โบท็อกซ์ปีกจมูก เป็นเทคนิคการลดขนาดปีกจมูกแบบใหม่ ที่ไม่ต้องผ่าตัด ปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ โดยใช้โบท็อกซ์ฉีดบริเวณปีกจมูก เพื่อให้กล้ามเนื้อปีกจมูกคลายตัวและเล็กลง ปีกจมูกจึงเล็กลงและกระชับยิ่งขึ้น โบท็อกซ์ปีกจมูก เหมาะสำหรับผู้ที่มีปีกจมูกใหญ่หรือบาน ต้องการให้ปีกจมูกเล็กลงและกระชับยิ่งขึ้น แต่ไม่ต้องการผ่าตัด ข้อดีของการฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูก ไม่ต้องผ่าตัด ปลอดภัย ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน ไม่เจ็บ ไม่ต้องพักฟื้น ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-12 เดือน ขั้นตอนการฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูก แพทย์จะทำความสะอาดปีกจมูกและทายาชา แพทย์จะฉีดโบท็อกซ์บริเวณปีกจมูก หลังจากฉีดโบท็อกซ์แล้ว อาจมีอาการบวมหรือช้ำเล็กน้อย ซึ่งจะหายไปภายในไม่กี่วัน ผลข้างเคียงของการฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูก การฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูกเป็นวิธีการที่ปลอดภัย แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงได้ เช่น อาการบวมหรือช้ำเล็กน้อย การฉีดยาชาอาจทำให้รู้สึกไม่สบายเล็กน้อย คำแนะนำหลังการฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูก หลีกเลี่ยงการกดนวดบริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์ หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังจากการฉีดโบท็อกซ์
Category Archives: Skincare
ร้อยไหมดีไหม ร้อยแล้วเกิดพังผืดจริงหรือไม่ การร้อยไหม เป็นเทคนิคการยกกระชับใบหน้าและปรับรูปหน้า ด้วยการใช้เข็มแหลมสอดไหมละลายเข้าไปใต้ผิวหนัง จากนั้นแพทย์จะดึงไหมให้ตึงเพื่อทำให้ผิวหน้ายกกระชับและตึงขึ้น แต่ยังคงความเป็นธรรมชาติ ไม่ดูแข็งเหมือนการผ่าตัด ข้อดีของการร้อยไหม เป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด รวดเร็ว เห็นผลทันทีหลังทำ ช่วยยกกระชับผิวหน้า ปรับรูปหน้าให้ชัดขึ้น ลดริ้วรอย ย่น ร่องลึกต่างๆ ได้ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ทำให้ผิวหน้าเต่งตึงขึ้น เส้นไหมที่ใช้จะค่อยๆ สลายไปในระยะเวลา 6-24 เดือน ข้อเสียของการร้อยไหม อาจเกิดการช้ำ บวม เขียวได้หลังทำ อาจเกิดการติดเชื้อได้หากไม่ได้รับการดูแลที่ถูกต้อง หากร้อยไหมไม่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดพังผืดหรือเส้นประสาทเสียหายได้ ร้อยไหมแล้วเกิดพังผืดจริงหรือไม่ การร้อยไหมที่ถูกต้องจะไม่ทำให้เกิดพังผืด แต่หากร้อยไหมไม่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดพังผืดได้ เช่น การร้อยไหมที่ลึกเกินไป เข้าไปถึงชั้นกล้ามเนื้อ การร้อยไหมด้วยไหมที่ไม่ละลาย การร้อยไหมโดยแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญ วิธีการดูแลหลังการร้อยไหมที่ถูกต้อง ประคบเย็นบริเวณที่ร้อยไหมเป็นประจำ เพื่อลดอาการบวมและช้ำ หลีกเลี่ยงการนวดหรือกดบริเวณที่ร้อยไหม หลีกเลี่ยงการโดนแดดจัด ทำความสะอาดบริเวณที่ร้อยไหมด้วยน้ำเปล่าหรือน้ำเกลือเท่านั้น งดการแต่งหน้าเป็นเวลา 2-3 วัน งดการออกกำลังกายหนักเป็นเวลา 2-3 สัปดาห์ หากมีอาการผิดปกติใดๆ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที
ร้อยไหมอิตาลี Definisse คืออะไร ร้อยไหมอิตาลี Definisse เป็นเทคนิกร้อยไหมละลายที่ช่วยยกกระชับผิวและปรับรูปหน้า โดยไหมอิตาลี Definisse มีความปลอดภัยสูงเพราะเป็นชนิดเดียวกับที่ใช้ในการผ่าตัดหัวใจ จึงไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคือง และสามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติภายใน 6-12 เดือน ข้อดีของการร้อยไหมอิตาลี Definisse ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยให้เต่งตึงขึ้น ปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนที่เหมาะสม ลดเลือนริ้วรอยและร่องลึกบนใบหน้า ช่วยให้ผิวเรียบเนียนและกระชับขึ้น ฟื้นฟูสภาพผิวให้ดูอ่อนเยาว์ลง ไม่มีแผลเป็นหลังการรักษา ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติและยาวนาน ราคาของการร้อยไหมอิตาลี Definisse ราคาของการร้อยไหมอิตาลี Definisse ขึ้นอยู่กับจำนวนเส้นไหมที่ใช้ จำนวนครั้งที่เข้ารับบริการ และคลินิกหรือโรงพยาบาลที่ให้บริการ โดยทั่วไปราคาจะเริ่มต้นที่ประมาณ 10,000 บาท และอาจสูงถึง 30,000 บาท ข้อควรปฏิบัติหลังการร้อยไหมอิตาลี Definisse งดการสัมผัสใบหน้าหรือบริเวณที่ร้อยไหม หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ หรือการยกของหนักในช่วง 2-3 วันแรก ประคบเย็นบริเวณที่ร้อยไหมเพื่อลดอาการบวมหรือช้ำ รับประทานยาแก้ปวดหรือยาแก้อักเสบตามแพทย์สั่ง กลับมาพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามผลการรักษา
ค่าใช้จ่ายในการฉีดฟิลเลอร์ขมับนั้นแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของฟิลเลอร์ที่ใช้ ชื่อเสียงของแพทย์หรือคลินิก และปริมาณของฟิลเลอร์ที่ฉีด ราคาโดยทั่วไปอยู่ระหว่าง 5,000-20,000 บาท โดยแบ่งออกเป็นดังนี้ ฟิลเลอร์ชนิดชั่วคราว (Hyaluronic Acid Fillers) ซึ่งจะสลายไปภายใน 6-12 เดือน มีราคาโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 5,000-10,000 บาทต่อมิลลิลิตร ฟิลเลอร์ชนิดกึ่งถาวร (Radiesse และ Calcium Hydroxylapatite Fillers) ซึ่งจะคงอยู่ได้นานถึง 1-2 ปี มีราคาโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 10,000-20,000 บาทต่อมิลลิลิตร ส่วนยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่นิยมใช้ในการฉีดขมับนั้น ได้แก่ Restylane (เรสทิเลน) ผลิตจากกรดไฮยาลูรอนิก มีจุดเด่นที่เนื้อฟิลเลอร์มีความละเอียด จึงเหมาะสำหรับการฉีดบริเวณที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น ร่องแก้ม ใต้ตา ขมับ Juvederm (จูวีเดิร์ม) ผลิตจากกรดไฮยาลูรอนิกเช่นกัน จุดเด่นคือเนื้อฟิลเลอร์มีความเหนียว ยืดหยุ่น สูง ช่วยเติมเต็มใบหน้าที่มีริ้วรอยลึกหรือเหี่ยวย่นได้ดีกว่า Restylane เหมาะสำหรับการฉีดบริเวณแก้ม หน้าผาก ร่องมุมปาก และขมับ Belotero (เบโลเทโร) ผลิตจากกรดไฮยาลูรอนิกแบบพิเศษ […]
รูขุมขนกว้าง เกิดจากอะไร รวม 5 วิธีกระชับรูขุมขน รูขุมขนกว้างเป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในบริเวณจมูก แก้ม และหน้าผาก รูขุมขนกว้างเกิดจากการผลิตน้ำมันส่วนเกินในผิวหนัง ซึ่งสามารถอุดตันรูขุมขนและทำให้เกิดสิวได้ นอกจากนี้รูขุมขนกว้างยังสามารถทำให้ผิวดูหยาบกร้านและมีริ้วรอยได้ สาเหตุของรูขุมขนกว้าง มีหลายสาเหตุที่ทำให้เกิดรูขุมขนกว้าง เช่น กรรมพันธุ์: บางคนมีแนวโน้มที่จะมีรูขุมขนกว้างมากกว่าคนอื่นๆ ฮอร์โมน: การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย เช่น ในช่วงวัยรุ่นและวัยหมดประจำเดือน สามารถทำให้เกิดรูขุมขนกว้างได้ การผลิตน้ำมันส่วนเกินในผิวหนัง: คนที่มีผิวมันมีแนวโน้มที่จะมีรูขุมขนกว้างมากกว่าคนที่มีผิวแห้ง สิว: การเกิดสิวสามารถทำให้รูขุมขนกว้างขึ้นได้ แสงแดด: การสัมผัสกับแสงแดดเป็นเวลานานสามารถทำให้ผิวหนังหนาขึ้นและทำให้รูขุมขนกว้างขึ้นได้ การสูบบุหรี่: การสูบบุหรี่สามารถทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนัง ซึ่งทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อยและทำให้รูขุมขนกว้างขึ้นได้ การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม: การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวแห้งเกินไปหรือมันเกินไป สามารถทำให้รูขุมขนกว้างขึ้นได้ วิธีกระชับรูขุมขน มีหลายวิธีที่สามารถช่วยกระชับรูขุมขนได้ เช่น ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างถูกวิธี: การทำความสะอาดผิวหน้าอย่างถูกวิธีเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญในการกระชับรูขุมขน ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่อ่อนโยนและเหมาะกับสภาพผิว หลังจากทำความสะอาดผิวหน้าแล้วควรทาโทนเนอร์เพื่อช่วยกระชับรูขุมขน ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสม: การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสมสามารถช่วยกระชับรูขุมขนได้ ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมที่ช่วยกระชับรูขุมขน เช่น กรดซาลิไซลิก กรดไกลโคลิก หรือวิตามินซี ใช้มาสก์กระชับรูขุมขน: การใช้มาสก์กระชับรูขุมขนเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยกระชับรูขุมขนได้ ควรเลือกใช้มาสก์กระชับรูขุมขนที่เหมาะกับสภาพผิวและใช้เป็นประจำตามคำแนะนำบนฉลากผลิตภัณฑ์ ลดการผลิตน้ำมันส่วนเกินในผิวหนัง: การลดการผลิตน้ำมันส่วนเกินในผิวหนังสามารถช่วยกระชับรูขุมขนได้ […]
หลุมสิว คือรอยบุ๋มที่เกิดขึ้นบนใบหน้า เกิดจากการที่สิวอักเสบรุนแรงจนทำลายคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นไม่สามารถฟื้นฟูตัวเองได้ วิธีรักษาหลุมสิวมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของรอยหลุมสิว แต่โดยทั่วไปวิธีรักษาหลุมสิวสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ การรักษาด้วยวิธีธรรมชาติ และการรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์ 1. การรักษาหลุมสิวด้วยวิธีธรรมชาติ ทาครีมที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) หรือเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) เป็นการรักษาหลุมสิวแบบเรียบง่ายที่สามารถทำได้ที่บ้าน กรดซาลิไซลิกและเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์เป็นสารที่มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียและช่วยลดการอักเสบของผิวหนัง ใช้เจลว่านหางจระเข้ ว่านหางจระเข้มีคุณสมบัติในการสมานแผลและลดการอักเสบ จึงสามารถช่วยลดรอยหลุมสิวและทำให้ผิวหนังเรียบเนียนขึ้นได้ มาร์คหน้าด้วยน้ำผึ้ง น้ำผึ้งมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียและช่วยสมานแผล จึงสามารถช่วยลดรอยหลุมสิวและทำให้ผิวหนังเรียบเนียนขึ้นได้เช่นกัน นวดหน้าด้วยน้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติในการให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหนังและช่วยลดการอักเสบ จึงสามารถช่วยลดรอยหลุมสิวและทำให้ผิวหนังเรียบเนียนขึ้นได้ ดื่มน้ำมากๆ การดื่มน้ำมากๆ จะช่วยให้ผิวหนังชุ่มชื้นและมีสุขภาพดี ซึ่งจะช่วยลดการเกิดสิวและทำให้รอยหลุมสิวดูจางลงได้ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืช และโปรตีน จะช่วยให้ผิวหนังแข็งแรงและมีสุขภาพดี ซึ่งจะช่วยลดการเกิดสิวและทำให้รอยหลุมสิวดูจางลงได้ พักผ่อนให้เพียงพอ การพักผ่อนให้เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายมีเวลาซ่อมแซมเซลล์ผิวหนังและลดการเกิดสิว ซึ่งจะช่วยลดรอยหลุมสิวและทำให้ผิวหนังเรียบเนียนขึ้นได้ 2. การรักษาหลุมสิวด้วยวิธีทางการแพทย์ การลอกผิวหนังด้วยสารเคมี (Chemical Peel) เป็นการใช้สารเคมีในการขจัดเซลล์ผิวหนังชั้นนอกที่มีรอยหลุมสิวออก ทำให้ผิวหนังเรียบเนียนขึ้น การลอกผิวหนังด้วยสารเคมีสามารถทำได้หลายครั้ง […]
นอนหลับให้เพียงพอ การนอนหลับไม่เพียงพอสามารถนำไปสู่ขอบตาดำได้ เมื่อคุณนอนหลับไม่เพียงพอ ร่างกายของคุณจะผลิตคอร์ติซอลซึ่งเป็นฮอร์โมนความเครียด ซึ่งอาจทำให้เกิดการอักเสบและการเกิดรอยคล้ำใต้ตาได้ การนอนหลับให้เพียงพออย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืนสามารถช่วยลดขอบตาดำได้ ใช้ครีมบำรุงรอบดวงตาที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน, วิตามินซีและกรดไฮยาลูโรนิก ครีมบำรุงรอบดวงตาที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนสามารถช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและลดการบวมใต้ตาได้ วิตามินซีสามารถช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอและลดการสร้างเม็ดสี ซึ่งอาจทำให้เกิดรอยคล้ำใต้ตาได้ กรดไฮยาลูโรนิกสามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวรอบดวงตาและลดการเกิดริ้วรอย ประคบเย็น การประคบเย็นสามารถช่วยลดการบวมและการอักเสบใต้ตาได้ คุณสามารถใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นหรือถุงประคบเย็นประคบใต้ตาเป็นเวลา 10-15 นาที ใช้ผลิตภัณฑ์ปกปิดรอยคล้ำใต้ตา หากคุณต้องการปกปิดรอยคล้ำใต้ตาในระหว่างวัน คุณสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ปกปิดรอยคล้ำใต้ตาได้ เลือกผลิตภัณฑ์ปกปิดรอยคล้ำใต้ตาที่มีเฉดสีที่เข้ากับสีผิวของคุณและเกลี่ยให้เรียบเนียน
โบท็อกซ์ยี่ห้อ Allergan (Botox) บริเวณหน้าผาก: 10,000-20,000 บาท บริเวณหางตา: 10,000-15,000 บาท บริเวณกราม: 15,000-20,000 บาท บริเวณลำคอ: 20,000-30,000 บาท โบท็อกซ์ยี่ห้อ Galderma (Dysport) บริเวณหน้าผาก: 8,000-12,000 บาท บริเวณหางตา: 8,000-10,000 บาท บริเวณกราม: 12,000-15,000 บาท บริเวณลำคอ: 15,000-20,000 บาท โบท็อกซ์ยี่ห้อ Hugel (Letybo) บริเวณหน้าผาก: 6,000-8,000 บาท บริเวณหางตา: 6,000-8,000 บาท บริเวณกราม: 8,000-10,000 บาท บริเวณลำคอ: 10,000-12,000 บาท โบท็อกซ์ยี่ห้อ Daewoong (Nabota) บริเวณหน้าผาก: 5,000-7,000 บาท บริเวณหางตา: 5,000-7,000 บาท บริเวณกราม: […]
การกำจัดขนน้องสาวด้วยเลเซอร์เป็นวิธีการกำจัดขนที่ถาวรและปลอดภัย ช่วยให้คุณกำจัดขนที่ไม่พึงประสงค์ได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกำจัดขนบริเวณน้องสาวอย่างถาวร เลเซอร์กำจัดขนทำงานโดยการปล่อยพลังงานแสงเลเซอร์ความเข้มข้นสูงไปยังรากขน พลังงานแสงเลเซอร์จะถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนและทำลายเซลล์รากขนทำให้ไม่สามารถสร้างขนใหม่ได้อีก การกำจัดขนด้วยเลเซอร์นั้นปลอดภัยและไม่เจ็บปวด โดยทั่วไปจะใช้เวลาเพียง 2-3 นาทีในการกำจัดขนในแต่ละครั้ง และต้องทำซ้ำ 4-6 ครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด การกำจัดขนน้องสาวด้วยเลเซอร์เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวขาวและขนสีเข้ม เนื่องจากพลังงานแสงเลเซอร์จะถูกดูดซับได้ดีโดยเม็ดสีในรากขน หากคุณมีผิวคล้ำหรือขนสีอ่อน การกำจัดขนด้วยเลเซอร์อาจไม่เหมาะกับคุณ หากคุณสนใจที่จะกำจัดขนน้องสาวด้วยเลเซอร์ โปรดปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม
เลเซอร์หลุมสิว คือ การใช้พลังงานเลเซอร์ในการรักษาหลุมสิว โดยเลเซอร์จะสร้างความร้อนทำให้เกิดเนื้อเยื่อใหม่แทนที่เนื้อเยื่อเดิมที่เป็นหลุมสิว เลเซอร์หลุมสิวสามารถช่วยได้ในหลายๆ กรณี เช่น หลุมสิวชนิดกลม (Icepick scars) หลุมสิวชนิดรูกลมกว้าง (Boxcar scars) หลุมสิวชนิดเป็นคลื่น (Rolling scars) เลเซอร์หลุมสิวอาจจะไม่สามารถรักษาหลุมสิวได้ทั้งหมด แต่สามารถช่วยให้หลุมสิวตื้นขึ้นและผิวเรียบเนียนขึ้นได้ ข้อดีของการรักษาหลุมสิวด้วยเลเซอร์ ได้แก่ เป็นวิธีการที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ใช้เวลาในการรักษาไม่นาน ไม่ต้องพักฟื้นนาน เหมาะสำหรับผู้ที่มีหลุมสิวไม่ลึกมาก ข้อเสียของการรักษาหลุมสิวด้วยเลเซอร์ ได้แก่ อาจมีอาการเจ็บหรือแสบได้บ้างระหว่างการรักษา อาจมีรอยแดงหรือรอยดำหลังการรักษา ซึ่งจะหายไปได้เองภายในไม่กี่วัน อาจจำเป็นต้องทำการรักษาหลายครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี หากคุณมีหลุมสิวและสนใจในการรักษาด้วยเลเซอร์ ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับคำแนะนำเพิ่มเติม