Category Archives: Blog

ญี่ปุ่นซื้ออะไร 2567

ญี่ปุ่นซื้ออะไร 2567 ญี่ปุ่นเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับสามของโลก และเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความหลากหลายทางเศรษฐกิจมากที่สุดในโลก ในปี 2567 ญี่ปุ่นคาดว่าจะซื้อสินค้าและบริการจากทั่วโลกมูลค่ารวมกว่า 6.5 ล้านล้านดอลลาร์ โดยรายการนำเข้าหลักๆ ของญี่ปุ่น ได้แก่ วัตถุดิบทางอุตสาหกรรม (34.5%) วัตถุดิบทางอุตสาหกรรม เช่น เหล็ก ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ และแร่โลหะ เป็นสิ่งที่ญี่ปุ่นจำเป็นต้องนำเข้าเพื่อใช้ในกระบวนการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมต่างๆ เครื่องจักรและอุปกรณ์ (25.2%) เครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ เป็นสิ่งที่ญี่ปุ่นนำเข้าเพื่อใช้ในการผลิตสินค้าและให้บริการต่างๆ ผลิตภัณฑ์เกษตร (13.9%) ผลิตภัณฑ์เกษตรเป็นสิ่งที่ญี่ปุ่นจำเป็นต้องนำเข้าเพื่อเลี้ยงประชากรของประเทศ เชื้อเพลิง (10.1%) เชื้อเพลิงเป็นสิ่งที่ญี่ปุ่นจำเป็นต้องนำเข้าเพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้าและขับเคลื่อนยานพาหนะต่างๆ อุปโภคบริโภค (8.7%) อุปโภคบริโภคเป็นสิ่งที่ญี่ปุ่นนำเข้าเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคภายในประเทศ ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีการนำเข้าสินค้าและบริการจากทั่วโลกเป็นจำนวนมาก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายและความซับซ้อนของเศรษฐกิจญี่ปุ่น รายการนำเข้าหลักๆ ของญี่ปุ่นสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของประเทศในด้านวัตถุดิบทางอุตสาหกรรม เครื่องจักรและอุปกรณ์ ผลิตภัณฑ์เกษตร เชื้อเพลิง และอุปโภคบริโภค

ไปญี่ปุ่นซื้ออะไรดี 2567

ไปญี่ปุ่นซื้ออะไรดี 2567 ของฝากจากญี่ปุ่นที่น่าสนใจ ขนมญี่ปุ่น (Japanese sweets) เช่น โมจิ ไดฟุกุ โดรายากิ เซมเบ้ ขนมปังเมลอน และอื่นๆ ขนมญี่ปุ่นมีหลากหลายรสชาติและรูปร่าง และมักทำจากส่วนผสมคุณภาพสูง จึงเป็นของฝากที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบขนม ชาญี่ปุ่น (Japanese tea) เช่น เซนฉะ ชาเขียว มาชะ ชารูปหู และอื่นๆ ชาญี่ปุ่นมีกลิ่นหอมและรสชาติเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และยังมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย เครื่องสำอางญี่ปุ่น (Japanese cosmetics) เช่น ครีมกันแดด รองพื้น ลิปสติก มาสคาร่า อายแชโดว์ และอื่นๆ เครื่องสำอางญี่ปุ่นมีคุณภาพสูงและได้รับความนิยมจากทั่วโลก ของใช้ในชีวิตประจำวันแบบญี่ปุ่น (Japanese lifestyle products) เช่น เครื่องครัว เครื่องเขียน ของแต่งบ้าน ของใช้ในห้องน้ำ และอื่นๆ ของใช้ในชีวิตประจำวันแบบญี่ปุ่นมักออกแบบมาอย่างสวยงามและมีคุณภาพดี จึงเป็นของฝากที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบสินค้าที่ออกแบบมาอย่างดี ของที่ระลึกจากญี่ปุ่น (Japanese souvenirs) เช่น พวงกุญแจ […]

ไปญี่ปุ่น ซื้ออะไรดี แบรนเนม 2567

ไปญี่ปุ่น ซื้ออะไรดี แบรนเนม เมื่อไปญี่ปุ่น สิ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมซื้อกลับมาฝากคนที่บ้านและเพื่อนฝูง นอกจากของฝากขึ้นชื่ออย่างเครื่องสำอาง ขนมและของเล่นแล้ว แบรนด์เนมก็เป็นอีกหนึ่งไอเท็มยอดฮิตที่นักท่องเที่ยวหลายคนมักจะซื้อกลับมา ไม่ว่าจะเป็น สินค้าแบรนด์เนมจากฝั่งยุโรป หรือแบรนด์เนมของญี่ปุ่นเองก็ตาม โดยเฉพาะเมื่อเทียบราคากับแบรนด์เนมเดียวกันในประเทศไทยแล้ว แบรนด์เนมในญี่ปุ่นมักจะมีราคาที่ถูกกว่ามาก เนื่องจากญี่ปุ่นไม่มีภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) หรือภาษีขาย ฉะนั้นเมื่อคิดส่วนลดแล้ว จะเห็นได้ชัดเลยว่าราคาถูกว่าที่ไทยมาก ดังนั้น แบรนด์เนมจากญี่ปุ่นจึงเป็นของฝากอีกชนิดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวห้ามพลาดมาฝากคนที่บ้านเมื่อไปญี่ปุ่น แบรนด์เนมยอดนิยม แบรนด์เนมจากญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ แบรนด์เสื้อผ้าอย่าง UNIQLO, MUJI, しまむら, GU แบรนด์กระเป๋าและรองเท้าอย่าง anello, Samantha Thavasa, Onitsuka Tiger แบรนด์เครื่องสำอางอย่าง Shiseido, Kose, Kanebo, Sofina แบรนด์นาฬิกาอย่าง Casio, Seiko, Citizen และแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่าง Sony, Panasonic, Sharp เป็นต้น ร้านแบรนด์เนมในญี่ปุ่น สามารถหาซื้อแบรนด์เนมเหล่านี้ได้ตามห้างสรรพสินค้าหรือร้านค้าต่างๆ ทั่วประเทศญี่ปุ่น แต่สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการหาซื้อแบรนด์เนมในราคาถูก แนะนำให้ไปที่ร้านค้าปลอดภาษี (Tax-Free Shop) […]

ไปญี่ปุ่น หมดกี่บาท 2567

ไปญี่ปุ่นหมดกี่บาท การเดินทางไปญี่ปุ่นนั้น ค่าใช้จ่ายจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ฤดูกาลที่เดินทาง ที่พักที่เลือก และกิจกรรมที่ทำ โดยทั่วไปแล้ว ค่าใช้จ่ายสำหรับการเดินทางไปญี่ปุ่น 7 วัน 6 คืน โดยเดินทางช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวและพักในเกสต์เฮาส์ หรือโฮสเทล จะอยู่ที่ประมาณ 100,000-150,000 เยน (ประมาณ 30,000-45,000บาท) ต่อคน ค่าใช้จ่ายหลักๆ ในการเดินทางไปญี่ปุ่น ค่าตั๋วเครื่องบิน: ค่าตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่นจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสายการบิน ฤดูกาล และช่วงเวลาที่เดินทาง โดยทั่วไปแล้ว ค่าตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่นจะอยู่ที่ประมาณ 20,000-30,000บาท ต่อคน ค่าที่พัก: ค่าที่พักในญี่ปุ่นจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของที่พักและทำเลที่ตั้ง โดยทั่วไปแล้ว ค่าที่พักในญี่ปุ่นจะอยู่ที่ประมาณ 1,000-3,000 เยน (ประมาณ 300-900บาท) ต่อคน ต่อคืน ค่าอาหาร: ค่าอาหารในญี่ปุ่นจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของอาหารและร้านอาหาร โดยทั่วไปแล้ว ค่าอาหารในญี่ปุ่นจะอยู่ที่ประมาณ 1,000-2,000 เยน (ประมาณ 300-600บาท) ต่อมื้อ ค่าเดินทาง: ค่าเดินทางในญี่ปุ่นจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของการเดินทางและระยะทาง โดยทั่วไปแล้ว ค่าเดินทางในญี่ปุ่นจะอยู่ที่ประมาณ 1,000-2,000 […]

ไปญี่ปุ่นเตรียมอะไรบ้าง 2567

ท่องเที่ยวญี่ปุ่น เตรียมของอะไรบ้าง ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมที่น่าสนใจผู้คนเป็นมิตร สถานที่ท่องเที่ยวสวยงาม รวมถึงอาหารที่อร่อย และมีเอกลักษณ์เป็นอย่างมาก หากคุณกำลังวางแผนจะไปท่องเที่ยวญี่ปุ่น มีการเตรียมตัวล่วงหน้าเพื่อให้การเดินทางของคุณราบรื่น ควรเตรียมอะไรบ้าง เสื้อผ้าและรองเท้า ควรเลือกเสื้อผ้าที่เหมาะกับสภาพอากาศ และกิจกรรมที่คุณจะทำ เช่น หากคุณวางแผนจะไปเยี่ยมชมภูเขาไฟฟูจิ ควรเตรียมเสื้อผ้าที่อบอุ่น หากคุณวางแผนจะไปเดินป่า ควรเตรียมรองเท้าที่สะดวกสบายสำหรับการเดิน เอกสารและหนังสือเดินทาง ก่อนเดินทาง ควรตรวจสอบว่าหนังสือเดินทางของคุณยังไม่หมดอายุ และมีอายุเหลืออย่างน้อย 6 เดือน นอกจากนี้ ควรเตรียมสำเนาหนังสือเดินทาง และบัตรประจำตัวอื่นๆ เช่น บัตรประจำตัวประชาชน ไว้ด้วย เงินและบัตรเครดิต ควรแลกเงินเป็นสกุลเงินเยนญี่ปุ่นก่อนเดินทาง หรือสามารถใช้บัตรเครดิตจ่ายได้ในร้านค้าส่วนใหญ่ในญี่ปุ่น หากคุณวางแผนจะใช้บัตรเครดิต ควรติดต่อธนาคารล่วงหน้าเพื่อแจ้งว่าคุณจะเดินทางไปต่างประเทศเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในการใช้บัตรเครดิต เครื่องใช้ไฟฟ้า ควรเตรียมอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ และปลั๊กไฟสำหรับใช้ในญี่ปุ่น เนื่องจากปลั๊กไฟในญี่ปุ่นเป็นแบบ 2 ขาแบน ยาและเวชภัณฑ์ ควรเตรียมยาสามัญประจำบ้าน เช่น ยาแก้ปวด ยาลดไข้ ยาแก้ท้องเสีย ยาแก้แพ้ และยาอื่นๆ ที่จำเป็นตามอาการป่วยของคุณ นอกจากนี้ ควรเตรียมชุดปฐมพยาบาลขนาดเล็กไว้ด้วย ของใช้ส่วนตัวอื่นๆ ควรเตรียมของใช้ส่วนตัวอื่นๆ เช่น แว่นตากันแดด […]

เคล็ดลับการเลือกใส่รองเท้าให้ตรงกับรูปเท้า 7 แบบ 2567

เท้าปกติ (Normal Feet) ลักษณะเท้า: มีความยาวและความกว้างที่สมส่วน ส้นเท้าแคบกว่าปลายเท้าเล็กน้อย รองเท้าที่เหมาะสม: รองเท้าที่มีพื้นรองเท้าแบนหรือมีส้นเล็กน้อย รองเท้าส้นสูงไม่เกิน 2 นิ้ว ปลายเท้าไม่แคบหรือกว้างจนเกินไป เท้าแบน (Flat Feet) ลักษณะเท้า: ส้นเท้าและฝ่าเท้าอยู่ในระดับเดียวกัน พื้นเท้าเรียบเสมอกัน รองเท้าที่เหมาะสม: รองเท้าที่มีส่วนรับอุ้งเท้าเพื่อช่วยรองรับน้ำหนักและลดแรงกระแทก รองเท้าส้นแบนหรือส้นเตี้ยจะช่วยให้เดินได้สะดวกและสบายยิ่งขึ้น เท้าโค้งสูง (High Arched Feet) ลักษณะเท้า: ส้นเท้าและฝ่าเท้าโค้งสูงเป็นพิเศษ รองเท้าที่เหมาะสม: รองเท้าที่มีพื้นรองเท้าหนานุ่มและยืดหยุ่น รองเท้าส้นสูงควรมีส้นหนาประมาณ 2-3 นิ้วเพื่อช่วยลดแรงกระแทกและกระจายน้ำหนักได้ทั่วทั้งเท้า เท้ากว้าง (Wide Feet) ลักษณะเท้า: เท้ากว้างกว่าปกติ ปลายเท้าและส้นเท้ามีความกว้างพอๆ กัน รองเท้าที่เหมาะสม: รองเท้าที่มีส่วนปลายเท้ากว้างพิเศษ รองเท้าแตะหรือรองเท้าแบบแซนดัลก็เหมาะสำหรับเท้ากว้างเช่นกัน เท้าแคบ (Narrow Feet) ลักษณะเท้า: เท้าแคบกว่าปกติ มีความยาวมากกว่าความกว้าง ปลายเท้าแหลม รองเท้าที่เหมาะสม: รองเท้าที่พอดีกับเท้า ไม่หลวมหรือคับจนเกินไป รองเท้าส้นสูงที่มีปลายเท้าแหลมก็เหมาะสำหรับเท้าแคบเช่นกัน เท้าสั้น (Short […]

สาวอวบ เลือกรองเท้าส้นสูงยังไงดี ? 2567

เลือกส้นรองเท้าที่เหมาะสม ส้นขนาดกลาง (2-3 นิ้ว) เหมาะสำหรับสาวอวบมากที่สุด เพราะช่วยเพิ่มความสูงให้ดูเพรียวและสง่างาม โดยไม่ทำให้เมื่อยเกินไป หลีกเลี่ยงรองเท้าส้นสูงเกินไป (เกิน 4 นิ้ว) เพราะจะทำให้เดินลำบากและเมื่อยเร็ว เลือกหน้ารองเท้าที่เหมาะสม หน้ารองเท้าแบบเปิดหน้าเท้า เหมาะสำหรับสาวอวบที่ต้องการโชว์ความเรียวของนิ้วเท้า ช่วยให้เท้าดูเรียวขึ้น หน้ารองเท้าแบบปิดหน้าเท้า เหมาะสำหรับสาวอวบที่ต้องการปิดบังความอวบของเท้า ทำให้เท้ายาวขึ้น เลือกสีรองเท้าที่เหมาะสม เลือกรองเท้าสีเข้ม เช่น สีดำ น้ำตาลเข้ม กรมท่า เพราะสีเข้มช่วยพรางความอวบของเท้าได้ หลีกเลี่ยงรองเท้าสีอ่อน เช่น สีขาว ครีม หรือสีเมทัลลิก เพราะสีอ่อนจะทำให้เท้าดูใหญ่ขึ้น เลือกวัสดุรองเท้าที่เหมาะสม เลือกรองเท้าที่ทำจากวัสดุหนังแท้หรือหนังเทียมคุณภาพดี เพราะวัสดุที่ยืดหยุ่นได้จะช่วยให้สวมใส่สบายและลดอาการปวดเมื่อยเท้า หลีกเลี่ยงรองเท้าที่ทำจากวัสดุแข็ง เช่น พลาสติก ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการปวดและเมื่อยล้าบริเวณเท้าได้ เลือกขนาดรองเท้าที่พอดี เลือกขนาดรองเท้าที่พอดีกับเท้า ไม่คับหรือหลวมจนเกินไป เพราะรองเท้าที่คับเกินไปจะทำให้เกิดอาการปวดเท้า ส่วนรองเท้าที่หลวมจนเกินไปจะทำให้เดินไม่สะดวก สวมถุงเท้าเพื่อปกป้องเท้าจากการเสียดสี การสวมถุงเท้าจะช่วยปกป้องเท้าจากการเสียดสีกับรองเท้า และช่วยลดเหงื่อและกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ได้

ซื้อรองเท้ายังไงให้ราคาถูกขึ้น

เลือกซื้อรองเท้าในช่วงเวลาเซลล์: ร้านค้ามักจะจัดโปรโมชั่นลดราคาหรือมอบส่วนลดให้อยู่เสมอ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลหรือวันหยุดต่างๆ ดังนั้นเพื่อให้ได้รองเท้าในราคาที่ถูกลง ลองรอซื้อในช่วงเวลาเหล่านี้ดูก็ได้ครับ เลือกซื้อรองเท้าตามสไตล์ที่ต้องการ: สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่าต้องการสไตล์รองเท้าแบบไหน เพราะรองเท้าแต่ละทรงมีราคาที่แตกต่างกัน เช่น ถ้าต้องการรองเท้าสำหรับใส่ทำงาน ก็เลือกซื้อแบบเรียบง่ายและมีส้นเล็กน้อย แต่ถ้าต้องการรองเท้าสำหรับออกกำลังกาย ก็เลือกซื้อแบบที่รองรับแรงกระแทกได้ดี เป็นต้น เปรียบเทียบราคาจากหลายๆ ร้าน: ก่อนตัดสินใจซื้อรองเท้า แนะนำให้เปรียบเทียบราคาก่อน โดยสามารถทำได้ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อให้แน่ใจว่าได้รองเท้าในราคาที่ถูกที่สุด เลือกซื้อรองเท้าจากร้านค้าที่เชื่อถือได้: เพื่อให้ได้รองเท้าในราคาที่ถูกแต่ก็ยังคงมีคุณภาพดี ควรเลือกซื้อจากร้านค้าที่เชื่อถือได้หรือร้านค้าที่มีการรับประกันสินค้า เพื่อให้มั่นใจว่ารองเท้าที่ซื้อไปนั้นไม่ใช่ของปลอมหรือมีตำหนิ พิจารณาซื้อรองเท้ามือสอง: หากไม่ซีเรียสเรื่องการใส่รองเท้าใหม่ๆ รองเท้ามือสองก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดี ทั้งราคาถูกลง สามารถต่อรองราคาได้ และบางครั้งก็ยังมีคุณภาพดีอยู่ รองเท้าที่ดีไม่จำเป็นต้องซื้อจากร้านรองเท้าราคาแพง รองเท้ามือสองก็มีคุณภาพดีได้เช่นกันหากเราดูให้เป็น เลือกซื้อรองเท้าจากร้านค้าปลอดภาษี: หากรู้ว่าตนเองจะต้องมีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศ ก็สามารถเตรียมตัวล่วงหน้าด้วยการหาข้อมูลว่าร้านค้าปลอดภาษีที่นั่นขายรองเท้าในราคาเท่าไหร่ ซึ่งอาจจะถูกกว่าในประเทศก็เป็นได้ ซื้อรองเท้าบ่อยๆ: หากมีโอกาสซื้อรองเท้าบ่อยๆ เช่น มีความจำเป็นต้องใช้รองเท้าจำนวนมากสำหรับงานใดงานหนึ่ง ก็อาจจะพิจารณาซื้อรองเท้าล่วงหน้าหลายๆ คู่เพื่อสำรองเอาไว้ เพราะราคาขายเหมาหรือขายส่งนั้นมักจะดีกว่าซื้อปลีก

ใส่รองเท้ายังไงให้ดูตะวเล็ก 2567

ใส่รองเท้ายังไงให้ดูเท้าเล็ก 2567 ในยุคที่เทรนด์แฟชั่นเน้นความมินิมอล เรียบง่าย และดูดีมีระดับ การมีเท้าเล็กจึงเป็นเป้าหมายของใครหลายคน เพราะเท้าเล็กจะทำให้ดูขายาวและดูดีมีสัดส่วนมากขึ้น วันนี้เราจะมาแนะนำเคล็ดลับในการใส่รองเท้ายังไงให้ดูเท้าเล็กในปี 2567 1. เลือกรองเท้าสีเข้ม สีเข้มเป็นสีที่ช่วยพรางตาให้ดูเรียวเล็กลงได้ ดังนั้นจึงควรเลือกรองเท้าสีเข้ม เช่น สีดำ สีน้ำตาลเข้ม หรือสีเทาเข้ม เป็นต้น หลีกเลี่ยงรองเท้าสีอ่อนหรือสีสว่าง เพราะจะทำให้เท้าดูใหญ่ขึ้น 2. เลือกรองเท้าทรงเรียว รองเท้าทรงเรียวจะช่วยทำให้เท้าดูเรียวยาวขึ้นได้ ดังนั้นจึงควรเลือกรองเท้าทรงเรียว เช่น รองเท้าส้นสูงทรงเรียว รองเท้าบูททรงเรียว หรือรองเท้าผ้าใบทรงเรียว เป็นต้น 3. เลือกรองเท้าส้นสูง รองเท้าส้นสูงจะช่วยทำให้ขาดูยาวขึ้น และทำให้เท้าดูเล็กลงได้ ดังนั้นจึงควรเลือกรองเท้าส้นสูงที่มีส้นสูงประมาณ 3-5 นิ้ว หรือมากกว่านั้นก็ได้ 4. เลือกรองเท้าที่พอดีกับเท้า รองเท้าที่คับหรือหลวมเกินไปจะทำให้เท้าดูใหญ่ขึ้น ดังนั้นจึงควรเลือกรองเท้าที่พอดีกับเท้า ไม่คับหรือหลวมจนเกินไป 5. หลีกเลี่ยงรองเท้าที่มีลวดลายเยอะ รองเท้าที่มีลวดลายเยอะจะทำให้เท้าดูใหญ่ขึ้น ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงรองเท้าที่มีลวดลายเยอะ เช่น รองเท้าที่มีลายดอก ลายกราฟิก หรือลายสัตว์ เป็นต้น ตัวอย่างรองเท้าที่ใส่แล้วดูเท้าเล็ก รองเท้าส้นสูงทรงเรียวสีดำ รองเท้าบูททรงเรียวสีน้ำตาลเข้ม รองเท้าผ้าใบทรงเรียวสีขาว […]

Howtoเลือกสีรองเท้าที่เข้ากับผิวเรา 2567

ผิวขาวอมชมพู: เหมาะกับรองเท้าสีโทนเย็น เช่น น้ำเงิน เขียว ฟ้า ชมพู ม่วง เหลืองอ่อน หรือสีกลางอย่างขาว ดำ เทา เบจ ผิวขาวเหลือง: เลือกได้ทั้งสีโทนเย็นและสีโทนอบอุ่น เช่น น้ำเงิน แดง เขียว เหลือง ส้ม น้ำตาล ชมพู เหลือง ผิวสองสี: เลือกสีที่ตัดกับสีผิว เช่น น้ำเงิน เขียว ชมพู เหลืองอ่อน หรือสีกลางอย่างขาว ดำ เทา เบจ ผิวคล้ำ: เลือกสีรองเท้าที่สว่างกว่าผิว เช่น สีขาว ครีม เบจ ชมพูอ่อน เหลืองอ่อน ฟ้าอ่อน เขียวอ่อน ผิวแทน: เลือกสีรองเท้าที่มีเฉดสีเข้มกว่าสีผิว เช่น น้ำเงิน เขียว เทา ดำ น้ำตาล เหลือง ส้ม […]