหาในการ หายใจ หากเกิดอาการแพ้จากการฉีดฟิลเลอร์ ควรรีบปรึกษาลแพทย์ทันที ผลข้างเคียงที่กล่าวมาข้างต้น อาจเกิดขึ้นได้ในบางรายเท่านั้น อย่างไรก็ตาม การฉีดฟิลเลอร์ ถือเป็นวิธีการเสิรมความงามที่มีความปลอด ภันสูง จึงมั่นใจได้ว่าผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจะไม่ร้ายแรงหรือเป็นอันตรายต่อชีวิต แต่หากเกิดอาการผิดปกติหลัง จากการ ฉีดฟิลเลอร์ ควรรีบปรึกษาลแพทย์ทันทีเพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้อง
ร้อยไหม เป็นเทคนิคการแพทย์ความงามที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถช่วยยกกระชับผิวหน้าและลำคอได้โดยไม่ต้องผ่าตัด แต่หลายคนอาจสงสัยว่าร้อยไหมอันตรายไหม มีผลข้างเคียงและผลเสียอย่างไร อันตรายจากการร้อยไหม โดยทั่วไปแล้วการร้อยไหมเป็นเทคนิคการแพทย์ความงามที่ปลอดภัย แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายได้หากทำโดยแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญหรือใช้ไหมที่ไม่ได้มาตรฐาน เช่น ผิวหนังอักเสบและติดเชื้อ รอยช้ำ บวม และกดเจ็บ ไหมทะลุผิวหนังออกมา เส้นเลือดและเส้นประสาทถูกทำลาย อาการปวดร้าวที่ใบหน้าและลำคอ ผลข้างเคียงและผลเสียจากการร้อยไหม นอกจากอันตรายที่กล่าวมาแล้ว การร้อยไหมยังอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงและผลเสียอื่นๆ ได้ เช่น อาการบวมและช้ำบริเวณที่ร้อยไหม อาจกินเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ ผิวหนังบริเวณที่ร้อยไหมอาจรู้สึกตึงและไม่เป็นธรรมชาติ ร้อยไหมอาจเคลื่อนที่หรือหลุดออกได้ในภายหลัง หากมีการติดเชื้อที่ร้อยไหม อาจจำเป็นต้องผ่าตัดเอาไหมออก เพื่อลดความเสี่ยงจากการร้อยไหม ควรเลือกคลินิกความงามที่มีชื่อเสียงและแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการร้อยไหม รวมถึงควรใช้ไหมที่ได้มาตรฐานและผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
การฉีดแฟตแก้ม (Fat Injection) คือ การฉีดไขมันบริเวณอื่นๆ ของร่างกาย มาเติมเต็มร่องแก้ม หลุมสิว หน้าตอบ แก้มตอบ โดยไขมันที่นิยมนำมาฉีด ได้แก่ ไขมันหน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา ซึ่งการฉีดแฟตแก้มจะมีข้อดีที่เห็นได้ชัดคือ ปลอดภัย เพราะเป็นการฉีดไขมันของตัวเองแท้ๆ จึงไม่เสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ้ ฟื้นฟูผิวหนังให้เปล่งปลั่ง ด้วยคุณสมบัติของไขมันที่จะช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิว ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ แม้จะใช้เวลาในการเห็นผลค่อนข้างนาน (โดยทั่วไปเห็นผลหลังจาก 1 เดือน) แต่เมื่อไขมันเกาะตัวดีแล้ว จะดูไม่ต่างจากผิวหนังตามธรรมชาติ ฉีดแฟตแก้มเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาหน้าตอบ แก้มตอบ โดยเฉพาะในบริเวณแก้มล่าง เนื่องจากไขมันที่ฉีดเข้าไปจะช่วยเติมเต็มร่องแก้มให้ดูอวบอิ่มขึ้น ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และสดใสขึ้น อย่างไรก็ตาม การฉีดแฟตแก้มอาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหนังเป็นสิวง่าย หรือผิวที่อักเสบเป็นประจำ รวมถึงผู้ที่มีไขมันส่วนเกินในร่างกายไม่มากพอที่จะนำมาฉีดได้ ก่อนตัดสินใจฉีดแฟตแก้ม ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อพิจารณาว่าเหมาะสมสำหรับคุณหรือไม่
การฉีดโบท็อกซ์เป็นกระบวนการทางการแพทย์ที่ใช้โบทูลินัมท็อกซินทำให้กล้ามเนื้อหยุดการทำงานชั่วคราว โบทูลินัมท็อกซินเป็นสารพิษที่ผลิตโดยแบคทีเรีย Clostridium botulinum ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคโบทูลิซึม อย่างไรก็ตาม เมื่อใช้ในปริมาณที่เหมาะสม โบทูลินัมท็อกซินสามารถปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการรักษาสภาพต่างๆ รวมถึงริ้วรอย รอยย่น และไมเกรน การค้นหาคลินิกที่เหมาะสมสำหรับการฉีดโบท็อกซ์เป็นสิ่งสำคัญ มีปัจจัยหลายประการที่ต้องพิจารณา เช่น ประสบการณ์ของแพทย์ คุณภาพของผลิตภัณฑ์โบท็อกซ์ บริการลูกค้า และราคา ในการเลือกคลินิกที่ดีสำหรับการฉีดโบท็อกซ์ คุณควร: หาข้อมูลแพทย์: ตรวจสอบประวัติ ประสบการณ์ และคุณสมบัติของแพทย์ที่คุณกำลังพิจารณา คุณควรตรวจสอบว่าแพทย์มีใบอนุญาตและได้รับการฝึกอบรมในการฉีดโบท็อกซ์หรือไม่ สอบถามราคา: ถามหาปัจจัยอื่นๆ ที่อาจทำให้ราคาเปลี่ยนแปลงได้ เช่น ราคาการปรึกษา ปริมาณหน่วยโบท็อกซ์ และวิธีจ่ายเงิน คำนึงถึงรีวิวของลูกค้า: อ่านบทวิจารณ์ออนไลน์และสอบถามกับเพื่อนหรือสมาชิกครอบครัวเพื่อดูว่าพวกเขามีประสบการณ์อย่างไรกับคลินิกที่คุณกำลังพิจารณา สอบถามเกี่ยวกับกระบวนการฉีดโบท็อกซ์: สอบถามเกี่ยวกับกระบวนการฉีดโบท็อกซ์ คลินิกที่ดีควรสามารถอธิบายขั้นตอนและความเสี่ยงของการฉีดโบท็อกซ์ให้คุณทราบอย่างชัดเจน เลือกสถานที่ที่ผ่านการรับรอง: ตรวจสอบว่าสถานที่ให้บริการได้รับการรับรองหรืออนุญาตจากหน่วยงานที่กำกับดูแลหรือไม่ สอบถามเกี่ยวกับการติดตามผล: ถามว่าจะมีการนัดหมายติดตามผลหรือไม่เพื่อให้แพทย์สามารถประเมินผลลัพธ์และทำการปรับเปลี่ยนหากจำเป็น การเลือกคลินิกที่เหมาะสมสำหรับการฉีดโบท็อกซ์เป็นสิ่งสำคัญเพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด คุณควรพิจารณารายละเอียดต่างๆ ที่กล่าวมาทั้งหมด เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะได้รับบริการที่ดีที่สุด
ภาวะแทรกซ้อนหลังจากการร้อยไหมคือ ไตวาย ซึ่งเป็นภาวะที่รุนแรงและสามารถนำไปสู่การเสียชีวิตได้ การใช้ไตเทียมเป็นวิธีการรักษาที่ใช้ในการกรองของเสียออกจากเลือดเมื่อไตไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ไตเทียมสามารถช่วยให้ผู้ป่วยไตวายมีชีวิตอยู่ได้ แต่มันไม่ใช่การรักษาที่ถาวร การแก้ปัญหาภาวะแทรกซ้อนหลังจากการร้อยไหมคือ ไตวายนั้นขึ้นอยู่กับสาเหตุของภาวะแทรกซ้อนดังกล่าว หากภาวะแทรกซ้อนเกิดจากการติดเชื้อ แนวทางการรักษาก็คือการใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อกำจัดการติดเชื้อ หากภาวะแทรกซ้อนเกิดจากการแพ้สารที่ใช้ในการร้อยไหม แนวทางการรักษาก็คือการใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการแพ้และหยุดใช้สารที่แพ้ หากภาวะแทรกซ้อนเกิดจากการทำลายเนื้อไต แนวทางการรักษาก็คือการใช้ยาเพื่อปกป้องไตและชะลอการเสื่อมสภาพของไต ในกรณีที่ภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจนทำให้เกิดไตวาย การรักษาหลักก็คือการใช้ไตเทียม ไตเทียมมีสองประเภทหลักๆ ได้แก่ ไตเทียมแบบฟอกเลือด (Hemodialysis) และไตเทียมแบบล้างช่องท้อง (Peritoneal Dialysis) ไตเทียมแบบฟอกเลือดเป็นวิธีการที่ใช้ในการกรองของเสียออกจากเลือดโดยการใช้เครื่องไตเทียม ไตเทียมแบบล้างช่องท้องเป็นวิธีการที่ใช้ในการกรองของเสียออกจากเลือดโดยการใช้สารละลายล้างช่องท้อง การรักษาภาวะแทรกซ้อนหลังจากการร้อยไหมคือ ไตวายเป็นกระบวนการที่ยาวนานและซับซ้อน ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการดูแลจากแพทย์และพยาบาลอย่างใกล้ชิดเพื่อให้แน่ใจว่าภาวะแทรกซ้อนจะได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมและผู้ป่วยจะได้รับการฟื้นฟูสุขภาพให้ดีขึ้น