การเลือกรับประทานไม้อินทผาลัม ไม้อินทผาลัมเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารอาหาร เช่น ไฟเบอร์ โพแทสเซียม วิตามินซี และแอนติออกซิแดนท์ อย่างไนอาซินและโพลีฟีนอล แต่ไม่ใช่ทุกส่วนของต้นอินทผาลัมที่สามารถบริโภคได้ ดังนั้นการเลือกรับประทานไม้อินทผาลัมจึงเป็นสิ่งสำคัญ ส่วนที่สามารถบริโภคได้: ผลไม้: ผลอินทผาลัมดิบมีรสชาติฝาด ส่วนผลสุกมีรสหวาน ชุ่มฉ่ำ สามารถใช้ปรุงเป็นของหวาน เครื่องดื่ม และส่วนผักในอาหารได้ ลำต้นส่วนใน: ลำต้นส่วนในของต้นอินทผาลัม หรือที่เรียกว่า “หัวใจปาล์ม” สามารถนำไปปรุงอาหารได้เช่นเดียวกับยอดไม้ เช่น นำไปผัด ต้ม จิ้มจุ่ม หรือใช้เป็นส่วนผักในสลัด ยอดอวบ: ยยอดอวบของต้นอินทผาลัมสามารถนำไปปรุงอาหารได้เช่นเดียวกับหัวใจปาล์ม แต่มีรสชาติที่หวานกว่า ส่วนที่ไม่ควรบริโภค: ใบ: ใบอินทผาลัมมีขอบที่แหลมคมและอาจทำให้เกิดบาดแผลได้ ลำต้นส่วนนอก: ลำต้นส่วนนอกของต้นอินทผาลัมแข็งและเป็นไม้น้ำมากเกินไปจึงไม่สามารถบริโภคได้ หนาม: ต้นอินทผาลัมมีหนามคมที่โคนก้านใบและบริ เวณโคนต้น หากสัมผัสโดนหนามอาจทำให้เกิดอาการคันและระคาย
Tag Archives: สมุนไพร
มะรุม มะรุมเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูงได้ถึง 10-15 เมตร มีถิ่นกำเนิดในอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนต่างๆ ของต้นมะรุมสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย เช่น ราก เปลือก ใบ ดอก และฝัก ประโยชน์ของมะรุม ใบมะรุมมีสารอาหารสูงมาก โดยเฉพาะสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี วิตามินเอ เบตาแคโรทีน และฟลาโวนอยด์ ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายของอนุมูลอิสระได้ รากมะรุมมีฤทธิ์เป็นยาขับปัสสาวะและช่วยลดอาการบวมน้ำ เปลือกมะรุมใช้เป็นยาทาแก้โรคผิวหนังและแผลต่างๆ ดอกมะรุมมีกลิ่นหอม ใช้ทำอาหารได้หลากหลายเมนู ฝักมะรุมเป็นแหล่งโปรตีนและแคลเซียมที่สำคัญ โดยในฝักมะรุม 100 กรัม มีโปรตีนสูงถึง 7 กรัม และแคลเซียมสูงถึง 165 มิลลิกรัม การปลูกมะรุม มะรุมสามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินแทบทุกชนิด ชอบดินร่วนซุยที่มีการระบายน้ำดี ต้องการแสงแดดเต็มวันถึงวันละ 6-8 ชั่วโมง การปลูกมะรุมสามารถทำได้จากการเพาะเมล็ดหรือการปักชำ จากนั้นนำต้นกล้าไปปลูกในหลุมที่มีขนาด 50x50x50 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 1 กิโลกรัมต่อหลุม คลุกเคล้าให้เข้ากัน กลบดินให้แน่น […]
การปลูกฝรั่ง ฝรั่งเป็นผลไม้เมืองร้อนที่ปลูกง่ายและให้ผลผลิตสูงในประเทศไทย ขั้นตอนในการปลูกฝรั่งมีดังนี้ การเตรียมดิน เลือกพื้นที่ที่มีแสงแดดจัดและดินระบายน้ำดี ขุดหลุมขนาดกว้าง 1 เมตร ลึก 1 เมตร เว้นระยะห่างระหว่างหลุมประมาณ 4-6 เมตร ผสมดินกับปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตรา 1:1 เพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน การปลูก นำกิ่งพันธุ์ฝรั่งที่แข็งแรงไม่มีโรคลงปลูกในหลุม กดดินให้แน่นรอบโคนต้นและรดน้ำให้ชุ่ม ปักไม้หลักเพื่อช่วยพยุงต้น การดูแล รดน้ำสม่ำเสมอโดยเฉพาะในช่วงหน้าแล้ง ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16 ทุกๆ 3 เดือน ตัดแต่งกิ่งเพื่อให้ทรงพุ่มโปร่งและกระตุ้นการออกดอก กำจัดวัชพืชรอบต้น การป้องกันกำจัดโรคและแมลง ฝรั่งมักพบปัญหาโรครากเน่า โรคใบจุด โรคแอนแทรคโนส ให้ใช้สารเคมีป้องกันกำจัดตามคำแนะนำของผู้ผลิต แมลงที่พบได้บ่อย ได้แก่ เพลี้ยไฟ หนอนเจาะผล หนอนชอนใบ ให้ใช้สารเคมีหรือวิธีการกำจัดตามความเหมาะสม การเก็บเกี่ยว ฝรั่งจะแก่จัดและพร้อมเก็บเกี่ยวในระยะเวลาประมาณ 120-140 วันหลังดอกบาน สังเกตที่เปลือกผลเริ่มมีสีขาวอมเหลืองและนิ่มเล็กน้อย เก็บผลฝรั่งอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้ช้ำ
ถั่วหรั่ง (Bambara Groundnut) ถั่วหรั่งหรือที่เรียกว่า ถั่วบามบารา เป็นพืชตระกูลถั่วที่มีถิ่นกำเนิดในแอฟริกาตะวันตก นิยมปลูกเพื่อบริโภคเมล็ด ถั่วหรั่งมีรูปร่างเป็นทรงกลม สีน้ำตาล มีจุดเด่นที่เปลือกที่แข็งและมีลวดลายคล้ายหินอ่อน สรรพคุณของถั่วหรั่ง ถั่วหรั่งอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น โปรตีน: อุดมไปด้วยกรดอะมิโนที่จำเป็น (กรดอะมิโนจำเป็น) ไฟเบอร์: ช่วยส่งเสริมสุขภาพทางเดินอาหารและลดคอเลสเตอรอล แร่ธาตุ: อุดมไปด้วยแร่ธาตุสำคัญ เช่น เหล็ก สังกะสี ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม วิตามิน: อุดมไปด้วยวิตามินบีรวม เช่น ไนอาซิน ไทอามีน และไรโบฟลาวิน สารต้านอนุมูลอิสระ: ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ การบริโภคถั่วหรั่งเป็นประจำอาจช่วยป้องกันและรักษาภาวะสุขภาพต่างๆ เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด เบาหวานชนิดที่ 2 โรคอ้วน โรคโลหิตจาง ปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร การปลูกถั่วหรั่ง ถั่วหรั่งเป็นพืชที่ปลูกง่ายและไม่ค่อยมีปัญหาโรคและแมลง สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม: ชอบดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำที่ดี ต้องการแสงแดดเต็มวันถึงบางส่วน เจริญเติบโตได้ดีในช่วงอุณหภูมิ 20-30 องศาเซลเซียส ขั้นตอนการปลูก: เตรียมดิน: ไถดินให้ลึกประมาณ 20-30 เซนติเมตร ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก […]
ข้าวบาร์เลย์ ข้าวบาร์เลย์ (Hordeum vulgare L.) เป็นธัญพืชในวงศ์ Poaceae ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ข้าวบาร์เลย์มีแหล่งกำเนิดในพื้นที่แห้งแล้งในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้เมื่อประมาณ 10,000 ปีก่อน และปัจจุบันเป็นหนึ่งในธัญพืชที่ปลูกกันอย่างแพร่หลายในโลก ข้าวบาร์เลย์มักใช้ทำเบียร์ มอลต์ หรือใช้เป็นอาหารสัตว์ สรรพคุณของข้าวบาร์เลย์ ข้าวบาร์เลย์อุดมไปด้วยสารอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพดังนี้ ลดระดับคอเลสเตอรอล: ข้าวบาร์เลย์อุดมด้วยเส้นใยชนิดเบต้ากลูแคนที่ละลายน้ำได้ ซึ่งช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด: เส้นใยในข้าวบาร์เลย์ช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลกลูโคสในเลือด ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่ บำรุงหัวใจ: ธัญพืชทั้งเมล็ด เช่น ข้าวบาร์เลย์ อุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุ เช่น วิตามินบี โพแทสเซียม และแมกนีเซียม ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ ช่วยในการย่อยอาหาร: ข้าวบาร์เลย์มีเส้นใยที่ไม่ละลายน้ำได้ ซึ่งช่วยเพิ่มปริมาณในอุจจาระ ทำให้อุจจาระนิ่มลงและถ่ายได้ง่ายขึ้น ต้านมะเร็ง: ข้าวบาร์เลย์มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ฟีนอลิกและลิกแนน ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งบางชนิด การปลูกข้าวบาร์เลย์ ข้าวบาร์เลย์สามารถเติบโตได้ในดินหลากหลายประเภท รวมถึงดินร่วนปนทราย ดินร่วนปนเหนียว และดินเหนียว ข้าวบาร์เลย์ชอบแสงแดดเต็มที่และทนต่อความแห้งแล้งได้ดี ขั้นตอนการปลูกข้าวบาร์เลย์มีดังนี้ การเตรียมดิน: ไถดินลึกประมาณ 20-30 เซนติเมตร […]
หญ้าหวาน หญ้าหวาน (Stevia rebaudiana) เป็นพืชสมุนไพรหวานจากธรรมชาติ มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาใต้ใบของหญ้าหวานมีความหวานมากกว่าน้ำตาลทรายถึง 250-300 เท่า โดยไม่ให้พลังงาน โดยสารให้ความหวานของหญ้าหวาน ได้แก่ สตีวิโอไซด์ (stevioside) และรีบ аудиторские услуги в москвеaoside (rebaudioside A) ซึ่งมีความคงตัวต่อความร้อนและความเป็นกรด สรรพคุณของหญ้าหวาน ให้ความหวานโดยไม่ให้พลังงาน จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักและผู้ป่วยโรคเบาหวาน ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยลดความดันโลหิต ช่วยลดคอเลสเตอรอล มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความแก่ ช่วยลดอาการอักเสบ ช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร การปลูกหญ้าหวาน หญ้าหวานสามารถปลูกได้ง่ายในดินร่วนซุยที่มีการระบายน้ำดี ต้องการแสงแดดจัดและน้ำปานกลาง วิธีการปลูกมีดังนี้ เตรียมแปลงปลูกโดยไถ พรวนดิน และกำจัดวัชพืช ขุดหลุมปลูกขนาด 30×30 เซนติเมตร ลึก 15 เซนติเมตร ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักลงในหลุมปลูก นำต้นกล้าหญ้าหวานลงปลูก กดดินให้แน่นและรดน้ำให้ชุ่ม ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 ทุกๆ 2 เดือน รดน้ำสม่ำเสมอ […]
ผักแขยง/ผักกะออม ผักแขยงหรือผักกะออมเป็นผักพื้นบ้านที่นิยมรับประทานในประเทศไทย มีลักษณะใบใหญ่เป็นสีเขียวเข้ม มีสรรพคุณทางยาที่หลากหลาย เนื่องจากอุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ประโยชน์และสรรพคุณของผักแขยง บำรุงเลือด: ผักแขยงมีปริมาณธาตุเหล็กสูง ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับการสร้างเม็ดเลือดแดง ช่วยบำรุงเลือด ป้องกันและรักษาอาการโลหิตจาง แก้อาการอักเสบ: ผักแขยงมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดอาการอักเสบในร่างกายได้ เช่น อาการปวดข้อ ปวดเมื่อยตามร่างกาย และอาการอักเสบอื่นๆ เสริมสร้างกระดูกและฟัน: ผักแขยงอุดมไปด้วยแคลเซียมที่ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง ป้องกันโรคกระดูกพรุน บำรุงสายตา: ผักแขยงมีวิตามินเอสูง ซึ่งเป็นวิตามินที่สำคัญสำหรับการมองเห็น ช่วยบำรุงสายตา ป้องกันโรคตาฟาง ตาแห้ง และโรคจอประสาทตาเสื่อม ลดระดับน้ำตาลในเลือด: ผักแขยงมีสารช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานหรือมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ขับพิษในร่างกาย: ผักแขยงมีสรรพคุณช่วยขับพิษออกจากร่างกาย ลดการสะสมสารพิษในตับและไต
พลู: ประโยชน์และสรรพคุณ พลู เป็นพืชไม้เถาจำพวกเครื่องเทศในวงศ์ Piperaceae เป็นไม้เลื้อยชนิดหนึ่ง มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ใบพลูมีลักษณะเป็นรูปหัวใจ ผิวใบเกลี้ยงและมัน มีสีเขียวเข้ม ใบพลูมีรสเผ็ดและขมเล็กน้อย นิยมนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในเครื่องเทศ เครื่องแกง และใช้เคี้ยวกิน همراهกับหมากและปูนขาว ประโยชน์และสรรพคุณของพลู พลูมีสรรพคุณทางยาหลากหลาย ดังนี้ แก้ปวดฟันและเหงือกอักเสบ: ใบพลูนำมาตำหรือเคี้ยวกิน สามารถแก้ปวดฟันและเหงือกอักเสบได้ บรรเทาอาการท้องเสีย: ใบพลูมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ช่วยบรรเทาอาการท้องเสียได้ ขับลม: ใบพลูช่วยขับลมในกระเพาะอาหารและลำไส้ ช่วยย่อยอาหาร: ใบพลูมีเอนไซม์ช่วยย่อยอาหาร ทำให้การย่อยอาหารเป็นไปได้ดีขึ้น บำรุงกระดูกและข้อ: ใบพลูมีสารแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูง ซึ่งช่วยบำรุงกระดูกและข้อใหแข็งแรง รักษาโรคผิวหนัง: ใบพลูมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ช่วยรักษาโรคผิวหนังต่างๆ เช่น กลาก เกลื้อน หิด และอีสุกอีใส
ผักบุ้งทะเล ดอกสวย สรรพคุณแก้อักเสบ แก้พิษแมงกระพรุน ผักบุ้งทะเล เป็นพืชริมทะเลที่มีดอกสีชมพูหรือม่วงสวยงาม นอกจากความสวยงามนี้แล้ว ผักบุ้งทะเลยังมีสรรพคุณทางยาที่ดีเยี่ยมอีกด้วย สรรพคุณทางยาของผักบุ้งทะเล แก้อักเสบ โดยเฉพาะบริเวณเยื่อบุต่างๆ เช่น เยื่อบุตา เยื่อบุปาก หรือเยื่อบุลำไส้ ลดอาการบวมน้ำ แก้พิษแมงกระพรุน โดยใช้ใบผักบุ้งทะเลตำพอกบริเวณที่ถูกพิษ ช่วยบรรเทาอาการปวด บวม และคัน ช่วยบำรุงสายตา บำรุงหัวใจ
กระเทียมต้น (Leek) สรรพคุณกระเทียมต้น กระเทียมต้นเป็นพืชที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุมากมาย เช่น วิตามินเอ วิตามินซี โพแทสเซียม และแมกนีเซียม โดยมีสรรพคุณทางยาที่หลากหลายดังนี้ ต้านการอักเสบ: กระเทียมต้นมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการอักเสบในร่างกายได้ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน: วิตามินซีในกระเทียมต้นช่วยกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาว ซึ่งเป็นเซลล์ที่ช่วยต่อสู้กับการติดเชื้อ ลดความดันโลหิตสูง: โพแทสเซียมในกระเทียมต้นช่วยลดความดันโลหิตสูงได้ บำรุงกระดูกและฟัน: วิตามินเคในกระเทียมต้นช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง บรรเทาโรคปวดศีรษะ: สารแอลลิซินในกระเทียมต้นมีฤทธิ์คล้ายยาแก้ปวด ช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะได้ การปลูกกระเทียมต้น การปลูกกระเทียมต้นทำได้ง่ายและไม่ยุ่งยาก โดยมีขั้นตอนดังนี้ เตรียมดิน: กระเทียมต้นชอบดินร่วนที่ระบายน้ำได้ดี ก่อนปลูกจึงควรปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก ปลูกหลอดไฟ: นำหลอดไฟกระเทียมต้นแยกออกจากกันแล้วปลูกในดิน โดยให้ส่วนที่เป็นรากลงด้านล่าง ส่วนที่มีหน่อขึ้นด้านบน ความลึกประมาณ 2-3 เซนติเมตร รดน้ำ: ให้รดน้ำกระเทียมต้นอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่แฉะจนเกินไป ใส่ปุ๋ย: ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเพิ่มเติมทุกๆ เดือนเพื่อให้กระเทียมต้นเจริญเติบโตได้ดี เก็บเกี่ยว: โดยทั่วไปสามารถเก็บเกี่ยวกระเทียมต้นได้เมื่อมีอายุประมาณ 60-80 วัน