กระดังงา/การเวก (ylang-ylang) สรรพคุณ และการปลูกกระดังงา

กระดังงา/การเวก

กระดังงาหรือการเวก (ชื่อวิทยาศาสตร์: Cananga odorata) เป็นไม้ยืนต้นในวงศ์เดียวกับจำปี ต้นมีขนาดใหญ่ มีความสูงได้ถึง 30 เมตร ลำต้นเปลือกค่อนข้างเรียบเป็นสีเทา กิ่งอ่อนเกลี้ยงเป็นสีเขียวอมเหลือง

ใบ เป็นใบเดี่ยวออกตรงข้ามกัน เป็นรูปไข่หรือรูปขอบขนานโคนใบแหลม ปลายใบเรียวแหลมมีหยักเว้าเป็นคลื่น ขอบใบเรียบเป็นสีเขียวเข้ม

ดอก เป็นดอกสมบูรณ์เพศ ออกเป็นช่อกระจุกตามกิ่ง ออกดอกตลอดปี ดอกมีขนาดใหญ่ กลีบดอกหนามีหลายกลีบ กลีบนอกมีสีเขียวอ่อน กลีบในมีสีเหลืองนวลไปจนถึงสีส้ม กลิ่นหอมแรง

สรรพคุณ

โดยส่วนใหญ่แล้วจะใช้กลีบดอก โดยนำไปสไลด์หรือบดก่อนนำไปตากแห้ง และนำดอกแห้งมาใช้ต่อไป

แก้ไข้
สรรพคุณยาสมุนไพรกะดังงากล่าวไว้ว่า ใช้เปลือกและดอกแห้งของกะดังงา นำมาต้มกับน้ำดื่มเพื่อแก้ไข้

บำรุงหัวใจ
ตามตำรายาไทยได้กล่าวไว้ว่า สรรพคุณของกะดังงาสามารถใช้กลีบดอกแห้งฝนกับน้ำแล้วนำมาดื่มเพื่อบำรุงหัวใจ แก้ใจสั่น

บำรุงโลหิต
ใช้ดอกแห้งประมาณ 5-15 กรัม ต้มกับน้ำดื่มเพื่อบำรุงโลหิต สรรพคุณของดอกกะดังงายังช่วยบรรเทาอาการวิงเวียนศรีษะได้อีกด้วย

การปลูกกระดังงา

• การเตรียมดิน : กระดังงาชอบดินร่วนซุย มีความเป็นกรดเล็กน้อย pH 5.5-6.5 แปลงปลูกควรเตรียมให้มีขนาดกว้าง x ลึก 50 x 50 เซนติเมตร ควรยกร่องแปลงปลูกโดยให้ความสูงของร่องประมาณ 50 เซนติเมตร และระยะห่างระหว่าแปลง 1 เมตร
• การปลูก : ขุดหลุมปลูกให้มีขนาดความ กว้าง x ลึก x สูง 50 x 50 x 50 เซนติเมตร ใช้มีดกรีดถุงพลาสติกออก นำต้นกล้าลงปลูกในหลุมปลูกโดยให้โคนต้นเสมอระดับปากหลุม กลบดินและรดน้ำให้ชุ่ม
• การดูแลรักษา : ควรรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ ให้ได้รับน้ำอย่างเพียงพอ ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักบำรุงต้นทุก 2-3 เดือน เพื่อให้ต้นกระดังงาเจริญเติบโตได้ดีและออกดอกสวยงาม ควรทำการพรวนดินกำจัดวัชพืชเพื่อป้องกันไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากต้นกระดังงา เมื่อกระดังงาเริ่มออกดอกควรเด็ดยอดอ่อนบริเวณโคนต้นออกเพื่อให้แตกพุ่มสวยงาม และตัดแต่งกิ่งที่แห้งหรือเป็นโรคทิ้