ปวยเล้ง/ปวยเหล็ง (spinach) สรรพคุณ และการปลูกปวยเล้ง

ปวยเล้ง/ปวยเหล็ง (spinach)

ปวยเล้ง หรือ ปวยเหล็ง (ชื่อทางวิทยาศาสตร์: Amaranthus tricolor) เป็นผักใบเขียวที่นิยมรับประทานกันอย่างกว้างขวางในหลายประเทศทั่วโลก มีถิ่นกำเนิดในอเมริกาใต้ แต่ปัจจุบันสามารถพบได้ในหลายประเทศในเอเชียและแอฟริกา รวมถึงประเทศไทย

สรรพคุณของปวยเล้ง

ปวยเล้งประกอบด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายชนิด เช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินเค แคลเซียม ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม และใยอาหาร ซึ่งล้วนแต่มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายทั้งสิ้น โดยมีสรรพคุณที่สำคัญดังนี้

  • ช่วยบำรุงสายตา ปวยเล้งมีปริมาณวิตามินเอสูงมาก วิตามินเอเป็นสารที่ช่วยให้ตาสามารถปรับตัวกับความมืดได้ดีขึ้น รวมถึงช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคตาต่างๆ เช่น ต้อกระจก และจอประสาทตาเสื่อม
  • ช่วยป้องกันโรคหัวใจ ปวยเล้งมีปริมาณใยอาหารสูง ซึ่งช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้ จึงช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจได้
  • ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน วิตามินซีในปวยเล้งมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ช่วยให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ ได้ดีขึ้น
  • ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ปวยเล้งมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์จากการถูกทำลาย ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งต่างๆ
  • ช่วยบำรุงผิวพรรณ วิตามินเอ วิตามินซี และวิตามินเคในปวยเล้งมีส่วนช่วยในการบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส ช่วยลดริ้วรอยเหี่ยวย่นและจุดด่างดำบนใบหน้า

การปลูกปวยเล้ง

ปวยเล้งเป็นผักที่ปลูกง่าย สามารถปลูกได้ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศไทย โดยมีวิธีการปลูกดังนี้

  1. เตรียมดินโดยการไถพรวนดินให้ร่วนซุย ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักลงไปเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับดิน
  2. หว่านเมล็ดปวยเล้งลงไปในแปลงปลูก โดยให้เมล็ดห่างกันประมาณ 10-15 เซนติเมตร จากนั้นกลบดินบางๆ แล้วรดน้ำให้ชุ่ม
  3. รดน้ำปวยเล้งเป็นประจำทุกวัน โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน ควรรดน้ำในตอนเช้าและเย็นเพื่อให้ปวยเล้งได้รับน้ำอย่างเพียงพอ
  4. ใส่ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยเคมีเสริมให้กับปวยเล้งทุกๆ 15 วัน เพื่อให้ปวยเล้งเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์
  5. ปวยเล้งจะใช้เวลาประมาณ 30-45 วัน จึงจะสามารถเก็บเกี่ยวได้ โดยให้เก็บเกี่ยวปวยเล้งในช่วงเช้า โดยการตัดใบปวยเล้งออกจากต้นแล้วนำไปล้างน้ำให้สะอาดก่อนนำไปปรุงอาหาร