เกาลัด ประโยชน์ สรรพคุณ และการปลูกเกาลัด

เกาลัด: ประโยชน์ สรรพคุณ และการปลูก

เกาลัดเป็นพืชตระกูลถั่วที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหลายวัฒนธรรมทั่วโลก เช่นเดียวกับในประเทศไทย เกาลัดเป็นของขวัญจากธรรมที่อุดมไปด้วยสารอาหารและมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย และยังเป็นส่วนผสมที่นิยมใช้ในอาหารไทยหลายเมนูอีกด้วย

ประโยชน์และสรรพคุณของเกาลัด

  1. อุดมด้วยสารอาหาร: เกาลัดอุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆ ที่จำเป็นต่อร่างกายมากมาย เช่น วิตามินบี วิตามินอี แร่ธาตุต่างๆ เช่น โพแทสเซียม แมกนีเซียม และฟอสฟอรัส โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โฟเลตซึ่งเป็นวิตามินที่สำคัญสำหรับผู้ตั้งครรภ์

  2. ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล: การบริโภคเกาลัดเป็นประจำช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คอเลสเตอรอลที่ไม่ดี LDL ที่สูงเกินไปถึง 25%

  3. ช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด: เกาลัดมีดัชนีน้ำตาลต่ำ (glycemic index) แม้จะมีรสชาติหวาน จึงช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และยังช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานหรือผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำตาลในเลือด

  4. ช่วยลดน้ำหนัก: เกาลัดเป็นแหล่งของใยอาหารที่ดี ซึ่งช่วยให้รู้สึกอิ่มนาน ช่วยลดความอยากอาหาร และป้องกันการกินมากเกินไป นอกจากนี้ยังมีแคลอรี่ต่ำ จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนัก

  5. ช่วยต้านอนุมูลอิสระและป้องกันโรคเรื้อรัง: เกาลัดมีสารต้านอนุมูลอิสระจำนวนมาก เช่น วิตามินอี แคโรทีนอยด์ และโพลีฟีนอล ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง และโรคทางระบบประสาท

การปลูกเกาลัด

เกาลัดเป็นพืชที่เจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ที่มีอากาศเย็นถึงหนาว มีปริมาณน้ำฝนสูง สามารถปลูกได้ทั้งในดินร่วนปนทรายและดินร่วนเหนียว แต่จะเจริญเติบโตได้ดีที่สุดในดินร่วนที่อุดมสมบูรณ์ มีการระบายน้ำที่ดี

  1. การเตรียมดิน: เริ่มจากไถพรวนดินเพื่อกำจัดวัชพืชและปรับโครงสร้างของดิน จากนั้นใสปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน ปรับค่า pH ของดินให้อยู่ในช่วง 6-7

  2. การปลูก: ขุดหลุมปลูกขนาด 60x60x60 เซนติเมตร แล้วนำต้นกล้าเกาลัดลงปลูก กลบดินและรดน้ำให้ชุ่ม แนะนำให้ปลูกต้นเกาลัดในระยะห่างประมาณ 2-3 เมตร

  3. การดูแลรักษา: เมื่อปลูกแล้ว ให้รดน้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง ควรใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเพื่อบำรุงต้นเกาลัดทุกๆ 3-4 เดือน ตัดแต่งกิ่งที่ไม่จำเป็นออกเป็นประจำเพื่อให้ต้นเกาลัดมีทรงพุ่มที่สวยงามและโปร่ง

  4. การเก็บเกี่ยว: เกาลัดจะออกผลในช่วงฤดูใบไม้ร่วง โดยปกติจะเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ในปีที่ 3-4 หลังจากปลูก เมื่อผลเกาลัดสุกจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล เปลือกเริ่มแตก ให้เก็บเกี่ยวโดยการตัดกิ่งที่มีผลเกาลัดออกแล้วนำไปผึ่งแดดให้แห้ง

สรุป

เกาลัดเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย รวมถึงการช่วยลดคอเลสเตอรอล ควบคุมน้ำตาลในเลือด ลดน้ำหนัก และต้านอนุมูลอิสระ แนะนำให้บริโภคเกาลัดในปริมาณที่เหมาะสมเป็นประจำเพื่อให้ได้รับประโยชน์อย่างครบถ้วน

8 thoughts on “เกาลัด ประโยชน์ สรรพคุณ และการปลูกเกาลัด

  1. น้ำตาลขน says:

    เกาลัดมีประโยชน์มากเลย ต้องหาซื้อมากินบ้างแล้ว

  2. เตี้ยล่ำ says:

    ปลูกเกาลัดยากจังเลย ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน

  3. ไข่มุกน้อย says:

    เพิ่งรู้ว่าเกาลัดมีสรรพคุณเยอะขนาดนี้เลย

  4. ช้างน้อย says:

    ขอเถียงหน่อยว่าการปลูกเกาลัดไม่ยากเลย ใครๆก็ปลูกได้

  5. หนูหิ่น says:

    โอ้โห เกาลัดช่างเป็นผลไม้มหัศจรรย์แท้ๆ

  6. ต่ายทอง says:

    เกาลัดมีประโยชน์มากมายจริงหรือ ได้ยินมาว่ามีสารพิษด้วยนะ

  7. หนูติ๋ม says:

    ปลูกเกาลัดแล้วได้ผลดกขนาดนี้เลยเหรอ หาซื้อต้นมาปลูกดีกว่า

Comments are closed.