คิ้วตก หางคิ้วตกเกิดจากอะไร แก้ปัญหาอย่างไรดี คิ้วตก หางคิ้วตก เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในผู้ที่มีอายุมากขึ้น เนื่องจากผิวหนังบริเวณรอบดวงตาเริ่มหย่อนคล้อยลง แต่ในบางกรณี คิ้วตก หางคิ้วตก อาจเกิดขึ้นได้ในผู้ที่ยังอายุน้อย โดยอาจมีสาเหตุมาจาก 1. กรรมพันธุ์ ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวมีปัญหาคิ้วตก หางคิ้วตก มีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาเดียวกันนี้ได้เพิ่มขึ้น 2. ภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรง ภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรง เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือโรคพาร์กินสัน อาจทำให้เกิดปัญหาคิ้วตก หางคิ้วตกได้ เนื่องจากกล้ามเนื้อที่ช่วยในการยกคิ้วอ่อนแอลง 3. การบาดเจ็บที่บริเวณใบหน้า การบาดเจ็บที่บริเวณใบหน้า เช่น การถูกของมีคมบาด การถูกไฟไหม้ อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อกล้ามเนื้อและเส้นประสาทบริเวณคิ้ว ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาคิ้วตก หางคิ้วตกได้ 4. การใช้โบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์บริเวณใบหน้า การใช้โบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์บริเวณใบหน้า หากได้รับการฉีดในปริมาณที่มากเกินไปหรือในบริเวณที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้เกิดการกดทับกล้ามเนื้อหรือเส้นประสาทบริเวณคิ้วจนเกิดปัญหาคิ้วตก หางคิ้วตกได้ การแก้ปัญหาคิ้วตก หางคิ้วตก การแก้ปัญหาคิ้วตก หางคิ้วตก มีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับสาเหตุของปัญหา ดังนี้ 1. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หากสาเหตุของคิ้วตก หางคิ้วตกเกิดจากการใช้งานกล้ามเนื้อคิ้วมากเกินไป เช่น การขมวดคิ้วหรือการหรี่ตาบ่อยๆ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านี้สามารถช่วยบรรเทาปัญหาคิ้วตก หางคิ้วตกได้ […]
Category Archives: Skincare
ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับการร้อยไหมก่อนเข้ารับบริการ: ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการร้อยไหม ขั้นตอนการเตรียมตัว ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงการดูแลหลังจากร้อยไหม เพื่อให้คุณสามารถเตรียมตัวและดูแลตัวเองได้อย่างถูกต้อง แจ้งประวัติสุขภาพของคุณให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด: ก่อนเข้ารับบริการร้อยไหม แพทย์จำเป็นต้องทราบประวัติสุขภาพของคุณอย่างละเอียด รวมถึงโรคประจำตัว ยาที่กำลังรับประทาน ประวัติการแพ้ยาหรืออาหาร และการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร หากคุณมีประวัติสุขภาพที่อาจส่งผลต่อการร้อยไหม เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคเลือด หรือโรคผิวหนัง คุณควรแจ้งให้แพทย์ทราบ เพื่อที่แพทย์จะได้ประเมินความเหมาะสมในการร้อยไหมและเตรียมการรักษาที่เหมาะสม งดอาหารเสริมและยาบางชนิดก่อนการร้อยไหม: แพทย์อาจแนะนำให้คุณงดรับประทานอาหารเสริมและยาบางชนิดที่อาจทำให้เลือดออกหรือมีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาแอสไพริน ยาไอบูโพรเฟน หรือยาต้านการอักเสบอื่นๆ เป็นต้น เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอาการบวมและเลือดออกหลังจากร้อยไหม พักผ่อนให้เพียงพอและหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์: ก่อนเข้ารับบริการร้อยไหม คุณควรพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง และหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนการร้อยไหม เพื่อให้ร่างกายมีสภาพพร้อมรับบริการและลดความเสี่ยงของการเกิดอาการข้างเคียง งดการแต่งหน้าและดูแลผิวหน้าก่อนการร้อยไหม: ก่อนเข้ารับบริการร้อยไหม คุณควรล้างหน้าทำความสะอาดผิวหนังบริเวณที่จะทำการร้อยไหมให้สะอาดและงดการทาครีมหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวใดๆ เพื่อให้ผิวหนังบริเวณดังกล่าวพร้อมสำหรับการร้อยไหมและลดความเสี่ยงของการเกิดการติดเชื้อ รับประทานอาหารมื้อเบาๆ ก่อนเข้ารับบริการ: ก่อนเข้ารับบริการร้อยไหม คุณควรรับประทานอาหารมื้อเบาๆ และหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหนักหรืออาหารมื้อใหญ่ เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดอาการคลื่นไส้หรืออาเจียนหลังจากการร้อยไหม
การดื่มแอลกอฮอล์หลังทำร้อยไหมอาจส่งผลเสียต่อร่างกายและการฟื้นตัวของแผลได้ เนื่องจากแอลกอฮอล์มีฤทธิ์ขยายหลอดเลือด ทำให้เลือดออกง่ายขึ้นและเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น เลือดคั่ง ช้ำ บวม ซึ่งอาจส่งผลต่อการรักษาและการฟื้นฟูของแผลได้ นอกจากนี้ แอลกอฮอล์ยังมีฤทธิ์ในการยับยั้งการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายมีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ โดยทั่วไปแล้ว แพทย์จะแนะนำให้หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์หลังทำร้อยไหมเป็นเวลาอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ หรือจนกว่าแผลจะหายดี เพื่อให้ร่างกายมีเวลาในการฟื้นฟูและลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน หากจำเป็นต้องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงนี้ ควรดื่มในปริมาณน้อยและไม่ควรดื่มติดต่อกันหลายวัน เนื่องจากอาจส่งผลข้างเคียงต่อสุขภาพและการฟื้นตัวของร่างกายได้ ดังนั้น หากคุณกำลังวางแผนที่จะทำร้อยไหม ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงก่อนและหลังทำร้อยไหม ตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อให้ร่างกายมีโอกาสในการฟื้นตัวอย่างเต็มที่และลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน
หลังจากทำ Ulthera อาจมีอาการบวมช้ำได้ ซึ่งอาการบวมหลังทำ Ulthera นี้จะมีระดับความรุนแรงแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัย เช่น การตอบสนองของร่างกายต่อคลื่นเสียงความถี่สูง อายุของผู้เข้ารับบริการ เทคนิคของแพทย์ผู้ทำ รวมถึงการดูแลตัวเองหลังทำด้วย โดยทั่วไปแล้วการบวมจะลดลงอย่างเห็นได้ชัดภายใน 1-2 สัปดาห์หลังทำ แต่อาจยังมีอาการบวมอยู่เล็กน้อยในบางราย สำหรับอาการบวมที่เกิดขึ้นหลังจากทำ Ulthera นี้ไม่ได้เป็นอันตรายใดๆ ไม่จำเป็นต้องทานยาหรือใช้วิธีการอื่นรักษาใดๆ ช่วยได้ เพียงแค่รับประทานยาแก้ปวดพาราเซตามอล อาจใช้เจลเย็นประคบลดบวมได้ อาการบวมจะค่อยๆ ยุบลงไปเองภายใน 1-2 สัปดาห์หลังทำ อย่างไรก็ตาม หากหลังทำ Ulthera แล้วมีอาการบวมมากหรือมีอาการผิดปกติอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ปวด บวม แดง ร้อน เป็นหนอง บริเวณที่ทำมีลักษณะผิดปกติ เช่น นูน แข็ง ดำ เขียว ช้ำ แนะนำให้รีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
การฉีดฟิลเลอร์เป็นขั้นตอนความงามที่ได้รับความนิยมที่ใช้เพื่อเพิ่มปริมาตร ลดริ้วรอย และปรับปรุงรูปร่างของใบหน้าหรือร่างกาย ฟิลเลอร์มีให้เลือกหลายประเภท แต่โดยทั่วไปแล้วจะเป็นสารสังเคราะห์หรือสารกึ่งสังเคราะห์ที่ปลอดภัยและเข้ากันได้กับร่างกาย โดยทั่วไป อาการบวมหลังฉีดฟิลเลอร์จะอยู่ได้นาน 2-4 วัน โชคดีที่อาการบวมนี้มักไม่รุนแรงและสามารถรักษาได้ง่ายๆ ที่บ้าน ต่อไปนี้คือเคล็ดลับบางประการในการลดอาการบวมหลังฉีดฟิลเลอร์ ประคบเย็นบริเวณที่ฉีด ประคบเย็นบริเวณที่ฉีดด้วยถุงน้ำแข็งหรือผ้าเย็นเป็นเวลา 15-20 นาทีทุกๆ 2-3 ชั่วโมงในวันแรกหลังการฉีด นอนหัวสูง การนอนหัวสูงสามารถช่วยลดอาการบวมได้โดยช่วยให้น้ำไหลออกจากบริเวณที่ฉีดได้ดีขึ้น หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เกิดความเครียด กิจกรรมที่ทำให้เกิดความเครียด เช่น การออกกำลังกาย การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่ อาจทำให้อาการบวมแย่ลงได้ ดื่มน้ำปริมาณมาก การดื่มน้ำปริมาณมากสามารถช่วยให้ร่างกายกำจัดของเสียได้ดีขึ้น ซึ่งอาจช่วยลดอาการบวมได้ รับประทานอาหารที่มีเกลือต่ำ การรับประทานอาหารที่มีเกลือต่ำสามารถช่วยลดการคั่งของน้ำ ซึ่งอาจช่วยลดอาการบวมได้ หลีกเลี่ยงการนวดบริเวณที่ฉีด การนวดบริเวณที่ฉีดอาจทำให้เกิดอาการบวมแย่ลงได้ พบแพทย์หากอาการบวมไม่ดีขึ้น หากอาการบวมไม่ดีขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจสอบ
งดการออกกำลังกายอย่างหนัก เป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังฉีดแฟต เพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้เกิดแรงกดกับบริเวณที่ฉีดและมีโอกาสทำให้แฟตกระจายตัวไปยังจุดอื่นได้ งดการอาบน้ำด้วยน้ำร้อน หรือการซาวน่า เป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังฉีดแฟต เพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้เกิดการระคายเคืองหรือการอักเสบที่บริเวณที่ฉีด งดการนวด บริเวณที่ฉีดแฟต เป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน เพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้เกิดการกระจายตัวของแฟตและอาจทำให้เกิดการอักเสบได้ หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง เป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์หลังฉีดแฟต เพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้เกิดการระคายเคืองหรือการอักเสบที่บริเวณที่ฉีด ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อช่วยให้ร่างกายขับของเสียและสารพิษออกจากร่างกายได้ตามปกติ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เพื่อช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้มั่นใจว่าการฉีดแฟตจะปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ร่องแก้มลึกเป็นหนึ่งในสัญญาณของการเสื่อมสภาพตามวัยที่ทำให้ใบหน้าดูมีอายุ การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มเป็นวิธีการหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการฉีดสารไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) เข้าไปในบริเวณร่องแก้มเพื่อเติมเต็มและยกกระชับผิวให้เต่งตึงขึ้น ฟิลเลอร์ร่องแก้มมีหลายประเภท แต่ที่นิยมใช้กันมากที่สุดคือฟิลเลอร์ร่องแก้มแบบชั่วคราว ซึ่งจะสลายตัวไปตามธรรมชาติภายใน 6-12 เดือน หลังจากนั้นอาจต้องฉีดซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์ ฟิลเลอร์ร่องแก้มเป็นวิธีการที่ค่อนข้างปลอดภัย แต่ก็อาจเกิดผลข้างเคียงได้ เช่น อาการบวม แดง ช้ำ หรือเจ็บที่บริเวณที่ฉีด ซึ่งมักจะหายไปภายในไม่กี่วัน การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มควรทำโดยแพทย์ที่มีความชำนาญและประสบการณ์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและปลอดภัย
ริ้วรอยเกิดจากอะไร ริ้วรอยบนใบหน้าเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ตามกาลเวลา แต่ก็มีปัจจัยบางอย่างที่ทำให้เกิดริ้วรอยได้เร็วกว่าปกติ ได้แก่ อายุ: เมื่ออายุมากขึ้น ผิวหนังจะสูญเสียความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้น ทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่ายขึ้น แสงแดด: รังสียูวีในแสงแดดสามารถทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนัง ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยให้ผิวหนังกระชับและยืดหยุ่น เมื่อคอลลาเจนและอีลาสตินถูกทำลาย ผิวหนังจะสูญเสียความยืดหยุ่นและเกิดริ้วรอยได้ง่ายขึ้น บุหรี่: การสูบบุหรี่จะทำให้ผิวหนังสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่ายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ สารเคมีในบุหรี่ยังสามารถระคายเคืองผิวหนังและทำให้เกิดริ้วรอยได้อีกด้วย การแสดงสีหน้า: การแสดงสีหน้าซ้ำๆ เช่น การขมวดคิ้วหรือยิ้ม ก็สามารถทำให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้าได้ กรรมพันธุ์: บางคนอาจมีแนวโน้มเกิดริ้วรอยบนใบหน้าง่ายกว่าคนอื่นๆ เนื่องจากกรรมพันธุ์ ลดริ้วรอยอย่างไรดี มีวิธีต่างๆ มากมายในการลดริ้วรอยบนใบหน้า ได้แก่ ใช้ครีมกันแดดเป็นประจำ: การใช้ครีมกันแดดทุกวันสามารถช่วยปกป้องผิวหนังจากรังสียูวีในแสงแดดได้ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดริ้วรอย ไม่สูบบุหรี่: การเลิกสูบบุหรี่สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดริ้วรอยบนใบหน้าได้ ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของเรตินอยด์หรือวิตามินซี: ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของเรตินอยด์หรือวิตามินซีสามารถช่วยลดริ้วรอยและทำให้ผิวหนังกระชับขึ้นได้ ฉีดโบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์: การฉีดโบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์สามารถช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้าได้ชั่วคราว การทำเลเซอร์: การทำเลเซอร์สามารถช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้าได้ แต่การทำเลเซอร์มักจะมีราคาแพงและอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้เช่นกัน นอกจากวิธีการข้างต้นแล้ว ยังมีวิธีธรรมชาติอื่นๆ ที่สามารถช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้าได้ ได้แก่ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ: การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอสามารถช่วยให้ผิวหนังได้ซ่อมแซมตัวเองและลดริ้วรอยบนใบหน้าได้ ดื่มน้ำมากๆ: การดื่มน้ำมากๆ สามารถช่วยให้ผิวหนังชุ่มชื้นและลดริ้วรอยบนใบหน้าได้ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผลไม้ […]
Ulthera รอบดวงตา ยกกระชับรอบดวงตา Ulthera รอบดวงตา เป็นเทคนิคการยกกระชับผิวรอบดวงตาโดยใช้คลื่นอัลตร้าซาวด์พลังงานสูง (High-Intensity Focused Ultrasound หรือ HIFU) ที่สามารถส่งผ่านลงไปยังชั้นกล้ามเนื้อใต้ผิวหนัง (Superficial Muscular Aponeurotic System หรือ SMAS) ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่แพทย์ทำการผ่าตัดดึงหน้า โดย Ulthera จะปล่อยคลื่นอัลตร้าซาวด์พลังงานสูงลงไปยังชั้น SMAS โดยตรง โดยจะเกิดการสร้างบาดแผลขนาดเล็กและการอักเสบชั่วคราว ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ขึ้นมา ซึ่งจะช่วยยกกระชับผิวรอบดวงตาให้เต่งตึงขึ้น ลดริ้วรอยแห่งวัย และทำให้ดวงตาดูสดใสขึ้น ข้อดีของการทำ Ulthera รอบดวงตา ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ทำให้เกิดแผลเป็น สามารถเห็นผลการรักษาได้อย่างชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรก ผลการรักษาสามารถอยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปี Ulthera รอบดวงตาเหมาะกับใคร ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา เช่น รอยตีนกา รอยเหี่ยวย่น ผู้ที่มีปัญหากล้ามเนื้อรอบดวงตาหย่อนคล้อย ทำให้หนังตาตก ผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวรอบดวงตาให้เต่งตึงขึ้น ผู้ที่ต้องการให้ดวงตาดูสดใสขึ้น ขั้นตอนการทำ Ulthera รอบดวงตา แพทย์จะทำความสะอาดผิวรอบดวงตาของคุณ แพทย์จะทาเจลลงบนผิวรอบดวงตาของคุณ เพื่อช่วยให้คลื่นอัลตร้าซาวด์ผ่านลงไปได้ดีขึ้น […]
ราคาการร้อยไหมจะแตกต่างกันไปในแต่ละสถานเสริมความงาม สาเหตุที่มีความแตกต่างกันมาจากหลายปัจจัย เช่น ชนิดของไหม แต่ละสถานเสริมความงามอาจใช้ไหมที่แตกต่างกันไป ซึ่งมีหลายชนิด เช่น ไหมละลาย ไหมก้างปลา ไหมปฏิชีวนะ เป็นต้น ไหมแต่ละประเภทมีราคาที่แตกต่างกัน รวมถึงคุณภาพและระยะเวลาในการคงอยู่ก็แตกต่างกันด้วย จำนวนเส้นไหม ปริมาณเส้นไหมที่ใช้ในการร้อยไหมก็เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาด้วย โดยทั่วไป ร้อยไหมจำนวนมาก จะมีราคาสูงกว่า เนื่องจากใช้เวลาในการทำมากกว่า ความยาก-ง่ายของการร้อยไหม การร้อยไหมในบางบริเวณมีความซับซ้อนและยากกว่าการร้อยในบางบริเวณ เช่น การร้อยไหมเพื่อยกกระชับใบหน้า จะมีราคาสูงกว่าการร้อยในบริเวณแก้ม เป็นต้น ประสบการณ์และชื่อเสียงของสถานเสริมความงาม สถานเสริมความงามที่มีชื่อเสียงและมีผู้เข้ารับการบริการมาก มักมีราคาสูงกว่าสถานเสริมความงามขนาดเล็กหรือเพิ่งเปิดใหม่ โปรโมชัน บางสถานเสริมความงามอาจมีโปรโมชันหรือชุดราคาเพื่อดึงดูดลูกค้า เช่น ซื้อคอร์สหลายครั้ง ได้ราคาพิเศษ เป็นต้น ดังนั้น เมื่อพิจารณาราคาการร้อยไหม ผู้เข้ารับบริการไม่ควรตัดสินใจเพียงแค่ราคาเพียงอย่างเดียว ควรพิจารณาถึงคุณภาพของไหม ความน่าเชื่อถือของสถานเสริมความงาม และความชำนาญของแพทย์ผู้ทำด้วย