ตะไคร้ต้น คืออะไร ตะไคร้ต้น เป็นพืชล้มลุก มีอายุอยู่ได้หลายปี ลำต้นสูงตรง มีเหง้าอยู่ใต้ดิน ลำต้นและใบมีกลิ่นหอม ใบมีลักษณะเรียวยาว ปลายใบแหลม ดอกมีสีขาวหรือสีชมพูอ่อน ออกเป็นช่อที่ปลายยอด ใช้เป็นเครื่องเทศปรุงอาหาร ช่วยดับกลิ่นคาว แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ขับลม ขับเสมหะ ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของตะไคร้ต้น ชื่อวิทยาศาสตร์: Cymbopogon citratus วงศ์: Poaceae ชื่อสามัญ: Lemongrass, Lemon grass ลักษณะทั่วไป: เป็นพืชล้มลุก อายุหลายปี ลำต้นสูงตรง มีกลิ่นหอม จัดอยู่ในวงศ์หญ้า ใบ: ใบเดี่ยว เรียงสลับ แผ่นใบยาวเรียว ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบเป็นคลื่นเล็กน้อย มีสีเขียวถึงเขียวอมเทา ดอก: ออกเป็นช่อที่ปลายยอด ช่อดอกมีลักษณะเป็นทรงกระบอก โคนช่อดอกมีกาบหุ้มซ้อน 3 ใบ กลีบรองกลีบดอกมี 2 กลีบ มีขนาดใกล้เคียงกัน กลีบดอกมี 1 กลีบ […]
Tag Archives: ข้าว
ชะพลู ชะพลูเป็นพืชล้มลุกที่มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในประเทศไทยพบชะพลูขึ้นทั่วไปตามป่าโปร่งและริมลำธาร ลำคลอง ชะพลูมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Piper lolot และมีชื่ออื่น ๆ เรียกอีกว่า ผักพลู ใบพลู สรรพคุณของชะพลู ชะพลูมีสรรพคุณทางยาหลายประการ ได้แก่ แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย แก้ปวดท้อง แก้ท้องเสีย แก้แผลในกระเพาะอาหาร แก้โรคกระเพาะอาหารอักเสบ แก้โรคลำไส้ใหญ่อักเสบ แก้โรคลำไส้แปรปรวน แก้โรคริดสีดวงทวาร แก้ปวดฟัน แก้ปวดเหงือก แก้เจ็บคอ แก้ไอ แก้หอบหืด แก้ไข้หวัด แก้ปวดหัว แก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย แก้ผิวหนังอักเสบ แก้แผลเปื่อย แก้โรคซิฟิลิส แก้โรคเบาหวาน แก้โรคมะเร็ง ประโยชน์ของชะพลู นอกจากสรรพคุณทางยาแล้ว ชะพลูยังมีประโยชน์อื่น ๆ อีก ได้แก่ ใช้ปรุงอาหาร ชะพลูเป็นผักที่มีรสชาติเผ็ดเล็กน้อย นิยมนำมาใช้เป็นเครื่องเคียงในอาหารต่าง ๆ เช่น ยำ ส้มตำ ลาบ น้ำพริก ผัดเผ็ด ฯลฯ […]
มะกอก/มะกอกป่า (Hog Plum) มะกอกหรือมะกอกป่า (แก้วมังกรม) เป็นผลไม้ท้องถิ่นที่พบได้ทั่วไปทุกภูมิภาค เหมาะปลู กทั้งเพื่อบริโภ ก หรือปลู กเพื่อขาย แต่เดิมเป็นผลไม้ป่า ต่อมาได้มีการนำมาปลู กในสวน โดยมะกอกมีส ถานะเป็นพืชในรั บการส่งเ รมหนุนของรัฐบาล หรือเรียกอีกอย่างว่าพืชเศรษฐกิจ ทั้งยังได้ประกาศให้มะกอกเป็ น 1 ใน 7 ไม้มงคล ครั้งแรกมีการค้นพบว่ามะกอ กบริบูรณ์ไปด้ วยสารต้านอนุมูล อิสระ จากผลการทดลองใน จานเพตรี พบว่าน้ำคั่นมะกอกมีฤทธิ์ยับยั่งเชื้ อแบคที เรีอคลิติน ถือเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้ วยสารต้านอนุมูล อิสระ เมื่อบริโภ ก ด้ วยปริมาณที่เหมาะสม จะสามารถคุ้มครองร่างกายให้หลุดพ้น จากโรคร ้ายต่างๆ ด้ วย ปัจจัยที่มียอ งค์ประกอบร่างกายแบ บปลอดสารพิษ นักโภชนาการเ นำนำว่าควรบริโภ กผลไม้ที่มีสารอาหารหลากหลายชนิดในปริมาณที่เหมาะสม อย่างมะกอก ที่ยังเป็ นแหล่งของโฟเลต […]
ว่านเศรษฐีเรือนนอก ว่านเศรษฐีเรือนนอก มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Tradescantia zebrina เป็นพืชใบสวยที่มีลายใบที่โดดเด่น โดยทั่วไปมีถิ่นกำเนิดในเม็กซิโกและอเมริกากลาง และสามารถพบได้ทั่วไปในประเทศไทย ประโยชน์ของว่านเศรษฐีเรือนนอก ว่านเศรษฐีเรือนนอกเป็นไม้ประดับที่มีความสวยงามด้วยลวดลายใบที่เป็นเอกลักษณ์ สามารถนำมาใช้ประดับตกแต่งทั้งภายในและภายนอกอาคารได้ ว่านเศรษฐีเรือนนอกเป็นพืชที่ดูแลง่าย เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุย ที่มีการระบายน้ำดี ว่านเศรษฐีเรือนนอกมีความสามารถในการฟอกอากาศได้ดี และยังช่วยเพิ่มความชื้นให้กับอากาศได้ ว่านเศรษฐีเรือนนอกมีสรรพคุณทางยา โดยสามารถใช้ใบในการรักษาแผลและโรคผิวหนังต่างๆ ได้ ความเป็นมงคลของว่านเศรษฐีเรือนนอก ว่านเศรษฐีเรือนนอกมีความเชื่อว่าเป็นไม้มงคล ช่วยเสริมโชคลาภและความร่ำรวยให้กับผู้ปลูก จึงเป็นที่นิยมนำมาปลูกไว้ในบ้านเรือนและสถานที่ทำงาน วิธีปลูกว่านเศรษฐีเรือนนอก การปลูกว่านเศรษฐีเรือนนอกสามารถทำได้ทั้งในดินและในน้ำ โดยวิธีการปลูกนั้นมีดังนี้ การปลูกในดิน เตรียมดินโดยผสมดินร่วน ทราย และปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตราส่วนที่เท่าๆ กัน จากนั้นนำต้นว่านเศรษฐีเรือนนอกมาปลูกในกระถางที่มีขนาดเหมาะสม การปลูกในน้ำ นำต้นว่านเศรษฐีเรือนนอกมาปักในภาชนะใส่น้ำสะอาด โดยให้ระดับน้ำอยู่ต่ำกว่าโคนต้นเล็กน้อย เปลี่ยนน้ำทุกๆ 1-2 สัปดาห์
การปลูกฝรั่ง ฝรั่งเป็นผลไม้ที่มีรสชาติหวาน อมเปรี้ยวเล็กน้อย เป็นผลไม้ที่นิยมบริโภคกันอย่างแพร่หลาย และมีการปลูกฝรั่งกันอย่างมากมาย โดยเฉพาะในประเทศไทย การปลูกฝรั่งนั้นสามารถทำได้ง่ายๆ หากมีการดูแลเอาใจใส่ที่ดี การเตรียมพื้นที่และแปลงปลูก การเตรียมพื้นที่และแปลงปลูก ถือเป็นขั้นตอนแรกของการปลูกฟรั่ง ซึ่งต้องเริ่มด้วยการเลือกพื้นที่ที่มีความเหมาะสมในการปลูกฝรั่ง ดินควรมีความร่วนซุย มีการระบายน้ำที่ดี และมีค่า pH อยู่ในช่วง 6.0-6.5 จากนั้นไถพรวนดินตากแดดทิ้งไว้ 5-7 วัน เพื่อฆ่าเชื้อโรคและให้ดินมีอากาศถ่ายเท การเตรียมกล้าพันธุ์ เมื่อได้พื้นที่และแปลงปลูกที่เหมาะสมแล้ว ให้เริ่มเพาะกล้าพันธุ์ โดยนำเมล็ดฝรั่งที่สมบูรณ์มาแช่น้ำอุ่น 30-45 องศาเซลเซียส ทิ้งไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง จากนั้นเพาะเมล็ดลงในถุงเพาะชำที่มีส่วนผสมของดินร่วนซุยและปุ๋ยหมัก โดยวางเมล็ดลงไปแล้วกลบด้วยดินบางๆ แล้วรดน้ำให้ชุ่ม จากนั้นนำถุงเพาะชำไปวางในที่ที่มีแสงแดดพอเหมาะ เมื่อกล้าพันธุ์โตได้ประมาณ 15-20 เซนติเมตร ก็สามารถนำลงปลูกในแปลงปลูกได้ การย้ายกล้าพันธุ์ลงปลูก เมื่อได้กล้าพันธุ์ที่สมบูรณ์แล้ว นำกล้าพันธุ์ลงปลูกในแปลงปลูกโดยขุดหลุมปลูกให้มีขนาดใหญ่กว่าถุงเพาะชำเล็กน้อย แล้วนำกล้าพันธุ์ออกจากถุงเพาะชำ ระวังอย่าให้รากเสียหาย จากนั้นวางต้นกล้าลงในหลุมปลูก แล้วกลบดินลงไปให้แน่น รดน้ำให้ชุ่ม การดูแลรักษาฝรั่ง เมื่อปลูกฝรั่งแล้ว จะต้องหมั่นดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ โดยการรดน้ำสม่ำเสมอไม่ให้ดินแห้ง โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้งอาจต้องรดน้ำ 2 ครั้งต่อวัน นอกจากนี้ […]
ผักบุ้งทะเล ดอกสวย สรรพคุณแก้อักเสบ แก้พิษแมงกระพรุน ผักบุ้งทะเล (Sesuvium portulacastrum) เป็นผักริมทะเลขึ้นงอกลุยน้ำอยู่ทั่วชายฝั่งทะเลของไทย บริเวณโขดหินหรืออยู่ตามชายหาด ดอกสีม่วงพัดสวยงาม และยังมีสรรพคุณในการรักษาโรคได้อีกด้วย เป็นพืชในสกุล Sesuvium วงศ์ Aizoaceae เช่นเดียวกับผักบุ้ง ผักบุ้งทะเลจัดเป็นพืชล้มลุกขนาดเล็กมีความสูงประมาณ 10-30 เซนติเมตร ลักษณะใบอวบน้ำเนื้อใบหนาสีเขียวเป็นรูปขอบขนานมนสีเขียว กลีบดอกสีม่วงหรือชมพู ดอกจะบานวันละดอก กลีบดอกจะร่วงตอนเย็น มีผลเป็นแคปซูล สรรพคุณของผักบุ้งทะเล แก้อักเสบ ผักบุ้งทะเลมีสารต้านอักเสบ ช่วยบรรเทาอาการอักเสบของผิวหนัง ลดอาการปวด บวม แดง และร้อน แก้พิษแมงกระพรุน สารสกัดจากผักบุ้งทะเลมีฤทธิ์ในการแก้พิษแมงกระพรุน โดยช่วยยับยั้งการปล่อยพิษของแมงกระพรุน และช่วยบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อนจากพิษแมงกระพรุนได้ ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ผักบุ้งทะเลมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ช่วยป้องกันการติดเชื้อ รักษาโรคผิวหนัง ผักบุ้งทะเลมีฤทธิ์ในการสมานแผล ช่วยรักษาโรคผิวหนังต่างๆ เช่น กลาก เกลื้อน ผื่นคัน รักษาโรคกระเพาะอาหาร ผักบุ้งทะเลช่วยบรรเทาอาการปวดท้อง ลดการอักเสบของกระเพาะอาหาร และช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารได้ รักษาเบาหวาน สารสกัดจากผักบุ้งทะเลมีฤทธิ์ในการลดน้ำตาลในเลือด ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติ บำรุงสายตา ผักบุ้งทะเลอุดมไปด้วยวิตามินเอ […]
มะหวด มะหวด (ชื่อทางวิทยาศาสตร์: Baccaurea sapida) เป็นพันธุ์ไม้ป่าดั้งเดิมของไทยในตระกูล Phyllanthaceae และเป็นผลไม้ป่าที่พบได้ทั่วไปในป่าเบญจพรรณทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย โดยมักจะขึ้นตามป่าโปร่งและป่าเต็งรัง โดยสามารถจำแนกมะหวดออกได้เป็น 3 ชนิดย่อยคือ มะหวดพันธุ์ทั่วไป มะหวดพันธุ์สีดา และมะหวดพันธุ์เสาวรส ลักษณะของมะหวด ลำต้นมีความสูงประมาณ 5-10 เมตร เปลือกต้นมีสีน้ำตาลอมเทาลักษณะขรุขระ ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงแบบสลับ รูปไข่หรือรูปรี ปลายใบมน โคนใบสอบ ขอบใบหยัก ใบมีขนาดกว้างประมาณ 5-10 ซม. ยาวประมาณ 10-15 ซม. ก้านใบยาวประมาณ 2-3 ซม. ดอกเป็นดอกย่อยขนาดเล็ก สีขาวหรือสีชมพูอ่อน มีกลิ่นหอมอ่อนๆ的花序เป็นกระจุกแน่นที่ปลายกิ่ง ผลเป็นผลเดี่ยว รูปไข่หรือรูปกลมรี ปลายผลแหลม โคนผลเว้า ผลมีขนาดกว้างประมาณ 2-3 ซม. ยาวประมาณ 3-5 ซม. ผลอ่อนมีสีเขียวเข้ม เมื่อสุกแล้วผลจะมีสีเหลืองหรือสีส้ม เปลือกผลบาง เนื้อในผลมีรสเปรี้ยวอมหวาน เมล็ดมีขนาดเล็ก สีน้ำตาลเข้ม สรรพคุณของมะหวด […]
ข้าวโพดหวาน ข้าวโพดหวานเป็นพืชที่ปลูกกันมากในประเทศไทย สามารถปลูกได้ในดินหลายประเภท แต่ดินที่เหมาะสมที่สุดคือดินร่วนปนทรายหรือดินร่วนเหนียวที่มีความอุดมสมบูรณ์และระบายน้ำได้ดี ข้าวโพดหวานต้องการแสงแดดเต็มที่ตลอดทั้งวัน ดังนั้นจึงควรปลูกในพื้นที่ที่มีแสงแดดอย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อวัน การปลูกข้าวโพดหวาน การเตรียมดิน ไถพรวนดินให้ลึกประมาณ 20-30 เซนติเมตร ตากดินไว้ประมาณ 1 สัปดาห์เพื่อกำจัดวัชพืชและโรคพืช จากนั้นใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยอินทรีย์ในอัตรา 1-2 ตันต่อไร่ ไถพรวนดินอีกครั้งเพื่อย่อยสลายปุ๋ยและทำให้ดินร่วนซุย พร้อมสำหรับการปลูก การปลูก ข้าวโพดหวานปลูกโดยการหยอดเมล็ดลงไปในหลุมที่เตรียมไว้ หลุมละ 2-3 เมล็ด ระยะห่างระหว่างหลุมประมาณ 50-60 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 70-80 เซนติเมตร หลังจากหยอดเมล็ดแล้วกลบดินให้มิด การดูแลรักษา ในช่วงแรกของการเจริญเติบโต ควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ดินมีความชื้นพอเหมาะ เมื่อข้าวโพดหวานมีอายุประมาณ 1 เดือน ให้ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 ในอัตรา 100-150 กิโลกรัมต่อไร่ โดยแบ่งใส่ 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อข้าวโพดหวานมีอายุประมาณ 1 เดือน และครั้งที่สองเมื่อข้าวโพดหวานมีอายุประมาณ 2 เดือน การเก็บเกี่ยว ข้าวโพดหวานสามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่อมีอายุประมาณ […]
ชบา (hibiscus) ชบา (hibiscus) เป็นกลุ่มของไม้ดอกที่มีสีสันหลากหลายและมีขนาดแตกต่างกันตั้งแต่ไม้พุ่มขนาดใหญ่ไปจนถึงไม้ต้นขนาดเล็ก ชบามีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน ตั้งแต่อเมริกา กลางและอเมริกาใต้มายังเกาะแปซิฟิก นอกจากนี้ชบายังเป็นไม้ประจำชาติของ เกาหลีใต้อีกด้วย ประโยชน์และสรรพคุณของชบา ชบาเป็นดอกไม้ที่มีความงามที่เป็นที่รู้จักกันมานานหลายศตวรรษ ประโยชน์ของชบานอกจากความงามแล้วยังมีสรรพคุณทางยาอีกด้วย ซึ่งในปัจจุบันมีการใช้ชบา ในทางการแพทย์อย่างแพร่หลาย โดยใช้ทั้งดอก กลีบ กลีบเลี้ยง และใบเพื่อรักษาอาการต่างๆ เช่น : แก้เจ็บคอ แก้ไอ แก้อาการเจ็บหน้าอก ไซนัสอักเสบ และหลอดลมอักเสบ ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและน้ำตาลในเลือดได้ ช่วยบรรเทาอาการเสียดท้องและท้องผูก ช่วยเจริญอาหาร บำรุงระบบย่อยอาหาร และกระเพาะอาหาร ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตในหัวใจ ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิต้านทานของร่างการ ช่วยระบายความร้อน และลดการอักเสบ
ผักเคล (curly Kale) ราชินีผักใบเขียว คุณค่าทางโภชนาการสูง สรรพคุณ และวิธีปลูก ผักเคล (curly Kale) จัดเป็นพืชในตระกูลกะหล่ำ ผักเคลเป็นผักใบเขียวที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก ราชินีผักใบเขียวได้รับการขนานนามว่า ราชินีผักใบเขียวเนื่องจากมีสารอาหารมากมายเหลือเกิน จัดเป็นผักที่มีสารต้านอนุมูลอิสระมากที่สุดชนิดหนึ่งในบรรดาผักทั้งหมดที่บริโภคกันในปัจจุบัน ผักเคลอุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินเค วิตามินเอ และแคลเซียมสูง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสารอาหารที่มีความสำคัญต่อสุขภาพของร่างกาย ช่วยในเรื่องการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันมะเร็ง ลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดระดับคอเลสเตอรอล รวมทั้งยังมีส่วนช่วยในการบำรุงสายตา ป้องกันโรคหัวใจ รวมทั้งเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ให้ร่างกายแข็งแรงไม่เจ็บป่วยง่าย วิธีปลูกผักเคล ผักเคลสามารถปลูกได้ในดินแทบทุกประเภท แต่จะเจริญเติบโตได้ดีที่สุดในดินร่วนซุย ระบายน้ำได้ดี และมีค่า pH อยู่ระหว่าง 6.0-7.0 สำหรับขั้นตอนการปลูกมีดังนี้ เตรียมแปลงปลูกโดยไถพรวนดิน ตากแดด และกำจัดวัชพืชออกให้หมด จากนั้นใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักที่สลายตัวแล้วลงไป แล้วพรวนดินให้เข้ากัน หว่านเมล็ดผักเคลลงไปบางๆ หรือจะใช้หลุมปลูกก็ได้ โดยเว้นระยะห่างระหว่างหลุมประมาณ 30-40 ซม. หลังจากนั้นกลบเมล็ดด้วยดินบางๆ และรดน้ำให้ชุ่ม รดน้ำผักเคลอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน ควรรดน้ำทุกวัน ส่วนในช่วงฤดูหนาวอาจจะเว้นระยะห่างได้บ้าง เมื่อผักเคลเริ่มโต ให้ใส่ปุ๋ยเสริมบ้าง […]