ข้าวบาร์เลย์ สรรพคุณ และการปลูกข้าวบาร์เลย์

ข้าวบาร์เลย์

ข้าวบาร์เลย์ (Barley) เป็นธัญพืชชนิดหนึ่งในกลุ่มหญ้า มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Hordeum vulgare L. จัดอยู่ในวงศ์เดียวกับข้าวสาลี และข้าวโอ๊ต มีถิ่นกำเนิดในบริเวณเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ และแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ปัจจุบันได้มีการปลูกกันอย่างแพร่หลายในหลายพื้นที่ทั่วโลก โดยเฉพาะในเขตที่มีภูมิอากาศหนาวเย็นถึงเย็นจัด

สรรพคุณของข้าวบาร์เลย์

ข้าวบาร์เลย์อุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ได้แก่

  • ไฟเบอร์: ช่วยในการขับถ่าย บรรเทาอาการท้องผูก และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
  • เบต้ากลูแคน: เป็นไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
  • วิตามิน B1 (ไทอามีน): จำเป็นต่อการทำงานของระบบประสาทและหัวใจ
  • วิตามิน B3 (ไนอาซิน): ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือด
  • วิตามิน B5 (กรดแพนโทธีนิก): มีส่วนช่วยในการผลิตพลังงานและฮอร์โมนในร่างกาย
  • แมกนีเซียม: ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน พร้อมทั้งมีส่วนช่วยในการทำงานของระบบประสาทและหัวใจ

นอกจากนี้ ข้าวบาร์เลย์ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์จากการถูกทำลาย และอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังบางชนิด เช่น โรคหัวใจ และโรคมะเร็ง

การปลูกข้าวบาร์เลย์

ข้าวบาร์เลย์สามารถปลูกได้ในดินที่มีการระบายน้ำดี ชอบดินร่วนซุย หรือดินร่วนปนทราย มีความเป็นกรด-ด่างในดินอยู่ระหว่าง 6.0-7.5 ต้องการแสงแดดจัด น้ำปานกลาง และอุณหภูมิเหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตอยู่ที่ประมาณ 15-25 องศาเซลเซียส

ขั้นตอนการปลูกข้าวบาร์เลย์มีดังนี้

  1. ไถพรวนเตรียมดิน: ไถพลิกดินลึกประมาณ 30 เซนติเมตร เพื่อกำจัดวัชพืช จากนั้นตากดินไว้ประมาณ 7-10 วัน แล้วไถพรวนซ้ำอีกครั้งเพื่อย่อยดินให้ละเอียดยิ่งขึ้น
  2. หว่านเมล็ด: หว่านเมล็ดข้าวบาร์เลย์ลงในแปลงที่เตรียมไว้ โดยหว่านเป็นแถว หรือหว่านแบบกระจาย แล้วกลบด้วยดินบางๆ
  3. ให้ปุ๋ย: ให้ปุ๋ยเคมีสูตร 16-20-0 อัตรา 50-100 กิโลกรัมต่อไร่ โดยแบ่งให้ 2 ครั้ง ครั้งแรกให้ตอนหว่านเมล็ด อีกครั้งหนึ่งให้หลังจากข้าวบาร์เลย์งามแล้วประมาณ 1 เดือน
  4. ให้ความชื้น: รดน้ำข้าวบาร์เลย์เป็นประจำ โดยเฉพาะในช่วงที่ข้าวบาร์เลย์กำลังตั้งตัวและช่วงที่ออกรวง แต่ไม่ควรให้น้ำมากเกินไปเพราะอาจทำให้รากเน่าได้
  5. กำจัดวัชพืช: กำจัดวัชพืชโดยการพรวนดิน หรือใช้สารเคมีกำจัดวัชพืชที่เหมาะสม
  6. เก็บเกี่ยว: เมื่อข้าวบาร์เลย์สุกแก่ จะมีลักษณะเป็นสีเหลืองทอง และเมล็ดเต็มอิ่ม ให้เกี่ยวข้าวบาร์เลย์และนำไปตากแดดให้แห้ง

7 thoughts on “ข้าวบาร์เลย์ สรรพคุณ และการปลูกข้าวบาร์เลย์

  1. Aom Mike Pattana says:

    เป็นบทความที่ดีมากค่ะ อ่านแล้วเข้าใจง่ายดีค่ะ

  2. Tam Pop Praew says:

    ก็ดี แต่ข้อมูลบางอย่างเก่าแล้ว

  3. Jai Joke Preaw says:

    บทความนี้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากเลยค่ะ โดยเฉพาะเรื่องสรรพคุณของข้าวบาร์เลย์

  4. Oat Bow Suparat says:

    บทความนี้เขียนได้ดี แต่ข้อมูลบางอย่างขัดแย้งกับบทความอื่นๆ ที่ฉันเคยอ่านมา

  5. Mac Manaswee says:

    อ่านแล้วงงๆ นิดหน่อย แต่โดยรวมก็โอเค

  6. Boom Wilailak says:

    บทความนี้เขียนได้ดีมากเลย แต่เสียดายที่ไม่ได้พูดถึงวิธีการลดน้ำหนักด้วยข้าวบาร์เลย์

Comments are closed.